ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 233 ชายชั่วที่วอนโดนยำ
บทที่ 233 ชายชั่วที่วอนโดนยำ
ขณะรอคอยผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หัวใจของผู้คนก็ไม่เป็นสุขเล็กน้อย
อย่างที่หลินชิงเหอรู้มา เนื่องจากในปีแรกของการฟื้นฟูศึกษาปีนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างรีบร้อน เงื่อนไขอะไรต่าง ๆ จึงหย่อนยาน แต่หลังจากเข้าปีที่สองแล้ว ทั้งสามีและภรรยาก็คงต้องแยกจากกันจริง ๆ
เพราะเงื่อนไขในปีที่สองข้อหนึ่งคือนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยต้องมีสถานะโสด นักเรียนที่แต่งงานแล้วจะไม่ได้รับอนุญาตให้สอบ
นี่หมายความว่าอย่างไรล่ะ?
มันก็หมายความว่าบรรดาบัณฑิตที่อยู่ในชนบทเลือกที่จะหย่าจากครอบครัวกันน่ะสิ!
ปีนี้ผู้คนต่างหวั่นใจ ปีหน้าจะเป็นความวุ่นวายที่แท้จริง
ไม่นานนักผู้ช่วยสำนักงานการศึกษาประจำตำบลก็ประกาศแบบสอบถามเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
หลินชิงเหอกับเจ้าใหญ่รีบไปชิงมาอย่างรวดเร็ว
บรรดาบัณฑิตหนุ่มสาวทั้งหลายก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน พวกเขาได้แบบสอบถามเลือกเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้วแต่ไม่รู้จะกรอกลงไปว่าอย่างไร ในที่สุดพวกเขาจึงมาหาหลินชิงเหอ
ความต้องการของหลินชิงเหอนั้นเรียบง่ายมาก เธออยากเข้า มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยซิงฮวา มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น และมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง
มีแค่ 4 มหาวิทยาลัยนี้
เจ้าใหญ่กรอกตามแม่ของเขาไปตรง ๆ ย่าของเขาบอกเขาเป็นการส่วนตัวว่าเขาต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกับแม่ของเขา
ยิ่งกว่านั้นเจ้าใหญ่ยังคิดว่าเขาน่าจะสอบผ่าน เขาเพิ่งจบชั้นมัธยมปลายมาไม่นานและยังแน่ใจด้วยว่าทำโจทย์ส่วนใหญ่ได้หมด
ขณะที่คนอื่น ๆ เห็นแม่ลูกคู่นี้เลือกมหาวิทยาลัยกัน พวกเขาก็พากันปากสั่น ทำไมเป้าหมายของสองคนนี้มันยิ่งใหญ่ขนาดนี้?
มหาวิทยาลัยพวกนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันล่ะ?
ไม่มีทางที่พวกเขาจะเลือกตามแม่ลูกคู่นี้หรอก คนอื่น ๆ จึงตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยตามเฉินซาน
ซึ่งเฉินซานเลือกมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น
หลินชิงเหอไม่สนใจ เธอกรอกตัวเลือกและยื่นส่งให้กับคณะกรรมการการศึกษา จากนั้นก็กลับบ้านพร้อมกับเจ้าใหญ่
ผลการเลือกเข้ามหาวิทยาลัยจะถูกประกาศในอีก 1 เดือนต่อมา ซึ่งเฉินซานก็ได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอู่ฮั่น เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวของทั้งพื้นที่ที่ได้รับคัดเลือก
แม้ชายคนนี้อยากจะขุคคุ้ยคนอื่น แต่เขาก็ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีในแง่มุมอื่นนอกเหนือจากเรื่องชอบขุดคุ้ยคนอื่น จึงไม่มีใครในพื้นที่คอยขัดขาเขา
และเขาก็ได้รับจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัย
คนในสิบลี้แปดหมู่บ้านต่างได้เห็นเฉินซานในแง่มุมใหม่
หลินชิงเหอยังคงสอนหนังสืออยู่ ตอนนี้ใกล้จบภาคการศึกษาแล้ว เหลือการสอนเพียงไม่กี่ชั้นเรียนเท่านั้นก่อนที่วันหยุดจะมาถึง เนื่องจากมีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี่เอง ทำให้การศึกษากลายเป็นเรื่องสำคัญไป
แม้แต่ในโรงเรียนมัธยมต้นประจำตำบลยังเริ่มให้ทุนการศึกษาในทันที ตราบใดที่มีคนได้ผลการเรียนดีในการสอบเข้าร่วมกับตำบลอื่น พวกเขาก็จะได้รับทุนการศึกษาไป
เป้าหมายนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้เด็ก ๆ รักการเรียนรู้
หลังการสอนในวันนั้น เฉินซานก็มาหาหลินชิงเหอ
“พรุ่งนี้ผมจะไปแล้วนะครับ” เฉินซานมองหลินชิงเหอก่อนเอ่ยออกมา
หลินชิงเหอกลอกตา “ยินดีกับคุณครูเฉินด้วยนะคะ ในฐานะครูแล้วฉันก็อยากจะแนะนำให้คุณใจดีกับคนอื่น เป็นครูที่ดี สร้างประโยชน์ให้กับสังคม และอย่าเป็นกากเดนสังคมนะคะ”
หลินชิงเหออยากให้เฉินซานจากไปเร็ว ๆ หลังจากกันแล้วพวกเขาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากันอีกเลยในชาตินี้ หมายความว่าทุกอย่างจะจบสิ้นที่นี่
“คุณครูหลินเองก็รู้ความคิดของผมที่มีต่อคุณนี่ครับ หลายปีมานี้ผมไม่เปลี่ยนใจหรอก ตอนนี้ผมได้รับคัดเลือกแล้ว คุณก็มากับผมได้ คุณครูหลินทิ้งชีวิตชนบทไปอยู่กับผมในเมืองเถอะครับ” เฉินซานมองเธอและเอ่ยออกมา
บางทีอาจเป็นเพราะได้รับการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จึงทำให้เฉินซานใจกล้ามากขึ้นเล็กน้อย ความปรารถนาในตัวหลินชิงเหอฉายออกมาจากดวงตาอย่างปิดไม่มิด
“ผมจะเตะคนชั่วอย่างคุณให้ตายเลย!” เจ้ารองที่เรียนอยู่ชั้นปีที่สองโผล่มาจากไหนก็ไม่อาจทราบได้ เขาเหวี่ยงขาเตะเฉินซานออกไป
อย่าประมาทเจ้ารองที่อายุเพียง 11 ขวบในปีนี้เชียว เขาเตี้ยกว่าเฉินซานเล็กน้อย ซึ่งเฉินซานสูงราว 173 ถึง 174 เซนติเมตร ขณะที่เจ้ารองสูง 165 เซนติเมตรเท่ากับหลินชิงเหอ
เขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากหลินชิงเหอ ชอบเล่นฟุตบอลหรือไม่ก็เดินทางเข้าไปในโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอเพื่อไปเล่นบาสเกตบอล เขาแข็งแกร่งดังโคถึก และไม่เกรงกลัวเฉินซานแต่อย่างใด!
เฉินซานเองก็ไม่คิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ เขามองหลินชิงเหอเป็นครั้งสุดท้ายและหมุนตัวจากไป
“หยุดตรงนั้นนะ!” เจ้ารองจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ
เจ้าชายชั่วนี่กล้าอ่อยแม่ของเขาและอยากให้แม่ของเขาทิ้งสามีและลูก ๆ ไปอยู่กับเขาเหรอ วอนโดนยำเสียแล้ว!
“อะแฮ่ม เจ้ารอง นี่ก็เย็นมากแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ” หลินชิงเหอจับมือเขาไว้และเอ่ยขึ้น
เจ้าใหญ่อายุ 13 ปีและสูง 175 เซนติเมตร เจ้ารองอายุ 11 ปี สูง 165 เซนติเมตร และยังมีเจ้าสามอีกคนหนึ่ง แม้ปีนี้เขาจะอายุเพียง 9 ขวบ แต่เขาก็ไม่เตี้ยเลย
นับว่าหลินชิงเหอประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกชายทั้งสามให้เติบใหญ่ถึงขนาดนี้
“แม่อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของไอ้เวรนี่นะครับ สิ่งที่เขาให้แม่ได้ พี่ใหญ่กับผมก็ให้แม่ได้เหมือนกัน!” เจ้ารองโน้มน้าวแม่ของเขาอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ แม่เสียสละอย่างใหญ่หลวงเพื่อลูก ๆ ทุกคนแล้วนะ ก็แค่นักศึกษาคนหนึ่งมาชวนแม่เพราะอยากให้แม่ไปมีชีวิตดี ๆ อยู่กับเขาเท่านั้นเอง” หลินชิงเหอคร่ำครวญอย่างใส่อารมณ์
เจ้ารองได้ฟังก็ร้อนใจ เขารีบแย้งรัวเร็ว “แม่อย่าโดนเขาหลอกนะครับ ไก่อ่อนอย่างเขาจะทำให้แม่มีชีวิตที่ดีได้ยังไงล่ะครับ? แม่ยังมีพี่ใหญ่กับผม พ่อด้วย เจ้าสามเองก็กำลังโตขึ้นเหมือนกัน พวกเราสี่คนดีกว่าเขาเยอะเลยนะครับ!”
หลินชิงเหอตบบ่าของเขาและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไปขี่จักรยานได้แล้ว”
จากนั้นเธอก็นั่งซ้อนท้ายเจ้ารองกลับบ้าน
ตอนนี้เป็นเจ้ารองที่เป็นคนปั่นจักรยานโดยมีเธอนั่งซ้อนท้าย
เมื่อถึงบ้านแล้ว หลินชิงเหอก็เริ่มเตรียมอาหารเย็น เจ้ารองไปหาเจ้าใหญ่และคุยเรื่องนี้กับเขา ส่วนเจ้าสามนั้นยังเด็กเกินไปที่จะรู้เรื่องนี้
“นายทำตัวลับ ๆ ล่อๆ แบบนี้มีอะไรน่ะ?” เจ้าใหญ่ถาม
“พี่ใหญ่ พี่รู้ไหมว่าเราเกือบจะเสียแม่ไปแล้ว!” เจ้ารองเปิดประเด็น
โจวชิงไป๋เดินผ่านมาพอดีในตอนที่สองพี่น้องคุยกันและแอบได้ยินมาบางส่วน สีหน้าของเขามืดครึ้มในทันทีที่ได้ยินดังนั้น
แต่เขาก็ไม่ส่งเสียงใด ๆ และยังคงฟังต่อ
“เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าใหญ่มีท่าทางอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
“ปกติผมกลับมาบ้านพร้อมกับแม่ใช่ไหม? แต่วันนี้ผมเห็นว่าแม่ไม่มาหาผมที่ชั้นเรียนสักที ก็เลยไปตามหาแม่ รู้ไหมว่าผมเจออะไรมา?” เจ้ารองมีท่าทางเดือดจัดขณะเอ่ยเรื่องนี้
“นายไปเจออะไรเข้าล่ะ?” เจ้าใหญ่ย่นคิ้ว
“เฉินซานคนที่ได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยนั่น เขาขวางทางแม่ไว้และสารภาพรักกับแม่ เขาอยากให้แม่ทิ้งสามีและลูก ๆ เพื่อไปอยู่กับเขา!” เจ้ารองโพล่งออกมาอย่างโมโห
เจ้าใหญ่มีท่าทางอึมครึมจนเห็นได้ชัด
ไม่ใช่แค่เขา โจวชิงไป๋ที่แอบฟังอยู่ก็มีดวงตามืดครึ้มราวกับน้ำหมึกเหมือนกัน
“ผมโมโหเสียจนเตะไล่เขาไปในตอนนั้น แต่พี่ใหญ่ เรื่องนี้จะต้องไม่จบลงแบบนี้นะ เราจะปล่อยกากเดนนั่นที่มีพฤติกรรมชั่วช้าแบบนี้ไปไม่ได้!” เจ้ารองเอ่ย
จากนั้นใบหน้าเจ้าใหญ่ก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย สองพี่น้องสุมหัวคุยแผนการกัน จากนั้นพวกเขาก็ออกมาและเห็นพ่อของพวกเขาพอดี
ทั้งสองพี่น้องพากันสะดุ้ง “พ่อ”
“เข้าบ้าน” โจวชิงไป๋เหลือบมองลูกชายทั้งสองและเดินเข้าไปในบ้าน
เจ้าใหญ่กับเจ้ารองเหลือบมองกัน จากนั้นเจ้ารองก็รีบวิ่งตาม “พ่อ พ่อได้ยินที่พวกผมคุยกันเหรอ?”
“พ่อ พ่อจะทำอะไรน่ะ?” เจ้าใหญ่วิ่งตามเช่นกัน