ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 241 ขุนจนแข็งแรงเหมือนเดิม
บทที่ 241 ขุนจนแข็งแรงเหมือนเดิม
หลังเอ่ยอำลากับเม่ยเจี่ยแล้ว หลินชิงเหอก็กลับบ้าน
เธอซื้อเนื้อสามชั้นเพื่อกะจะทำหมูตุ๋น โจวชิงไป๋ผอมลงมาก ถึงเขาจะไม่ดูอ่อนแอ แต่เขาก็ผอมกว่าเดิมจริง ๆ
เห็นได้ว่าอาหารที่ท่านแม่โจวทำนั้นไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันมากนัก
ตอนนี้ยังไม่เร็วเกินไปนักที่จะเริ่มเตรียมอาหารกลางวัน
หลินชิงเหอไม่มีอะไรต้องทำมากนักหลังจากกลับมาถึง เธอจึงทำกับข้าวอยู่ที่บ้าน
ปีนี้ครอบครัวของเธอเลี้ยงไก่จำนวนมาก แต่ไม่ได้เลี้ยงหมูสักตัว เล้าหมูทั้งหมดที่เคยเลี้ยงหมูจึงกลายเป็นเล้าไก่ด้วยฝีมือท่านแม่โจว
ช่วงนี้ยังห้ามเลี้ยงหมูเป็นการส่วนตัว หากใครเลี้ยงก็จะต้องถูกยึดหมูเป็นทรัพย์สินส่วนกลาง แต่ถ้าคน ๆ นั้นเลี้ยงไก่ ไก่พวกนั้นจะกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา จึงไม่ต้องบอกเลยว่าท่านแม่โจวเลือกที่จะเลี้ยงไก่หรือไม่
ในสวนหลังบ้านมีผักผลไม้จำนวนมากเช่นกัน ไม่ใช่แค่นั้นนะ เธอยังตัดผลผลิตบางส่วนมาเลี้ยงไก่ได้ด้วย ทำให้ไม่ต้องใช้อาหารมากมายเลย
หลินชิงเหอไม่ได้เป็นคนดูแลในเรื่องนี้ ตอนนี้เธอลงมือทำหมั่นโถวเป็นอาหารกลางวัน
อาหารกลางวันของวันนี้มีหมั่นโถวข้าวโพดเคียงกับหมูตุ๋น ผัดถั่วพุ่มกับแตงกวา และแกงจืดสาหร่ายซี่โครงหมู
และในตอนที่หลินชิงเหอกำลังทำอาหารนี่เอง คุณป้าไฉ่ก็มาหา
นางนำถั่วตะกร้าหนึ่งมาฝากด้วยเพื่อเป็นการสานสัมพันธ์กับหลินชิงเหอ จนถึงตอนนี้คุณป้าไฉ่ก็ยังอยากจับคู่หลานสาวคนที่สามของนางกับเจ้าใหญ่ นางไม่ยอมแพ้หรอก
ถ้าจับคู่กับเจ้าใหญ่ไม่ได้ ก็เป็นไปได้ที่จะจับคู่กับเจ้ารอง
หลินชิงเหอไม่ได้พูดอะไรมากในเรื่องนี้ ขณะที่ทำงาน พวกเธอก็คุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอก ส่วนเรื่องที่คุณป้าไฉ่ถามเกี่ยวกับเจ้าใหญ่ เธอก็บอกความจริงไปว่าเด็กคนนั้นไม่อยากกลับมา เขาตัวโตขนาดนั้นแล้ว เธอเลยให้เขาใช้ชีวิตด้วยตัวเองในโลกภายนอก
หลังคุณป้าไฉ่กลับไปแล้ว พี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองก็แวะมาหา ทั้งคู่นำไข่มาด้วยคนละตะกร้า
“พี่หญิงใหญ่กับพี่หญิงรองมาหาก็ถือว่าดีแล้วล่ะค่ะ พี่ไม่ต้องเอาไข่มาเยอะขนาดนี้ก็ได้ คุณแม่เลี้ยงไก่ไว้ที่สวนหลังบ้านตั้งหลายตัว เรายังกินไข่กันไม่หมดเลย พวกพี่นำไข่กลับไปกินเองทีหลังเถอะค่ะ” หลินชิงเหอบอก
เธอรู้ว่าช่วงนี้ไข่ไก่หายากขนาดไหน การนำไข่มามากมายขนาดนี้ เห็นชัดว่าพวกหล่อนเก็บไว้เป็นจำนวนมาก
พวกหล่อนต้องทนกินอย่างประหยัดที่บ้านเพื่อจะนำพวกมันมาให้เป็นจำนวนมากมายขนาดนี้แน่นอน
ถึงอย่างนั้นพี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองก็ยังเกรงใจกันมาก พวกหล่อนใช้เวลาอยู่กับเธอมากกว่าชั่วโมงหนึ่งก่อนจะกลับไป โดยทิ้งไข่ไว้ให้ด้วย
หลินชิงเหอทำอะไรไม่ได้นอกจากหาเวลาปั่นจักรยานนำไข่กลับไปคืนในตอนเย็น
นอกเหนือจากนั้นเธอก็ให้เนื้อซี่โครงกันครอบครัวละ 1 แพ
ทั้งสองครอบครัวไม่ได้มีชีวิตที่ดีมากนัก เธอจะรับไข่จำนวนมากจากพวกหล่อนได้อย่างไร? หากเธอกินไข่พวกนี้เข้าไปก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจ สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือเธอจะเป็นหนี้อย่างใหญ่หลวงต่อทั้งสองครอบครัว
เธอจึงทำแค่รับน้ำใจของทั้งสองไว้และให้เนื้อซี่โครงกับทั้งสองครอบครัว ส่วนเรื่องที่เหลือก็ช่างมันเถอะ
ในเย็นนั้นเอง หลินชิงเหอกับโจวชิงไปก็พากันไปว่ายน้ำ
“คุณว่ายน้ำเถอะค่ะ ฉันจะคอยดูคุณ” หลินชิงเหอเอ่ยกับโจวชิงไป๋
โจวชิงไป๋ยิ้ม “ผมจะนำคุณไปนะ”
หลินชิงเหอมองผู้ชายของเธอและจูบเขาสองครั้ง จนโจวชิงไป๋ใจเต้นและโถมเข้ามาหาเธอ
เมื่อทั้งคู่จูบกันเสร็จ หลินชิงเหอก็มองต่ำลงไปที่กางเกงของโจวชิงไป๋พลางหัวเราะในลำคอ โจวชิงไป๋กระแอมเสียงแห้ง จากนั้นก็พาภรรยาไปว่ายน้ำ
โจวชิงไป๋ช่างมีความสามารถมากนักตอนที่อยู่ในน้ำ เขาสามารถแบกหลินชิงเหอได้สบาย ๆ เลยทีเดียว หลังจากนั้นครู่หนึ่งหลินชิงเหอก็กลับเข้าฝั่ง ปล่อยให้โจวชิงไป๋ว่ายน้ำคนเดียว
หลังว่ายน้ำเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับบ้าน เพราะตอนนี้เป็นตอนกลางคืนแล้วและไม่มีใครอยู่ หลินชิงเหอจึงจับมือกับโจวชิงไป๋ได้
ทั้งสองกลับถึงบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าและนำผ้าไปซัก ก่อนจะเข้าไปนอนภายในห้อง
ทั้งคู่คิดถึงกันมากเหลือเกินและเมื่อคืนนี้ก็ไม่มีโอกาสได้สนทนากันเลย จึงแสดงความคิดถึงด้วยการกระทำแทน แน่นอนว่าในคืนนี้ทั้งสองก็ได้คุยกันยาว ๆ กันสมใจ
“คุณชินกับที่นั่นแล้วหรือยัง?” โจวชิงไป๋เอ่ยขณะกอดภรรยาไว้
“ชินแล้วค่ะ ทุกวันก็เหมือน ๆ เดิม ต่างกันแค่ตอนแรกกับตอนที่ฉันกลับมาแล้ว” หลินชิงเหอตอบ
“กลับมาครั้งนี้คุณผอมลงนะ” โจวชิงไป๋เอ่ยความเห็น
“คุณไปเรียนรู้ที่จะพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” หลินชิงเหอยิ้มพลางจูบที่คางของเขา
“ผมคิดถึงคุณนะ” โจวชิงไป๋เอ่ยขณะมองภรรยา
นับตั้งแต่กลับมาที่บ้าน เขาก็เอาแต่พูดแบบนี้ ตอนที่เขาเป็นทหาร เขาไม่คิดถึงบ้านเลยสักนิด แถมยังรู้สึกสบายใจมากกว่าตอนอยู่ที่บ้านเสียอีก
แต่นับจากที่เขาลาออกจากกองทัพ เขาก็อยู่กับภรรยาโดยตลอด และได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเธอเสมอ
เขาจึงไม่คุ้นเคย
เขาคุ้นลิ้นกับอาหารของภรรยาจนคุ้นเคยกับอาหารที่แม่ของเขาทำน้อยลง พอต้องกลับไปกินอาหารที่นางทำจึงรู้สึกเหมือนกำลังกินหญ้า
แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นคนพูดแบบนั้น แต่เป็นเจ้าสามต่างหากที่พูด
เรื่องอาหารเป็นเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนอนในทุกคืน ที่เขาต้องนอนอย่างอ้างว้างเดียวดาย
ไม่รู้ว่ากี่คืนแล้วที่เขาฝันถึงภรรยา และรู้สึกอยากจะหาเวลาว่างเพื่อไปเยี่ยมเธอเป็นพิเศษ
แต่มันใช้เวลาไปกลับนานหลายวันเหลือเกิน เสียเวลาไปมากนัก
“ฉันก็คิดถึงคุณค่ะ ฉันเลยกลับมาในทันทีที่ได้หยุดยังไงล่ะคะ คนอื่น ๆ ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอยู่เลย” หลินชิงเหอบอก
นี่เป็นภรรยาของโจวชิงไป๋ เธอดูเปลี่ยนไปมากในครั้งนี้ที่กลับมาบ้าน เหมือนกับสาวชาวกรุงที่เขาเคยเห็น
แต่เขารู้สึกได้ว่าภรรยารักเขา ต่อให้ตัวเองจะเป็นชายชนบทก็ตาม
โจวชิงไป๋พลิกตัวมาอยู่บนร่างของภรรยา
“คุณทำงานมาหนักมาก พักเรื่องนี้ไว้ก่อนดีไหมคะ?” หลินชิงเหอถึงกับกึ่งอ่อนระทวยไปในทันทีพลางเอ่ยทักท้วงเบา ๆ
บอกให้โจวชิงไป๋พักเรื่องนี้ในสภาพนี้น่ะหรือ? ต้องบอกว่าโจวชิงไป๋กำลังตกอยู่ในบ่วงจะถูกมากกว่า เขาสูญเสียการควบคุมไปเมื่ออยู่ใต้มนต์เสน่ห์ของภรรยา
ทั้งคู่จึงจู๋จี๋กันมากกว่าสองครั้งแล้วจึงได้หยุด
“ชิงไป๋ อย่ายึดติดกับที่นี่มากนักเลยค่ะ ในอนาคตเราจะย้ายไปอยู่เมืองหลวงกันแล้ว ฉันทนไม่ได้ที่เราจะต้องอยู่ห่างกันแบบนี้” หลินชิงเหอเอ่ยขณะทอดกายในอ้อมกอดของโจวชิงไป๋
ไม่ใช่แค่โจวชิงไปที่คิดถึงเธอหรอกหรือ? ตอนที่เธออยู่ในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เธอก็คิดถึงเขาด้วยเหมือนกัน จึงต้องทำตัวเองให้ยุ่งอยู่ตลอดเพื่อจะได้ไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้
“ผมรู้” โจวชิงไป๋ตอบ
เขาเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันทำให้เขารู้สึกหดหู่ ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่มีอารมณ์อ่อนไหว แต่แค่ทนไม่ได้ที่ต้องแยกจากภรรยาแบบนี้
หากอนาคตยังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป แม้แต่เขาก็คงไม่อาจยอมรับได้
เช้าตรู่ในวันต่อมา คนส่งนมได้มาส่งนมตามปกติ
หลินชิงเหอจึงสั่งเพิ่มอีก 2 ขวด ซึ่งทั้งสองขวดนี้เธอให้โจวชิงไป๋ดื่ม เธอนำไปต้มเพื่อให้เขากินเคียงกับหมั่นโถว และยังสามารถกินเคียงกับผัดไข่ใส่แตงกวาได้ ไม่มีปัญหาเลยสักนิด
ครั้งนี้เธอต้องขุนเขาจนกว่าจะแข็งแรงเหมือนเดิมให้ได้
ส่วนท่านแม่โจวนั้นคุ้นเคยกับการใช้จ่ายอย่างประหยัดไปแล้ว พึ่งนางไม่ได้หรอก
“พอแม่กลับมาตอนนี้ พ่อนี่ยิ้มไม่หุบเลยนะครับ” เจ้ารองเอ่ยขณะเตรียมไปเรียนพิเศษหลังกินอาหารเช้าเสร็จ
“ลูกนี่ก็พูดมากนะ” หลินชิงเหอกลอกตาใส่เขา
“พี่รองพูดถูกนะครับแม่ เราสองคนอยู่ด้วยกันมันไม่สำคัญเท่าพ่อที่อยู่ในใจแม่หรอก” เจ้าสามถอนหายใจเช่นกัน
ขณะที่โจวชิงไป๋แบกจอบเดินออกไปกับท่านพ่อโจว ในดวงตาของเขาก็เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
เขากำลังมีความสุขกับคำบ่นของลูกชาย!