ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 256 เยี่ยมเยียนญาติๆ
บทที่ 256 เยี่ยมเยียนญาติๆ
น้องชายสามตระกูลหลินกับสะใภ้สามตระกูลหลินพาลูกสาว 3 คนและลูกชาย 2 คนมาด้วย
น้องชายสามตระกูลหลินกับภรรยามีลูกชายอีกคนหลังจากนั้น รวมแล้วเป็นเด็กทั้งหมด 5 คน
ซึ่งพวกเขาก็มาที่นี่กันทั้งครอบครัว
ในที่สุดทางตระกูลหลินก็รู้แจ้งแล้วว่าหลินชิงเหอลูกสาวคนนี้ช่างใจร้ายโดยแท้ เธอรักษาสัญญาและไม่เห็นว่าพวกเขาเป็นครอบครัวของเธอเลย
อย่างเช่นครั้งก่อนหน้าที่ท่านพ่อหลินป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ลูกสาวสองคนที่เหลือก็กลับมาเยี่ยมเขา มีเพียงหลินชิงเหอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้และไม่แม้แต่จะมาเยี่ยมตั้งแต่เขาเริ่มป่วยจนกระทั่งหาย
พี่สาว 2 คนของหลินชิงเหอได้มาหาและแนะนำเธอว่าอย่าใส่ใจกับเรื่องที่แล้ว ๆ มาเหล่านั้นเลย
หลินชิงเหอไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับพี่สาว 2 คนนี้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร่างเดิมหรือเธอก็ตาม พวกหล่อนก็ไม่แม้แต่จะอยากมายุ่ง ยิ่งตอนนี้มองเห็นสายตาวิงวอนของพวกหล่อนแล้ว เธอก็รู้สึกรำคาญจนถึงขีดสุด
ดังนั้นพวกหล่อนจึงไม่ได้ติดต่อกัน
ส่วนพี่ชายใหญ่กับพี่ชายรองหลินนั้นไม่จำเป็นต้องพูดเลย ความสัมพันธ์ของพวกเขากับหลินชิงเหอถือว่าย่ำแย่ แล้วพวกเขาจะมีปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างไรล่ะ?
พวกเขาได้ยินเรื่องที่เธอได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยชั้นยอดในเมืองหลวงแล้ว
แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตระกูลหลินล่ะ?
ก่อนหน้านี้เธอได้เข้าเรียนหนังสือไม่กี่ครั้ง สิ่งที่สอนในชั้นเรียนคืออะไร? คือการสอนให้รู้จักแยกแยะคำสองคำว่าเพศชายกับเพศหญิง เพื่อจะได้แยกแยะความแตกต่างระหว่างห้องน้ำชายกับห้องน้ำหญิงได้ ที่เหลือต่างเป็นคำง่าย ๆ สามัญธรรมดา
เจ้าของร่างเดิมอ้อนวอนขอไปโรงเรียนแต่แล้วก็ถูกปฏิเสธทันควัน
ดังนั้นการที่จู่ ๆ ได้เป็นครูระดับโรงเรียนมัธยมต้นและได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในภายหลังจึงไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลินแม้แต่น้อย
เรื่องนี้คนภายนอกต่างรู้กันทั่ว
กล่าวกันว่าเธอแต่งงานเข้าตระกูลโจวเพราะเงินเดือนของโจวชิงไป๋สามารถสนับสนุนเธอได้ หลังจากนั้นเธอก็สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองและประสบความสำเร็จ
ตระกูลหลินไม่ได้ใส่ความพยายามใด ๆ ให้กับหลินชิงเหอเลย
ในตอนแรกยังเป็นไปได้ที่จะมาวางอำนาจบาตรใหญ่ใส่ แต่คนหมู่บ้านโจวเจี่ยยอมให้รังแกง่าย ๆ งั้นหรือ?
ทำไมถึงเรียกว่าหมู่บ้านโจวเจี่ย? นั่นก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมีแซ่โจวกันน่ะสิ
ยิ่งกว่านั้นหลินชิงเหอยังเป็นลูกสาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว นานมาแล้วเธอคอยมาดูแลครอบครัวฝั่งแม่อยู่บ่อย ๆ แม้ภายหลังสายสัมพันธ์จะขาดสะบั้นก็ตาม แต่ใครจะไม่รู้ล่ะว่าเป็นเพราะความเพิกเฉยของทางตระกูลหลินเอง?
พวกเขาจึงไม่กล้าสร้างปัญหาใด ๆ ได้แต่สาปแช่งหลินชิงเหออยู่ลับ ๆ ซึ่งมันก็ไม่ได้กระทบเธอเลย แล้วหลินชิงเหอจะสนใจไปทำไม
พวกเขารู้แน่ว่าน้องชายสามตระกูลหลินจะไปหาพี่สาวในวันนี้ เพราะพวกเขาจะไปเยี่ยมในวันนี้ของทุก ๆ ปี
ท่านแม่หลินจึงฝากคำพูดของนางให้เขานำไปบอกว่าให้หลานชายของนางมาเยี่ยมพวกเขาบ้าง
พูดตามตรงแล้วสะใภ้สามตระกูลหลินไม่อยากช่วยแม่สามีส่งข่าวเลย
ลูกสามคนแรกของหล่อนเป็นลูกสาวทั้งหมด ซึ่งสะใภ้สามตระกูลหลินไม่มีวันลืมการบำรุงร่างกายหลังคลอดในชีวิตนี้อีกเลย โดยเฉพาะตอนที่คลอดลูกสาวคนรองกับลูกสาวคนที่สาม
แม้แต่ไข่สักฟองก็ไม่มี มีเพียงเศษอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ตลอดทั้งวัน
ไม่ใช่เพราะพี่สาวสามส่งเนื้อกับไข่มาบางส่วนหรอกหรือ ไม่อย่างนั้นร่างกายและกระดูกของหล่อนคงจะแสดงอาการเจ็บป่วยในตอนฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดไปแล้ว
สะใภ้สามตระกูลหลินจึงชิงชังแม่สามีอย่างมาก ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้หล่อนจะยุยงให้น้องชายสามตระกูลหลินย้ายครอบครัวออกทำไมล่ะ?
แม้หล่อนไม่อยากทำแต่หล่อนก็ต้องทำ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาช่วยงานในครัว หล่อนก็เอ่ยเรื่องนี้กับพี่สาวสาม
หลินชิงเหอแค่นเสียง “นางมีหลานชายหลานสาวของตัวเองตั้งมากมายแล้ว ลูก ๆ ของพี่ก็เป็นแค่หลานชายต่างแซ่เท่านั้นแหละ ในเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก พวกเขาก็ไม่ได้กินข้าวสักเมล็ดหรือดื่มน้ำสักแก้วจากบ้านของนางเลย ทำไมพี่จะต้องไปหานางด้วย”
แม้นางจะเป็นมารดาบังเกิดเกล้าของเธอ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ผลกับเธอหรอก
ต่อให้โจวข่ายกับน้อง ๆ จะเป็นหลานชายของนางจริง ๆ แล้วอย่างไรล่ะ? เธอไม่อยากให้ลูก ๆ ของเธอไปมีปฏิสัมพันธ์กับคนตระกูลหลินพวกนั้น
ไม่อย่างนั้นแล้วทันทีที่พวกเขาจับตัวอยู่หมัด พวกเขาก็จะดูดเลือดเหมือนกับปลิง
โดยเฉพาะสะใภ้ใหญ่ตระกูลหลินที่เป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ
สะใภ้สามตระกูลหลินมีหน้าที่แค่มาบอกข่าวเท่านั้น จากนั้นหล่อนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที “ทางนั้นอยู่กันไม่สงบหรอกค่ะ คน ๆ นั้นจากครอบครัวสายรองเข้าไปพัวพันกับแม่ม่ายคนนั้นอีกแล้ว แล้วตอนนี้แม่ม่ายคนนั้นก็กำลังท้องด้วย”
“เป็นลูกของหลินรองงั้นเหรอ?” หลินชิงเหอรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินดังนี้
“แม่ม่ายคนนั้นยืนยันว่าเป็นลูกเขา ดูจากท่าทางของเขา เขาก็อยากยอมรับเหมือนกันค่ะ แต่ภรรยาของเขาไม่เห็นด้วย ตอนนี้ก็เลยวุ่นวายกันมาก” สะใภ้สามตระกูลหลินบอก
“โชคดีที่ตอนนั้นเธอสองคนย้ายออกมาแล้ว ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าปีใหม่นี้จะได้ฉลองเลย” หลินชิงเหอตอบ
“ในตอนแรกที่รู้ฉันก็รู้สึกโล่งใจแล้วค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินอมยิ้ม
ความจริงก็คือ หากครั้งนั้นพี่สาวสามไม่สนับสนุนและให้ยืมเงินพร้อมกับจัดหาอิฐกระเบื้องและหม้อมาให้ หล่อนก็คงไม่มีความมุ่งมั่นที่จะย้ายออก
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแยกตัวออกมา
แต่ตอนนี้มันดีขึ้นมากจริง ๆ ปีนี้ที่บ้านของหล่อนมีการต่อเติมห้องเพิ่ม ลูกสาวทั้งหมดต่างได้ย้ายมาอยู่กันในห้องนั้น ทำให้พื้นที่ในบ้านดูกว้างขวางมากขึ้น
“เมื่อวานนี้พี่บอกน้องชายพี่แล้วล่ะว่ามาแต่ตัวก็พอแล้ว ทำไมต้องเอาไข่ตะกร้าใหญ่ขนาดนี้มาด้วย? พวกเธอเอาไข่ที่สะสมไว้ทั้งหมดมาใช่ไหมเนี่ย?” หลินชิงเหอบอก
คนทั้งคู่มาพร้อมกับเด็ก 5 คนแล้วยังไม่ได้มามือเปล่า พวกเขายังนำไข่ตะกร้าหนึ่งและธัญพืชจำนวนหนึ่งมาด้วย
“ปีนี้เรามีไก่อยู่ที่บ้าน 7 หรือ 8 ตัว เด็ก ๆ ก็มักจะขุดไส้เดือนมาให้พวกมันกินเสมอ พวกมันก็เลยออกไข่บ่อยน่ะค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ยโน้มน้าว
รอยยิ้มเช่นนี้จะปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวตอนที่มีความหวังในชีวิตเท่านั้น
ตอนนี้หล่อนมีลูกชาย 2 คน สามีของหล่อนมีความรับผิดชอบและเลี้ยงดูครอบครัวได้ ครอบครัวของหล่อนอยู่ด้วยกัน แม้จะยากจนเล็กน้อยแต่พวกเขาก็อยู่กันอย่างสุขสบายดี
“ปีนี้เจ้าสามสูงขึ้นมาก เขาใส่เสื้อผ้าที่พี่ตัดให้เมื่อก่อนนี้ไม่ได้แล้วล่ะ แล้วทุกตัวก็ยังใหม่ไม่เคยต้องซ่อมเลย เธอเอากลับไปให้เด็ก ๆ ใส่เถอะ” หลินชิงเหอบอก
“แต่ทางนี้มีเด็กหลายคนอยู่นะคะ” สะใภ้สามตระกูลหลินลังเล
ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะใช้ของที่ส่งต่อมาจากพี่ ๆ อย่าว่าแต่ไม่รู้สึกอับอายเลย พวกเขาอยากได้เสียด้วยซ้ำ
ยิ่งกว่านั้นมันยังมาจากความสัมพันธ์อันดี ไม่อย่างนั้นใครจะยอมยกให้ล่ะ? และบ้านของสะใภ้สามตระกูลหลินก็มีหลานชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่หลายคน
“ไม่ต้องห่วงพวกเขาหรอก เอากลับไปเก็บให้ลูกชายของเธอใส่ก็พอ” หลินชิงเหอยืนกราน
หลังกินอาหารกลางวันเสร็จ ครอบครัวของน้องชายสามตระกูลหลินก็กลับไป ก่อนกลับหลินชิงเหอก็บรรจุเสื้อผ้า น้ำตาลทรายแดงถุงหนึ่ง และพุทราจีนถุงหนึ่งใส่ถุงให้สะใภ้สามตระกูลหลินนำกลับไป
“แม่ ปีนี้เรายังจะเข้าเมืองไปถ่ายรูปอีกไหมครับ?” โจวข่ายถาม
“ไปสิ แต่ป้าใหญ่ ป้ารอง กับป้าสามจะมาเยี่ยมพรุ่งนี้ ไม่มีเวลาไปหรอก ไปกันวันมะรืนแล้วกัน” หลินชิงเหอตอบ
“ครับ” โจวข่ายตอบ
วันปีใหม่ก็เป็นแบบนี้ ญาติ ๆ ทั้งหลายต่างมาเยี่ยมเยียนสานสัมพันธ์กัน หลังน้องชายสามตระกูลหลินกับสะใภ้สามตระกูลหลินกลับไป ก็มีคนบางคนในหมู่บ้านมาเยี่ยมต่อ
หลินชิงเหอให้ความบันเทิงกับพวกเขาอย่างสุภาพเรียบร้อย ทุกครั้งล้วนไม่ขาดเมล็ดแตงกับชา
จนกระทั่งหลังกินอาหารเสร็จและทุกอย่างจบลงทั้งหมด หิมะก็ได้ตกลงมาอีกครั้ง
“ชิงไป๋ นวดให้ฉันหน่อยสิคะ” หลินชิงเหอทอดกายนอนลงบนเตียงเตาและเริ่มสั่งสามี
โจวชิงไป๋รับคำ เมื่อเขานวดให้ภรรยา บรรยากาศก็เปลี่ยนไป
จากนั้นพวกเขาสองคนก็นอนกันตั้งแต่หัวค่ำ
ส่วนโจวข่ายกับคนอื่น ๆ ก็ยังคงเล่นกันอยู่ด้านนอก