ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 261 ความสัมพันธ์อันดี
บทที่ 261 ความสัมพันธ์อันดี
วันต่อมา สามีและลูกชายของหวังลี่ก็มาถึง
หวังลี่ขอลาหยุดเป็นกรณีพิเศษ 1 วัน ทั้งพ่อและลูกชายจะอยู่ที่นี่เพียง 1 คืนเท่านั้น วันนั้นหวังลี่จึงไม่ได้กลับมาที่หอพัก แต่ออกไปอยู่บ้านพักรับรองเพื่อต้อนรับพวกเขาแทน พวกเขามีเวลาได้อยู่ด้วยกันแค่ 1 วันเท่านั้น
และเมื่อหวังลี่ส่งสามีกับลูกชายกลับไปแล้ว หล่อนก็ดูซึมเซาไร้เรี่ยวแรงไป
“ทำไมต้องทำท่าทางซังกะตายด้วย? อีกไม่นานเธอก็เรียนจบแล้ว ทีนี้ครอบครัวของเธอก็จะได้อยู่ตัวติดกันทุกวันเลยล่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม
หลังถูกเพื่อนหยอกล้อ หวังลี่ก็เผยยิ้มออกมา
หลินชิงเหอเอาหัวไหล่กระทุ้งอีกฝ่ายและเอ่ยหยอกต่อ “ดูรอยคล้ำใต้ตาเธอสิ เกรงว่าเมื่อคืนเธอคงไม่ได้นอนเลยสินะ”
หวังลี่ใบหน้าแดงซ่านในทันที หล่อนกระแอมไอเสียงแห้งพลางเอ่ยตอบ “สหายหลินชิงเหอ ความคิดเธอไม่บริสุทธิ์เลยนะ”
“ฉันไม่บริสุทธิ์หรอก เธอน่ะบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว” หลินชิงเหอหัวเราะ
หวังลี่ได้ฟังก็อดไม่ได้จนต้องระเบิดหัวเราะออกมา รอยยิ้มของหล่อนเต็มไปด้วยความสุข
หลินชิงเหอบังเกิดอารมณ์ร่วมอย่างแรงกล้า
เนื่องจากพวกเขาเป็นสามีและลูกของเพื่อนสนิท เธอก็ได้ไปทำความรู้จักกับพวกเขาครั้งหนึ่ง
สามีของหวังลี่เป็นผู้ชายที่ดูราวกับหมีดำ มีหน้าตาธรรมดาและรูปร่างใหญ่ สูงเกือบ 180 เซนติเมตร เตี้ยกว่าโจวชิงไป๋ไม่มากนัก
ความจริงแล้วในสายตาของหลินชิงเหอก็คือ เขาดูไม่เหมาะสมกับหวังลี่เลย
หวังลี่เป็นคนสวยน่ารัก แถมหล่อนยังฉลาดมีความสามารถ ซึ่งไม่ต้องพูดถึงระดับการศึกษาของหล่อนเลย แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่เสียใจที่อยู่กับเขา
เมื่อเห็นสามีและลูกชายมาหา แววปิติยินดีก็เหมือนจะฉายบนใบหน้าของหล่อน
นั่นเป็นแค่จุดเดียวเท่านั้น และเมื่อชายคนนั้นเห็นหวังลี่ ในดวงตาของเขาก็ดูราวกับมีหวังลี่เป็นโลกทั้งใบ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ในชีวิตนี้หวังลี่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกหักหลังแล้ว
“เธอไม่รู้หรอกว่าตอนที่เราอยู่ในชนบท วันเวลาช่างต่างจากที่เราคิดอย่างสิ้นเชิงนัก ในช่วงนั้นช่างเป็นวันเวลาที่ยากลำบากเหลือเกิน” หวังลี่เล่าถึงอดีตของตน
พวกเขาทั้งหมดต่างไปที่ชนบทด้วยอารมณ์ตื่นเต้นอยากลองประสบการณ์แปลกใหม่ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ต้องตื่นกับความเป็นจริงว่ามันช่างลำบากยากเข็ญ บัณฑิตสาวหลาย ๆ คนถึงกับต้องแอบนอนร้องไห้ในตอนกลางคืน
แม้หล่อนจะไม่ได้ร้องไห้ แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากยิ่ง
ต่อมาในวัย 20 ปีหล่อนก็ได้แต่งงาน โดยแต่งงานกับสามีคนปัจจุบันนี้
เขารักหล่อนมากจริง ๆ และไม่ต้องการให้หล่อนทำงานใด ๆ ทั้งสิ้นที่บ้าน ซึ่งในตอนแรกหวังลี่ก็ไม่ค่อยพอใจเขาสักเท่าใดนัก แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ต้องยอมรับมัน
หัวใจมนุษย์ทำมาจากเลือดเนื้อไม่ต่างกัน ชายคนนี้ปฏิบัติต่อหล่อนดีมากทั้งยังเป็นสามีของหล่อนด้วย แบบนี้หล่อนจะไม่เกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้นได้อย่างไร?
เมื่อใดที่เขาได้อาหารดี ๆ อยู่ในมือ เขาก็ไม่ได้เก็บไว้กินเองจนหมด แต่จะแบ่งไว้ให้และบอกให้หล่อนกินมากกว่านี้ ในตอนฤดูหนาวที่อากาศเย็นเขาก็จะบอกให้เอาเท้ามาพาดไว้บนหน้าท้องของเขาเพื่อที่เท้าของหล่อนจะได้อุ่น
แม้แต่ตอนที่ตั้งครรภ์ เขาก็อดทนอดกลั้นกับอารมณ์แปรปรวนของหล่อน
และมีอยู่ครั้งหนึ่งเช่นกันที่แม่สามีกับคนอื่น ๆ ไม่อนุญาตให้หล่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เนื่องจากกลัวว่าหากหล่อนสอบเข้าได้แล้วก็จะจากบ้านไป
เป็นสามีของหล่อนเองที่ให้การสนับสนุนหล่อน
หวังลี่รู้สึกว่าหล่อนไม่อาจหาผู้ชายคนไหนที่ปฏิบัติดีกับหล่อนถึงขนาดนี้ได้ในชาตินี้อีกแล้ว
อีกอย่างหนึ่ง หล่อนก็ไม่ใช่คนหัวใจโลเล ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาคู่นี้จึงอยู่ในระดับยอดเยี่ยม
เมื่อคืนนี้…แค่ก ๆ…หล่อนยุ่งจริง ๆ นะ
หวังลี่คิดแล้วก็เผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
หลินชิงเหอยิ้มออกเมื่อเห็นหล่อนเป็นแบบนี้ “ยิ้มพอหรือยัง? ถ้าเธอยิ้มพอแล้วก็เปิดหนังสือเรียนได้ เธอต้องทบทวนบทเรียนที่เมื่อวานนี้ขาดหายไปนะ”
หวังลี่ฟังคำอธิบายของหลินชิงเหออย่างรวดเร็ว
หลังสอนเพื่อนเสร็จแล้ว หลินชิงเหอก็เอ่ยขึ้นมา “ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าปีนี้จะมีประชุมแลกเปลี่ยนที่ไห่หนานอีกไหมนะ”
“เธอไปถามอาจารย์สิ” หวังลี่ตอบอย่างไม่แน่ใจ
หลินชิงเหอจึงมาหาอาจารย์ของเธอ
อาจารย์ที่ปรึกษาได้ฟังก็ยิ้มกริ่ม “ปีนี้อาจมีรอบหนึ่งน่ะ เธออยากไปเหรอ?”
“ถ้ามีโอกาส ฉันก็อยากเข้าร่วมนะคะ เพราะมีหลายอย่างที่คุ้มค่ากับการเรียนรู้มากเลยค่ะ หากในภายภาคหน้าฉันต้องทำงานให้กับทางมหาวิทยาลัย ฉันก็จะใช้เป็นแหล่งการสอนนักเรียนในคณะของเราได้น่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
อาจารย์ได้ฟังก็พยักหน้า “ถ้ามีโอกาสฉันจะบอกเธอนะ”
“อาจารย์คะ ในอนาคตฉันอาจต้องรบกวนกับทางมหาวิทยาลัยให้ช่วยย้ายทะเบียนบ้านของครอบครัวฉันนะคะ” หลินชิงเหอพูดต่อ
“มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว ถ้าเธอเต็มใจจะทำงานเพื่อมหาวิทยาลัย ทางนี้ก็จะต้องช่วยเหลือแก้ปัญหาทะเบียนบ้านให้กับครอบครัวของเธอ เราปล่อยให้เธอแยกจากครอบครัวทั้งที่อายุยังน้อยไม่ได้หรอก” อาจารย์ของเธอเองก็มีครอบครัวอยู่จึงให้คำตอบด้วยความเข้าใจ
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” หลินชิงเหอโค้งคำนับหล่อนอย่างจริงใจ
“ด้วยความยินดี” อาจารย์ของเธอยิ้มล้ำลึกกว่าเดิม “หากเธอได้ทำงานในมหาวิทยาลัยฉันเองก็ได้หน้า ฉันมีหนังสือใหม่มาน่ะ มากับฉันไปรับมันไปสิ”
“ได้ค่ะ” หลินชิงเหอตอบด้วยท่าทางร่าเริง
หลังมาที่สำนักงานแล้ว อาจารย์ของเธอก็ให้หนังสือกลับไป
“ฉันจะเอากลับมาคืนให้อาจารย์ภายในอาทิตย์หนึ่งนะคะ” หลินชิงเหอเอ่ย
“ตามสบายเถอะ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก” อาจารย์ของเธอเอ่ย
หลินชิงเหอรับหนังสือมาดู หนังสือเรียนเล่มนี้ช่างดีเยี่ยมจริง ๆ หญิงสาวถือมันอย่างกระตือรือร้นและเริ่มเปิดอ่าน
หลินชิงเหอมีความจำดีเยี่ยมอย่างแท้จริง เธอไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ซึ่งในด้านโภชนาการนั้น อาจเป็นเพราะการที่โจวข่ายส่งไข่ต้มมาให้เธอ 2 ฟองใน 1 วัน
“ลูกให้แม่มา 1 ฟองต่อวันก็พอ ที่เหลือลูกก็กินไป” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยความที่ต้องการไข่เพียงใบเดียว
“แค่ไข่ 2 ฟองเอง แม่ไม่อ้วนหรอกครับ” โจวข่ายรู้ว่าแม่ของเขากลัวอ้วนจึงเอ่ยปลอบ
หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็ถามขึ้นมา “ลูกยังมีตรงไหนไม่เข้าใจในภาษาอังกฤษไหม?”
“ครับ” โจวข่ายพยักหน้า จากนั้นก็ฟังแม่ของเขาสอนขณะกินไข่ต้มไปด้วย
หลังจากที่โจวข่ายเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง หลินชิงเหอก็ให้เขาออกไป เขาจะได้ไม่รบกวนการเรียนของเธอ
“แม่ พรุ่งนี้จะมีนมมาส่งนะครับ ผมสั่งมา 2 ขวด เราดื่มกันคนละขวดนะครับ” โจวข่ายบอก
“ถ้าลูกได้แล้วก็เอามาให้แม่นะ” หลินชิงเหอไม่ปฏิเสธ
นมในยุคนี้เป็นนมสดแท้ แม้เธอจะเป็นคนมีความจำดี แต่เธอก็ยังต้องการสารอาหารมาบำรุงอยู่
ดังนั้นการดื่มนม 1 ขวดในทุกวันจึงนับว่าเป็นเรื่องดี
โจวข่ายรับรู้แล้วก็ออกไปเล่นบาสเก็ตบอล เด็กคนนี้มีผลการเรียนดีมาก หลินชิงเหอจึงไม่เข้มงวดกวดขันมากนัก อย่าดูที่ความสูงของเขาเลย ในปีนี้เด็กคนนี้มีอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น
ในหลายปีก่อนหน้านี้เธอเคี่ยวเข็ญให้เขาดำเนินรอยตามกรอบที่เธอวางไว้เพื่อให้เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยทัน แต่ตอนนี้เธอปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำแล้ว ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดี
เธอนับเป็นแม่ที่ใจกว้าง และชีวิตนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรอีก
หลินชิงเหอมีความจำดีและยังมีทักษะความเข้าใจบทเรียนอันยอดเยี่ยม เธอใช้เวลาราว 10 วันในการทำความเข้าใจเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด
เมื่อเธอคืนหนังสือให้กับอาจารย์ หล่อนถึงกับประหลาดใจเช่นกัน
หลังทดสอบเธอเล็กน้อยแล้ว หล่อนก็รู้ว่าศิษย์ของหล่อนมีพรสวรรค์ในด้านนี้จริง ๆ
ดังนั้นในสิ้นเดือนเมษายน อาจารย์ของเธอจึงมาคุยกับหลินชิงเหอ และถามเธอว่าอยากเรียนต่อหรือไม่
“ฉันไม่มีความคิดจะเรียนต่อหรอกค่ะ เพราะวางแผนไว้ว่าจะจบการศึกษาก่อนกำหนดในวันพรุ่งนี้ ฉันจะได้ลงงานสอนแล้วค่อยพาสามีกับลูก ๆ มาอยู่ด้วยกันที่นี่น่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบด้วยรอยยิ้ม
อาจารย์ของเธอไม่รู้สึกประหลาดใจมากนักในเรื่องที่เธอขอจบการศึกษาก่อนกำหนด ผลการเรียนของลูกศิษย์คนนี้ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย
เธอเพียงแค่รักครอบครัวของเธอมาก คนที่รักครอบครัวย่อมนับว่าดีกว่าคนบางคนที่ทอดทิ้งสามีและลูก ๆ อยู่แล้ว
…………………………………………………………………………………