ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 265 กลับมาที่บ้านช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน
บทที่ 265 กลับมาที่บ้านช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน
หลินชิงเหอที่ผู้นำหมู่บ้านยกย่องให้เป็นยอดสหายหญิงสอบได้คะแนนดีเยี่ยมในการสอบครั้งนี้
อาจารย์ของเธอรายงานเรื่องนี้กับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งพวกเขาก็ตอบรับนักเรียนอย่างหลินชิงเหอให้อยู่ทำงานที่คณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ทางมหาวิทยาลัยกำลังขาดแคลนบุคลากรทางการศึกษา
ผลลัพธ์ในครั้งนี้ยืนยันถึงความสามารถของหลินชิงเหอเป็นอย่างดี
เมื่อถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ก็จะเริ่มมีการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนในชนบท
ในเมืองหลวงหลายวันมานี้มีฝนตกและตกไม่เบาเลย ซึ่งไม่รู้ว่าทางบ้านที่ชนบทจะเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อสอบไล่เสร็จสิ้น หลินชิงเหอก็ถามลูกชายคนโตว่าอยากกลับบ้านด้วยกันไหม แต่เขาบอกว่าไม่อยากกลับ หลินชิงเหอจึงปล่อยเขาไป
หลังให้เงินเขาไว้ 50 หยวน เธอก็ออกเดินทางไปที่เมืองไห่หนานทันที
ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เธอก็ลงมือซื้อของ ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน แม้ในหมู่บ้านจะยังไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ในอำเภอมีไฟฟ้าใช้มานานแล้ว
ของอย่างพัดลมไฟฟ้าจะต้องขายดีอย่างแน่นอน
หลินชิงเหอเดินเข้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ หลายที่ แต่ละที่เธอก็ซื้อพัดลมไฟฟ้า เช่นเดียวกับนาฬิกา ผ้าพันคอ และเสื้อผ้าชุดใหม่
เธอใช้จ่ายไปเกือบ 2,000 หยวนเป็นค่าสินค้าของไห่หนาน ต้องบอกว่ามันทำให้กระเป๋าเงินเธอพร่องลงมากทีเดียว แน่นอนว่าเป็นเพราะนาฬิกาที่นี่มีราคาแพงเกินไปด้วย
หลินชิงเหอกลับบ้านเกิดพร้อมกับของเหล่านี้
เธอนั่งรถไฟมาลงที่ตัวเทศบาลมณฑลและขายของจำนวนหนึ่งที่นั่น แต่ไม่ได้กำไรมากนัก หญิงสาวจึงขายต่อมันให้กับเจ้าของร้านสินค้ามือสอง
อย่างเช่นนาฬิกาเรือนหนึ่งมีราคารา 120 หยวน เธอขายในราคา 160 หยวนถึง 170 หยวน ได้กำไรเพียงไม่กี่สิบหยวน ส่วนคนที่นำไปขายต่อก็จะได้ราคา 200 หยวน บางทีอาจถึง 230 หยวนด้วย ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขา
ทำเช่นนี้แล้ว เธอจึงสามารถระบายของออกได้อย่างรวดเร็ว
นาฬิกาถูกขายไปเพียง 3 เรือน ซึ่งพวกมันจะถูกขายในอำเภอด้วยราคา 200 หยวน ส่วนที่เหลือถูกขายในเทศบาลมณฑลไปแล้ว
จากนั้นหลินชิงเหอก็ขึ้นรถกลับมาที่อำเภอ
เธอมาที่ตลาดมืดเพื่อขายพัดลมไฟฟ้า จากนั้นก็ขายเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ให้เสิ่นอวี้ที่ทำงานอยู่ในร้านค้าสหกรณ์
เสิ่นอวี้เพิ่งได้รับรสชาติหวานหอมไปในปีที่แล้ว ผ้าพันคอกับเสื้อผ้าเหล่านั้นทำให้หล่อนได้เงินมาเกือบสามเท่าของเงินเดือนหล่อนเอง
ต้นปีนี้หลินชิงเหอได้พาเด็ก ๆ เข้าเมืองและมาที่ร้านค้าสหกรณ์ ตอนนั้นเสิ่นอวี้ทำงานอยู่พอดี หล่อนเลยดึงตัวหลินชิงเหอมาคุยและเอ่ยขอให้เธอนำสินค้ามาให้หล่อนในครั้งหน้าหากว่าเธอได้สินค้ามา
เสิ่นอวี้ไม่ได้กักตุนของด้วยตัวเอง หล่อนดึงผู้ร่วมงานอีกคนหนึ่งที่มีครอบครัวเหมือนกันให้มาทำงานด้วยกัน หลังจากที่ทั้งสองหารเฉลี่ยกำไรเท่า ๆ กันแล้ว พวกหล่อนแต่ละคนก็ได้เงินไปจำนวนมากกว่าสามเท่าของเงินเดือน
คงจะนึกออกแล้วว่าผลกำไรในธุรกิจด้านนี้มีมหาศาลขนาดไหน
เมื่อหลินชิงเหอมาหา เสิ่นอวี้ก็เสนอว่าหล่อนสามารถรับของไว้ได้
สินค้าจากไห่หนานล้วนเป็นของใหม่ทันสมัยที่สุด พวกมันต้องเป็นที่ต้องการแน่!
“ทางฝั่งเธอตกลงกันแล้วใช่ไหม อย่าลืมคุยกับหุ้นส่วนของเธอก่อนนะ” เห็นหล่อนมีท่าทางแบบนี้แล้ว หลินชิงเหอก็เอ่ยขึ้น
“พี่สาวไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพื่อนร่วมงานฉันบอกว่าตราบใดที่มีของมา ก็ให้พี่เอามาให้มากเท่าที่จะมากได้เลยค่ะ” เสิ่นอวี้กระซิบ
เมื่อทั้งสองได้ผลัดเปลี่ยนกะการทำงาน พวกหล่อนจึงสามารถสั่งของได้จำนวนหนึ่งในหนึ่งวัน
ของหนึ่งชิ้นสามารถทำกำไรได้ราว 2 หยวน เมื่อแบ่งรายได้สินค้ากันแล้ว แต่ละคนจะได้กันคนละไม่กี่หยวน ทั้งคู่มีหน้าที่รับผิดชอบแผนกขายผ้า และเงินเดือนของพวกเธอเพิ่งจะได้ขึ้นเป็น 30 หยวน
เห็นรายได้ขนาดนี้แล้ว จะไม่เกิดแรงจูงใจได้อย่างไร?
การค้าขายของเหล่านี้ย่อมต้องมีความเสี่ยง แต่ปกติแล้วก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร
เมื่อลูกค้ามาถึง ทั้งคู่จะอธิบายว่าพวกหล่อนมีเสื้อผ้าแบบใหม่จากไห่หนานที่เพื่อนนำมาขายต่อ แต่ไม่ต้องการใส่แล้วจึงมาถามว่าพวกหล่อนชอบไหม?
พวกหล่อนทำกำไรได้ 2 หยวนต่อ 1 ชุด แม้หลินชิงเหอจะได้กำไรบ้างในฐานะคนกลาง แต่มันก็ยังไม่แพงเกินไปนัก ผู้หญิงที่ซื้อเสื้อผ้าแบบใหม่ไปย่อมไม่ก่อปัญหา
ดังนั้นงานนี้จึงดำเนินต่อไปด้วยดี แม้ว่าจะถูกฟ้อง แต่มันก็ยังเหมือนเดิม เพราะโดยทั่วไปแล้วไม่มีใครนำเรื่องนี้ไปฟ้อง
เมื่อหลินชิงเหอได้ยินหล่อนพูดดังนี้ เธอก็มอบเสื้อผ้าทั้งหมดให้หล่อนด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมีไม่มากนักเพียง 2 ถุงเท่านั้น
หลินชิงเหอมอบรายการสินค้าให้หล่อนและเอ่ยขึ้น “นี่เป็นรายการที่ฉันทำ ราคาอยู่ข้างบนแล้ว หลังเธอเลิกงานก็กลับบ้านไปตรวจดูนะ”
“พี่สาว รอฉันก่อนนะคะ ฉันจะไปที่บ้านของผู้อำนวยการขอลากิจน่ะค่ะ วันนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลและไม่ได้มาที่นี่” เสิ่นอวี้เอ่ยรัวเร็ว
“งั้นพี่รออยู่ตรงหน้าบ้านนะ” หลินชิงเหอตอบ
“ได้ค่ะ พี่สาวไปก่อนเลยค่ะ” เสิ่นอวี้พยักหน้า
บ้านของหล่อนไม่ได้อยู่ไกลจากที่นี่ เดินทางราว 10 นาทีก็ถึง
เสิ่นอวี้ไปโรงพยาบาลเพื่อขอลากิจแล้วก็รีบกลับมา ซึ่งหลินชิงเหอก็คอยท่าอยู่ตรงประตูบ้านแล้วพร้อมกับถุง 2 ใบ
แม่สามีของเสิ่นอวี้เป็นคนเลี้ยงลูกทั้งสองให้หล่อน โดยหล่อนจะให้เงินกับนางในทุกเดือน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาขัดแย้งแต่อย่างใด
ส่วนสามีของหล่อนตอนนี้ยังไม่กลับบ้าน เขายังทำงานอยู่ที่กรม
ส่วนบ้านของหล่อนก็คือบ้านที่หลินชิงเหอช่วยหาให้
เสิ่นอวี้เปิดประตูและเชิญเธอเข้ามา
หลินชิงเหอร้อนใจอยากกลับบ้าน เธอเลยตรวจสินค้าในคลังกับหล่อน ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนทั้งคู่ก็ได้เก็บเงินไว้เป็นจำนวนมากเช่นกัน หล่อนจึงจ่ายเงินให้หลินชิงเหอล่วงหน้า
“ตอนนี้เก็บไว้เถอะ หลังจากขายได้แล้วค่อยมาจ่ายพี่ตอนนั้น” หลินชิงเหอแนะนำ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่สาว ถ้าครั้งหน้าพี่ได้ของมาก็อย่าลืมนำมาให้ฉันอีกนะคะ” เสิ่นอวี้ตอบด้วยรอยยิ้ม
เป็นเวลากี่วันนับตั้งแต่คราวที่แล้วล่ะ? เงินเกือบสามเท่าของเงินเดือนเข้าสู่มือของพวกหล่อนแล้ว หล่อนจะยอมเสียแกะอ้วนตัวนี้ไปเหรอ?
จากท่าทางของหล่อน หลินชิงเหอก็ไม่ปฏิเสธอีกและรับเงินคืนก่อนจะพูดว่า “งั้นพี่กลับก่อนนะ”
“ค่ะพี่” เสิ่นอวี้ตอบและไปส่งเธอ
เดิมหลินชิงเหอจะมาหาโจวเสี่ยวเหมยเพื่อขอยืมจักรยาน แต่ไม่คิดว่าจะมีรถแทรกเตอร์มุ่งหน้าไปหมู่บ้านพอดี หญิงสาวจึงแบกสัมภาระที่ซื้อมาจากร้านค้าสหกรณ์รวมถึงแตงโมลูกใหญ่ลูกหนึ่งขึ้นรถกลับบ้านไปด้วย
ตอนนี้เป็นแค่ต้นเดือนกรกฎาคม แต่ในหมู่บ้านยังคงวุ่นวายมาก
พวกเขาทั้งหมดต่างร่วมงานเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อน
การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนวุ่นวายอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อหลินชิงเหอกลับมาถึงบ้านก็พบว่าไม่มีใครอยู่บ้านเลย ประตูก็ปิดสนิท
แต่โชคดีที่หลินชิงเหอมีกุญแจอยู่ เธอจึงสามารถไขเข้าบ้านได้
ตอนนี้เป็นช่วงเย็นไม่มาก ราวห้าโมงครึ่งเท่านั้น แต่เด็ก ๆ หรือโจวชิงไป๋กลับไม่อยู่ที่บ้าน เช่นเดียวกับท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจว
หลินชิงเหอเข้าใจว่าเขาคงยุ่ง ในวันเวลาช่วงการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้ มันดูราวกับต่อสู้แย่งชิงอาหารกับเทพเซียนเลยทีเดียว
หากไม่ได้ล้มป่วยติดเตียง พวกเขาก็ต้องเข้าร่วมทำงาน
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวที่ไม่ได้ทำงานใช้แรงงานอีกแล้วก็ยังไปช่วยงานในครั้งนี้
หลินชิงเหอไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องนั้นมาก เธอวางสัมภาระลงและเริ่มหุงหาอาหาร
ในวันเวลาที่ยุ่งวุ่นวายอย่างการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนนี้ หลินชิงเหอก็นวดแป้งและปล่อยให้ขึ้นตัวดีก่อนจะนำมานึ่งเป็นหมั่นโถว จากนั้นก็ทำกับข้าวอย่างสองอย่าง
หญิงสาวทำไข่คนกับแตงกวา และซุปมะเขือเทศกับไข่ เมื่อเห็นปลาไหลอยู่ในหม้อ เธอก็จัดการฆ่าพวกมันแล้วนำมาตุ๋นรวมกับผักดอง
สองพี่น้องเจ้ารองกับเจ้าสามกลับมาที่บ้านก่อนเพราะต้องการกลับมาทำกับข้าว
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่อาหารของทั้งครอบครัวทั้งหมดต่างเป็นฝีมือของพี่น้องคู่นี้ พวกเขารู้จักวิธีการฆ่าปลาไหลหรือสิ่งอื่น ๆ อย่างเชี่ยวชาญและว่องไวไม่น้อย
ท่านแม่โจวออกจากบ้านเมื่อใดก็ได้รับคำชมอยูเนือง ๆ ว่าต่อให้ไม่มีลูกสาวอยู่ในบ้าน แต่เด็กชายสองคนนี้ก็ยังมีประโยชน์มากไม่ด้อยไปกว่าลูกสาวเลย
เมื่อคนในหมู่บ้านไม่ได้หมายตาเจ้าใหญ่อีกต่อไป พวกเขาก็เริ่มหมายตาสองพี่น้องคู่นี้แทน…