ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 323 โดนไม้เรียว
บทที่ 323 โดนไม้เรียว
เพื่อที่จะส่งตัวหลานสาวที่เอาแต่ใจคนนี้กลับมา หลานชายของนางต้องขาดเรียนไปตั้งกี่วิชากัน?
แค่คิดขึ้นมาท่านแม่โจวก็แทบจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว
ท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวกลับบ้านไปพร้อมกับหลานชาย ไม่คิดจะอยู่ที่บ้านตระกูลโจวอีกต่อไป
พวกเขาได้พบผู้คนมากมายระหว่างทางกลับ
“อุ๊ย เจ้าใหญ่ตัวสูงขึ้นอีกแล้ว” คุณป้าไฉ่พูดด้วยสายตาแวววาว
แววตาที่นางมองโจวข่ายสว่างขึ้น ถ้าได้เขาเป็นหลานเขยนางคงจะมีความสุขมากเสียจนไม่สามารถจะหลับได้ลงในตอนกลางคืนเลยล่ะ
โจวข่ายทักทายอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เขาทักทายทุกคนที่เขาได้เจอระหว่างทาง ไม่ช้าข่าวจึงแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน
เจ้าใหญ่ลาหยุดเรียนเป็นพิเศษเพื่อกลับมาส่งโจวลิ่วนีที่แอบหนีออกจากบ้านไปเมืองหลวง
คนภายนอกจะพูดว่าอย่างไรบ้างนั้นโจวข่ายไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็รีบไปตักน้ำมาอาบอย่างว่องไว เขาไม่สนใจว่าน้ำจากบ่อยังคงเย็นอยู่บ้างเล็กน้อย
หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกสบายตัว
“เจ้าใหญ่ มากินบะหมี่เร็วเข้า” ท่านแม่โจวเรียกขณะที่นางถือบะหมี่ชามใหญ่มาให้
“ขอบคุณครับคุณย่า” โจวข่ายไม่รั้งรอและนั่งลงกินทันที
ท่านแม่โจวมองไปที่หลานชายด้วยสายตารักใคร่ “หลานถึงกับต้องเดินทางมาอย่างลำบาก ลิ่วนีนังเด็กตัวร้ายนั่น ย่าไม่เคยคิดว่าหล่อนจะใจกล้าขนาดนี้!”
โจวข่ายพูดขณะที่กินไปด้วยว่า “ผมตกใจมากเลยครับตอนที่เห็นหล่อน คุณย่าครับ ไม่ใช่ว่าแม่ของผมอยากจะไล่หล่อนกลับมาหรอกครับ แต่นิสัยอย่างลิ่วนี ถ้าหล่อนไปอยู่ที่นั่น เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบไหวครับ?”
“คราวนี้แม่ของเธอทำถูกแล้ว ย่าไม่โทษหล่อนเลย ทำไมไม่ให้พ่อของหลานเป็นคนมาส่งลิ่วนีล่ะ? ปิดร้านแค่ไม่กี่วันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทำไมถึงต้องให้หลานเป็นคนพากลับมา? การเรียนสำคัญมากนะ” ท่านแม่โจวบ่นพึมพำ
“ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะเรียนจบในปีนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” โจวข่ายตอบ
“ตอนกลับไปก็บอกพ่อกับแม่ของหลานด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไรที่นี่ ลุงรองของแกไม่กล้าพูดอะไรหรอก” ท่านพ่อโจวกล่าว
“คุณปู่ครับ เมื่อไหร่คุณปู่จะไปที่นั่น? พวกเราทำความสะอาดบ้านไว้ให้คุณปู่แล้วนะครับ ผมยังสร้างเล้าไก่ไว้ให้ด้วย อีกหน่อยวันหน้าคุณปู่จะได้เลี้ยงมันไว้สัก 4-5 ตัว” โจวข่ายพูด
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของท่านพ่อโจว ท่านแม่โจวกล่าวยิ้ม ๆ “รอจนกระทั่งวันหยุดช่วงฤดูร้อนนี้ พ่อกับแม่ของหลานจะมารับปู่กับย่าพร้อมกับอาเล็กกับอาเขย พวกเราจะไปที่นั่นเวลานั้นน่ะ”
โจวข่ายพยักหน้า “ถ้าป้าใหญ่กับป้ารองมีเวลาแวะมาที่นี่ บอกพวกคุณป้าด้วยนะครับว่าหู่จือและเชิ่งเหม่ยอยู่ที่นั่นสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ดีแล้ว ดีแล้ว” ท่านแม่โจวรับรู้ด้วยรอยยิ้มระบายเต็มหน้า
เนื่องจากรู้ว่าหลานชายของพวกเขาคงจะเหนื่อยล้าจากการเดินทางและต้องรีบไปขึ้นรถไฟกลับในเช้าวันพรุ่งนี้ หลังจากที่เขากินอิ่มแล้วนางจึงพูดขึ้น “เจ้าใหญ่ กลับไปนอนที่ห้องของหลานก่อนเถอะ”
“ตกลงครับ” โจวข่ายรู้สึกอ่อนเพลียมากจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงกลับเข้าไปนอนที่ห้องของคุณพ่อคุณแม่ก่อน
ท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวไปนั่งที่ลานบ้าน
ท่านแม่โจวเริ่มด่าโจวลิ่วนีขึ้นมาอีกครั้ง “นังเด็กวอนตายคนนี้ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าหล่อนจะใจกล้าขนาดนี้ หล่อนถึงกับไปสร้างเรื่องวุ่นวายให้อาสี่กับอาสะใภ้สี่ของหล่อนจริง ๆ!”
“ไม่ใช่ว่าคุณไปช่วยพูดเพื่อให้หล่อนได้ไปที่นั่นหรือ?” ท่านพ่อโจวแค่นเสียงเย็นชา
“นั่นเพราะหล่อนบอกว่าอยากจะไปและฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไง” ท่านแม่โจวตอบกลับ
แต่ในเวลานี้ ท่านแม่โจวรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ ที่สะใภ้สี่ปฏิเสธไม่ยอมให้หล่อนไปด้วย
มิฉะนั้นด้วยนิสัยที่ดื้อด้านอบรมไม่ได้ของลิ่วนีแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตถ้าหล่อนไปที่นั่น? เก้าในสิบส่วนหล่อนจะต้องก่อเรื่องขึ้นแน่ การไม่ให้หลานชายที่มีอนาคตทั้งสามคนของนางต้องได้รับผลกระทบไปด้วยจึงเป็นเรื่องดีที่สุด!
“เมื่อคุณไปอยู่ที่เมืองหลวงในวันหน้า คุณก็อย่าไปสร้างความลำบากให้สะใภ้สี่ล่ะ” ท่านพ่อโจวเตือนนาง
โจวลิ่วนีถูกส่งกลับมาอย่างรวดเร็วเพื่อตัดปัญหา ท่านพ่อโจวรู้สึกได้ว่าสะใภ้สี่อย่างไรก็ยังเป็นสะใภ้สี่คนเก่าอยู่ดี เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้อื่นจะมาตัดสินใจอะไรแทนหล่อนได้
ท่านแม่โจวจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร? ถ้าเป็นบางคนที่เป็นคนใจอ่อน พวกเขาคงจะปล่อยเลยตามเลยและยินยอมให้ลิ่วนีพักอยู่ที่นั่นด้วย
แต่เห็นได้ชัดเจนว่าสะใภ้สี่ไม่ใช่คนที่ใจอ่อน
หล่อนไม่เห็นชอบด้วยที่จะให้พวกเขาไปและถ้าพวกเขาตัดสินใจไปที่นั่นด้วยตัวเองแล้วละก็หล่อนจะส่งพวกเขากลับมาที่เดิมอยู่ดี
“คุณพูดอย่างกับว่าฉันเอาแต่ใจตัวเอง” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างไม่พอใจ
นางรู้สึกว่านางเป็นแม่สามีที่ดี ไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเฒ่าพูด สะใภ้สี่ไม่ชอบให้นางไปจู้จี้จุกจิกกับหล่อน นางก็ไม่ได้ไปพูดอะไรมากมายนี่
ท่านพ่อโจวจับมือนางแล้วบอกว่า “ลองดูทั้งตำบลของเราสิ ไม่สามารถจะหาลูกสะใภ้แบบนี้ได้อีกแล้ว คุณไม่รู้หรือว่ามีคนมากมายขนาดไหนที่อิจฉาเรา”
เมื่อท่านแม่โจวได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความปลื้มปีติ นางสามารถหาลูกสะใภ้เช่นนี้ให้กับลูกชายคนเล็กได้ในตอนนั้น นั่นเป็นเพราะนางมีสายตาที่เฉียบแหลม ถูกต้องไหม?
“ในอนาคต ถ้าหล่อนต้องการให้ฉันช่วยฉันก็จะช่วย ถ้าหล่อนไม่ต้องการ ฉันก็จะคอยดูแลลูก ๆ ของเสี่ยวเหมย คุณไม่จำเป็นต้องมากังวลแทนฉันในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นหรอก” ท่านแม่โจวโบกมือ
ต่อมาในวันนั้นสะใภ้ใหญ่แวะมาหาที่บ้าน เธอนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามถึงเรื่องของเอ้อร์นีเลย
“เจ้าใหญ่หลับไปแล้วละ” ท่านแม่โจวบอก “แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเอ้อร์นีนะ พวกเขาทุกคนสบายดี เจ้าใหญ่บอกว่าพวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับที่นั่นแล้ว”
ได้ยินอย่างนี้สะใภ้ใหญ่จึงพยักหน้า
จากนั้นท่านแม่โจวก็ถามว่าสะใภ้รองได้ลงโทษสั่งสอนลิ่วนีหรือไม่
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้สะใภ้ใหญ่ก็แสดงความไม่พอใจขึ้นมา เมื่อสะใภ้รองเห็นว่าเจ้าใหญ่กลับออกไปหล่อนก็โยนไม้เรียวทิ้ง เป็นน้องชายรองที่หยิบขึ้นมาใหม่และลงโทษลูกสาวคนนี้ให้ได้รับบทเรียน
“จะต้องลงโทษไม่อย่างนั้นหล่อนจะกลายเป็นคนที่สอนสั่งไม่ได้!” ท่านแม่โจวตำหนิ
สะใภ้ใหญ่เลิกพูดถึงเรื่องนี้และกล่าวว่า “เจ้าใหญ่จะขึ้นรถโดยสารกลับพรุ่งนี้เช้าใช่ไหมคะ? ฉันจะทำเล่าปิ่ง(1)ให้เขาเอาไปกินระหว่างทางเองค่ะ คุณแม่จะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาทำแต่เช้า”
“ได้สิ” ท่านแม่โจวพยักหน้า
สะใภ้ใหญ่กลับไปแล้ว ก่อนรุ่งสางในวันต่อมาหล่อนก็มาหาพร้อมกับเล่าปิ่งร้อน ๆ หนึ่งแถว
“ป้าสะใภ้ใหญ่ ไม่เห็นต้องลำบากตื่นเช้ามาทำเล่าปิ่งให้ผมเลยครับ ผมไปซื้ออาหารเช้าในเมืองกินก็ได้” โจวข่ายกล่าว
“ไม่เป็นไร เอาไปกินระหว่างทางเถอะ หลานตัวสูงกว่าพ่อของหลานตอนก่อนนี้แล้วนะจ๊ะเนี่ย” สะใภ้ใหญ่ตั้งข้อสังเกตพร้อมรอยยิ้ม
ต้องบอกว่าหล่อนอยากจะขโมยตัวเด็กหนุ่มแบบนี้กลับไปเป็นลูกชายของตัวเองที่บ้านเสียจริง ใครจะไม่ถูกใจกับความคิดอย่างนี้บ้าง?
โจวข่ายยิ้มตอบและกล่าวขอบคุณหล่อน จากนั้นเขาจึงออกเดินทาง คุณลุงของเขาต้องการจะขี่จักรยานไปส่งที่ในเมือง โจวข่ายแสดงท่าทางว่าไม่จำเป็น เพราะถือว่าการวิ่งเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง
เขาเดินทางเข้าไปในเมืองเพื่อขึ้นรถโดยสาร และจากนั้นจึงขึ้นรถไฟต่อไปเมืองหลวง
สำหรับที่ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไปที่บ้าน เรื่องไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ
รุ่งเช้าหลังจากที่พี่ชายรองกินข้าวเสร็จและออกไปทำงานที่ทุ่งนาแล้ว สะใภ้รองก็เรียกโจวลิ่วนีมาที่ห้อง
“แม่จะทำอะไรคะ? หนูยังเจ็บขาอยู่เลยนะ!” โจวลิ่วนีบ่นออกมาด้วยความโกรธ
เมื่อคืนพ่อของหล่อนลงโทษตีหล่อนอย่างจริงจัง ขาของหล่อนแดงไปหมดและมีรอยไม้เรียวขึ้นเป็นแนว
“ลูกไปที่เมืองหลวงและอาสะใภ้สี่ไม่ได้พูดอะไรเลย แค่ส่งลูกกลับมาเท่านั้นเหรอ?” สะใภ้รองถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
……………………………………………………………………..