ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 423 แท้งลูก
บทที่ 423 แท้งลูก
เรื่องร้านค้าร้านที่ห้าของหลินชิงเหอจึงผ่านไปแบบนั้น
มันใช้เวลาปรับโฉมใหม่ไม่กี่วันก็พร้อมเปิด แถมพนักงานใหม่อีก 3 คนก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาชี้นิ้วสั่งอะไรอีกแล้ว
ตอนนี้พวกเขาได้เงินเดือนเพียงครึ่งหนึ่งของเงินเดือนมาตรฐานเนื่องจากอยู่ในระยะทดลองงาน พวกเขาต้องรออีกสักระยะจนกว่าจะได้เลื่อนขั้นกลายเป็นพนักงานเต็มตัวก่อน
หลังจากหลินชิงเหอได้ยุ่งอยู่กับงาน เธอก็รู้สึกเหมือนชีวิตถูกเติมเต็มมากขึ้น
วันเวลาในการทำงานช่างเหนื่อยนักจนเธออยากได้วันหยุดสักช่วง ในขณะที่ได้หยุดยาวเธอกลับคิดถึงวันเวลาที่ได้ทำงานแทน
สมควรที่จะบอกว่าในปีนี้เงินเดือนของหลินชิงเหอได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง แม้จะเพิ่มขึ้นมาเพียง 5 หยวน แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ขึ้นเงินเดือนเลย
เมื่อพูดถึงระดับเงินเดือนของเธอ มันนับว่าสูงกว่าเงินเดือนมาตรฐานในยุคนี้เสียอีก
ปีนี้คือปี 1983 พนักงานบางคนที่มีประสบการณ์ทำงาน 10 ปีจะไม่ได้รับการเลื่อนขั้นและได้เงินเดือนเพียง 40 หยวน
อย่างเช่นตำแหน่งงานที่คุณลุงหม่าให้หม่าเฉิงหมินในอดีต ที่คุณลุงหม่าต้องทำงานแทบทั้งชีวิตและได้เงินเดือนเพียง 40 หยวนเท่านั้น
แม้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะเพิ่มขึ้น แต่เงิน 40 หยวนก็นับว่าเพียงพอแล้วที่จะทำให้ครอบครัวสมาชิก 5 คนที่ใช้จ่ายอย่างประหยัดสามารถอยู่ได้
แม้หลินชิงเหอจะขึ้นเงินเดือนในปีนี้ให้เล็กน้อย แต่มันก็เป็นจำนวนน้อยนิดจริง ๆ เรื่องของการจ่ายเงินเดือนไม่ใช่แค่ให้เงินเฉย ๆ แต่ต้องพิจารณาระดับเงินเดือนอิงตามโรงงานอื่น ๆ ด้วย
ซึ่งไม่ควรจะให้เกิดความแตกต่างกันมากเกินไป
มันต้องอิงตามระดับที่ใกล้เคียงกับเจ้าอื่น ๆ หลินชิงเหอก็ไม่อยากจะทำตัวเด่นอยู่เจ้าเดียวหรอก
ยิ่งกว่านั้น เงินเดือนที่เธอจ่ายให้ในทุกเดือนก็นับว่าค่อนข้างมากอยู่แล้ว
เดิมทีหลินชิงเหออยากจะนำรถบรรทุกออกมาใช้ล่วงหน้าเพราะว่าจะได้เดินทางไปที่บ่อน้ำพุร้อนในวันหยุดอย่างสะดวก แต่เมื่อมาคิดอีกทีแล้วเธอก็ตัดสินใจลืมมันไป
รอจนกว่าเธอจะได้ลงใต้ในวันหยุดฤดูร้อนนี้ก่อน เธอจะได้ขับกลับมาพร้อมกับเหตุผลที่ฟังเข้าหู
แต่กลางเดือนมีนาคมในวันนี้ หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็ได้ขอยืมรถยนต์ของหวังหยวนมาใช้ ทั้งคู่พาท่านพ่อโจว ท่านแม่โจว และเฒ่าหวังไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน
ส่วนร้านค้านั้นพวกเขาให้ลูกชายทั้งสองเป็นคนดูแล
ต้องบอกว่าบ่อน้ำพุร้อนที่นี่ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ พวกมันเป็นบ่อน้ำพุร้อนแบบแยกส่วนตัวและยังเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ ให้ความผ่อนคลายยามได้นั่งแช่เหลือเกิน
“มันแพงเกินไปแล้ว ตั้ง 10 หยวนต่อคนแน่ะ” แม้ท่านแม่โจวจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน แต่นางก็รู้สึกเสียดายเงินนิดหน่อย
“ตอนนี้ยังราคา 10 หยวนอยู่ค่ะ บ่อน้ำพุร้อนนี่แช่ตัวสบายจริง ๆ ฉันคิดว่าถ้าเรามารอบหลังราคาของมันก็คงจะแพงกว่านี้นะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยตามตรง
เธอรู้สึกพอใจกับการมาที่นี่ในครั้งนี้มาก บ่อน้ำพุร้อนช่างรื่นรมย์นัก ชิงไป๋ของเธอหวังพาเธอมาที่นี่นานแล้ว
“ต่อไปจะแพงกว่า 10 หยวนอีกเหรอ? แล้วใครจะมาล่ะเนี่ย” ท่านแม่โจวอุทาน
ในความคิดของท่านแม่โจว เงิน 50 หยวนในครั้งนี้เป็นค่าใช้บริการสำหรับคน 5 คน แล้วคน ๆ หนึ่งจะใช้จ่ายเท่าไหร่ใน 1 เดือนกัน?
มันมีช่องว่างระหว่างวัยระหว่างหลินชิงเหอกับนางอยู่ นางจึงไม่พูดอะไรมากนัก
“หาเงินแต่ละทีมันไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะ อย่าใช้จ่ายแบบนี้สิ เรามีโรงอาบน้ำใกล้บ้านเราอยู่แล้ว ค่าเข้าใช้แค่ 3 เหมาเอง” ท่านแม่โจวบอกลูกชาย
“อืม ก็ได้ครับ” โจวชิงไป๋ตอบ
เมื่อพวกเขามาถึงบ้าน หลินชิงเหอก็ไม่ได้เอ่ยอะไร หญิงชราก็เป็นแบบนี้แหละ
แต่แล้วท่านแม่โจวก็โดนท่านพ่อโจวบ่นใส่ “ลูกชายกับลูกสะใภ้คุณอุตส่าห์พาไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนทั้งทีแถมคุณไม่ได้ออกเงินเลยสักแดงเดียว แต่คุณกลับฮึ่มฮั่มมาตลอดทางเนี่ยนะ คุณนี่จะน่ารำคาญไปถึงไหนหา?”
ท่านพ่อโจวพยายามอดกลั้นมาตลอดขากลับ เฒ่าหวังก็นั่งอยู่ด้วยและพูดคุยไม่หยุดทันทีที่พวกเขาขึ้นรถ นางคิดจะทำอะไรกันแน่?
ไม่ใช่ว่าตอนนี้ลูกชายของพวกเขาจะจ่ายไม่ไหวเสียหน่อย ยิ่งกว่านั้นพวกเขาได้ไปที่นั่นกันบ่อยแค่ไหนกัน? แม้มันจะฟุ่มเฟือยโดยแท้ แต่จะมีสักกี่ปีที่พวกเขาจะได้มีความสุขไปกับความหรูหราฟู่ฟ่าพวกนี้กันล่ะ?
ลูกชายและลูกสะใภ้แสดงความกตัญญูต่อพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปห้ามพวกเขาถูกไหม?
เมื่อโจวเสี่ยวเหมยกลับมาถึง หล่อนก็เห็นผู้เป็นแม่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง จึงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา “เป็นอะไรไปคะ? แม่ไม่ได้ไปบ่อน้ำพุร้อนมาเหรอ?”
ตอนนี้ท่านพ่อโจวไม่อยู่บ้าน เขาออกไปเล่นหมากรุกกับพ่อเฒ่าหูผู้เป็นเพื่อนบ้าน
แม้ในบรรดาหญิงชราจะมีเรื่องบาดหมางกัน แต่ท่านพ่อโจว พ่อเฒ่าหู และพ่อเฒ่าจูยังรักใคร่กลมเกลียวกันอยู่ จริง ๆ แล้วมันก็ไม่มีเรื่องขัดแย้งอะไรตรง ๆ หรอก แค่ความจุกจิกไร้สาระที่เกิดขึ้นในหมู่ผู้หญิงเท่านั้น
พวกเขาจึงยังคบกันอยู่ด้วยความสบายใจ
“ฉันแค่พูดว่าบ่อน้ำพุร้อนมันแพงเกินไปเพียงคำหรือสองคำเท่านั้นเอง? พ่อแกก็ทะเลาะกับฉันตอนกลับมาถึงเสียแล้ว” ท่านแม่โจวตอบด้วยความโมโห
“ราคาเท่าไหร่คะ?” โจวเสี่ยวเหมยถาม
“ 10 หยวนต่อคน ไป 5 คนก็ 50 หยวน” ท่านแม่โจวตอบ
“ถือว่าค่อนข้างแพงอยู่นะคะ” โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้า นี่เป็นความจริง แม้ร้านซาลาเปาจะทำเงินได้ดีมาก แต่มันก็ทำกำไรได้เพียง 10 กว่าหยวนต่อวันเท่านั้น เงินจำนวน 50 หยวนจะไม่ถือว่ามากได้อย่างไร?
“ถูกแล้วล่ะ!” ท่านแม่โจวรู้สึกเหมือนมีพรรคพวกจึงเอ่ยต่อ “ไม่ใช่แค่เงินจำนวนเท่านั้นนะ เรายังกินอาหารที่นั่นด้วย และฉันคิดว่ามันต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง ต่อให้พี่สี่กับพี่สะใภ้สี่ของแกจะหาเงินเก่ง แต่ก็ไม่ควรใช้จ่ายเงินไปแบบนี้ถูกไหม?”
“แม่ทะเลาะกับพ่อเพราะเรื่องนี้เหรอคะ?” โจวเสี่ยวเหมยถาม
“พ่อแกคิดว่าฉันน่ารำคาญ คิดว่าตอนนี้ฉันแก่และพูดมาก” ท่านแม่โจวบ่นกระปอดกระแปด
โจวเสี่ยวเหมยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ถึงมันจะแพงไปหน่อย แต่เราก็ไม่ได้ไปกันบ่อยนะคะ ในเมื่อมันเสียเงินไปแล้วก็ให้มันเสียไป อย่าพูดถึงมันเลยค่ะแม่”
ท่านแม่โจวเม้มปากแน่น “ทีหลังฉันจะไม่ไปแล้ว แพงมาก”
โจวเสี่ยวเหมยฟังแล้วก็คิดในใจ จากนิสัยของพี่สะใภ้สี่แล้ว ครั้งหน้าแม่คงไม่ได้ไปด้วยแล้วล่ะค่ะหลังไปเที่ยวแล้วกลับมาบ่นแบบนี้
โจวเสี่ยวเหมยคิดได้แม่นยำตรงจุดจริง ๆ
แม้หลินชิงเหอจะไม่สนใจเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ของท่านแม่โจว แต่เธอก็ไม่อยากชวนท่านแม่โจวไปอีกในคราวหน้า ครั้งหน้าเธอชวนคุณพ่อเวิงกับคุณแม่เวิงไปดีกว่า
ชีวิตกำลังดำเนินไปด้วยดี แต่แล้วในเดือนเมษายน สวี่เชิ่งเหม่ยก็แท้งลูก
สาเหตุคือหล่อนบังเอิญไปเหยียบลูกแก้วที่หลานชายของจ้าวจวินผู้เกิดจากพี่ชายคนโตของเขาเล่นทิ้งขว้างไว้บนพื้นจนลื่นล้มกระแทกลง เกิดเสียงดังโครมเสียงหนึ่งและทันใดนั้นก็เกิดสีแดงฉานนองพื้น
แม้หล่อนจะถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที แต่ก็ไม่อาจช่วยชีวิตของทารกอายุ 5 เดือนในครรภ์ไว้ได้
หลินชิงเหอกับคนอื่น ๆ ไม่รู้เรื่องนี้เลย พวกเขามีช่องว่างระหว่างกันไม่น้อย และตระกูลจ้าวยังรู้สึกละอายใจกับเรื่องนี้มาก จะกล้าเป็นฝ่ายมาที่นี่ก่อนเพื่อแจ้งข่าวกับพวกเขาได้อย่างไร
เป็นสวี่เชิ่งเหม่ยที่มาบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเองหลังได้ฟื้นฟูร่างกายแล้ว
หล่อนดูมีราศีหมองลงจนแทบจะล้มลงได้เพียงแค่ลมพัดมาวูบหนึ่ง ช่างผอมบางและอ่อนแอนัก
แม้แต่โจวเสี่ยวเหมยยังแวะมาบอกข่าวนี้กับหลินชิงเหอ “นางตัวดีคนนี้ถูกตระกูลจ้าวรังแกได้ถึงขนาดนี้ ตระกูลจ้าวชักจะทำเกินไปแล้วนะคะ!”
หลินชิงเหอฟังหูไว้หูกับเรื่องนี้ นี่คือคำพูดของสวี่เชิ่งเหมย ถ้าเธอไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเองเธอก็ไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ
ภาพลักษณ์ของสวี่เชิ่งเหม่ยในใจของเธออยู่ในระดับเดียวกับจ้าวจวิน ทั้งสองดูสมกันราวผีเน่ากับโลงผุ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงอยู่ด้วยกันได้
ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ หลินชิงเหอก็ไม่เห็นใจหล่อนเหมือนกัน ตอนที่หล่อนเลือกจ้าวจวิน หล่อนก็ควรมีความคาดหวังนี้อยู่แล้ว ตระกูลจ้าวไม่ได้สงบสุขนักหรอก
โดยเฉพาะคุณแม่จ้าวที่เป็นคนอย่างที่เพื่อนร่วมงานในชาติก่อนของเธอเคยบอกไว้ ว่าเป็นประเภทเสือซ่อนเล็บ
ยิ่งกว่านั้น ขนาดแท้งลูกไปแล้วสวี่เชิ่งเหม่ยกลับมีท่าทางสงบนิ่งได้อยู่อีก เมื่อหู่จือกับคนอื่น ๆ อยากทวงความยุติธรรมให้กับหล่อน เธอจึงหยุดพวกเขาไว้
หลินชิงเหอเดาว่าตระกูลจ้าวจะต้องทำเรื่องอะไรเป็นการชดใช้อย่างแน่นอน
ซึ่งทันทีที่สวี่เชิ่งเฉียงเดินทางมาที่นี่ หลินชิงเหอก็เข้าใจกระจ่าง
…………………………………………………………………………………