ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 510 ยาบำรุงขนานไหนก็ไม่สู้อาหาร
บทที่ 510 ยาบำรุงขนานไหนก็ไม่สู้อาหาร
“ไม่ได้รีบหรอกนะคะ ตอนนี้ที่ที่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังพออยู่ได้ เอาทิ้งไว้และค่อยไปทำความสะอาด รอพวกเขาโตกว่านี้หน่อยแล้วให้ย้ายมา” โจวเสี่ยวเหมยพูด
แม้ว่าจะยืมเงินพี่สี่กับพี่สะใภ้สี่ของหล่อนมาจำนวนหนึ่ง แต่หล่อนกับซูต้าหลินตัดสินใจจะอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเขาตกผลึกความคิดจะอยู่ที่นี่จริง ๆ
ร้านที่จะเอาไว้เลี้ยงปากท้องก็มีแล้ว บ้านอยู่ก็มีแล้วเช่นกัน ตอนนี้เหลือเพียงสมาชิกครอบครัวแล้ว ในใจของโจวเสี่ยวเหมยจะไม่รู้สึกดีใจได้อย่างไร
“เพียงแต่ว่าบ้านเล็กไปหน่อยน่ะค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอแค่อยู่ได้ก็พอ” หลินชิงเหอพูด
จนถึงตอนนี้เธอยังไม่เคยไปดูบ้านหลังนั้นเลย แต่โจวเสี่ยวเหมยบอกว่ามีสามห้อง แบ่งให้ลูกชายสองคนอยู่ด้วยกันห้องหนึ่ง ลูกสาวสองคนที่ยังไม่ได้ออกเรือนอีกห้องหนึ่ง ห้องของพวกเขาสองสามีภรรยาก็อีกห้องหนึ่ง นี่ไม่ใช่ว่ากำลังพอดีหรือ
“พี่สะใภ้สี่คะ เมื่อไหร่พี่จะซื้อบ้านใหญ่ ๆ อยู่สักหลังล่ะคะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
พี่สี่กับพี่สะใภ้สี่น่าจะมีเงินไม่น้อย แต่ว่าติดดินเกินไป นอกจากซื้อรถคันนั่น อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน
คนเยอะขนาดนั้นยังไปแออัดอยู่ในอะพาร์ตเมนต์นั่นอยู่ได้
หลินชิงเหอพูด “พี่กำลังรอมหาวิทยาลัยจัดสรรบ้านหลังอื่นให้อยู่น่ะ” อะพาร์ตเมนต์นั่น แม้ว่าจะแออัดไปหน่อย รวมหู่จือด้วยพวกเขาก็อยู่กันทั้งหมด 6 คน
แต่พวกเขาก็กลับมาอยู่แค่ตอนเย็น เวลาอื่น ๆ ไม่ได้พักอยู่บ้าน จึงไม่เป็นอะไรนัก
ปัจจุบันร้านค้าของครอบครัวเธอมีเยอะมากแล้ว แต่ตัวคนกลับทำตัวติดดินอย่างไรก็ติดดินอย่างนั้น ตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองกำลังพัฒนา จะมีความสุขแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก? แม้แต่เครื่องปรับอากาศก็ยังไม่ซื้อเลย
โจวเสี่ยวเหมยกระซิบ “พี่สะใภ้สี่ บอกฉันมาตามตรง พี่ซื้อร้านไปกี่ร้านแล้วคะ”
“ไม่เท่าไรหรอกจ๊ะ” หลินชิงเหอคลี่ยิ้มมองตาหล่อน
โจวเสี่ยวเหมยยิ้ม “ห้าร้านเป็นอย่างต่ำหรือเปล่าคะ?”
ร้านค้าตอนนี้ไม่มีที่ไหนถูก มีประมาณ 5 ร้านก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว โจวเสี่ยวเหมยรู้ว่าพี่สี่และพี่สะใภ้สี่มีรายได้มหาศาล แต่รายได้ทั้งหมดมีเท่าใดหล่อนก็ยังไม่แน่ใจนัก
หล่อนจึงคาดเดาไว้แบบนั้น
“รีบอาบน้ำเถอะ อาบเสร็จก็ควรจะกลับไปได้แล้ว” หลินชิงเหอยิ้มและเอ่ยไล่
เธอพูดได้ว่าตั้งแต่ก่อนหน้าจนถึงตอนนี้มีร้านค้าทั้งหมด 8 ร้านแล้ว นอกจากนั้นก็ยังมีอีก 2 ร้านที่ยังไม่ได้เปิด แต่ก่อนหน้านี้เธอได้เรียกหม่าเฉิงหมินมาปรับปรุงภายในร้านแล้ว
เตรียมที่จะเปิดร้านขายเสื้อผ้าอีกเช่นเดิม
เธอมีทั้งหมด 8 ร้านรวมร้านเกี๊ยว และยังมีร้านขายเครื่องดื่ม ร้านขายอาหารอบแห้ง อีกทั้งร้านขายบุหรี่ที่อยู่ถัดจากร้านขายเครื่องดื่มด้วย
พวกเขาเปิดมันเมื่อตอนเดือนมีนาคมก่อนวันแต่งงานของโจวเอ้อร์นี ซึ่งทั้งหมดนี้โจวชิงไป๋เป็นคนดำเนินการ
4 ร้านที่เหลือก็จะเอาไว้ขายเสื้อผ้าทั้งหมด
อีก 2 ร้านที่กำลังจะปรับปรุงภายในก็เป็นร้านที่เพิ่งซื้อในปีนี้ ซึ่งทำเลร้านก็ดีมาก ราคาจึงไม่ใช่น้อย ๆ
ยังไม่ทันได้ข่าวคราวจากบ้านสี่ประสาน หลินชิงเหอก็ซื้อมาแบบไม่กะพริบตาแล้ว
ดังนั้นถ้าหากนับจริง ๆ ละก็ ร้านเล็กใหญ่ทั้งหลายแหล่มีทั้งหมด 10 ร้าน บ้านก็มีอีกหลายหลัง บ้านสี่ประสาน รวมถึงบ้านที่ท่านพ่อท่านแม่โจวอยู่ อีกทั้งโจวชิงไป๋ก็ไปกว้านซื้อที่ดินมา รวม ๆ แล้วก็มีไม่น้อย
แต่อสังหาริมทรัพย์พวกนี้ไม่มีคนนอกรู้ ถึงเธอรวยก็ไม่แสดงออกมา แม้แต่ลูกแท้ ๆ ก็ยังไม่รู้เลย ว่าเธอและชิงไป๋จะมีอสังหาริมทรัพย์เยอะขนาดนี้
หลินชิงเหอกลับมาถึงบ้านแล้ว อีก 2-3 ปีจะเป็นช่วงเวลาที่ไห่หนานเจริญที่สุดแล้ว ถึงตอนนั้นเธอกับชิงไป๋จะไปที่นั่น เธออยากจะซื้อที่ดินของที่นั่นไว้ หลังจากนั้นก็จะสร้างบ้านพักไว้ที่นั่น น่าจะเป็นที่พักผ่อนช่วงฤดูหนาวที่ดีทีเดียว
โจวชิงไป๋ง่วนอยู่กับการห่อเกี๊ยว พอเห็นภรรยาอารมณ์ดีก็ยิ้มถาม “คิดอะไรอยู่น่ะครับ”
“คิดถึงอนาคตตอนที่พวกเราแก่ไปว่ามันต้องสมบูรณ์แบบมากแน่ ๆ เลย” หลินชิงเหอยิ้มตอบ
ชีวิตของคนช่างไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะชีวิตก่อนหน้านี้ที่พวกเธอไม่มีเงิน ก็คือไม่มีเงินจริง ๆ
ชีวิตชาติก่อนของหลินชิงเหอแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นพนักงานออฟฟิศคนหนึ่ง แต่หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็ต้องทำงานอย่างยากลำบาก ทั้งยังเก็บเงินไม่ได้เท่าไหร่ด้วย
พอชีวิตนี้มีโอกาสเธอจะพลาดได้อย่างไร ต่อให้เปลี่ยนเป็นคนอื่นก็ไม่มีใครทำพลาดได้หรอก
โจวชิงไป๋พูด “เสี่ยวเหมยเป็นยังไงบ้างครับ”
หลินชิงเหอรู้ว่าเขากำลังถามเรื่องของญาติผู้พี่ของสามีน้องสาวเขาอยู่ จึงบอกว่า “ก็ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ ทำเลก็เป็นต้าหลินเป็นคนหาให้ คนอย่างเขาไม่มีทางหาร้านไม่ดีให้แน่”
หลายปีมานี้ เธอและโจวชิงไป๋รู้จักนิสัยของซูต้าหลินดี เขาเป็นคนขยันอดทน โดยเฉพาะเมื่อปฏิบัติกับลูกชายของคุณป้าของเขา ไม่มีทางที่เขาจะทำชุย ๆ แน่
โจวชิงไป๋พยักหน้าไม่ว่าอะไร เพียงพูดว่า “พรุ่งนี้ไปตรวจร่างกายกันนะ” ตอนที่เขาพูด สายตายังจับจ้องที่ท้องของภรรยาตนด้วย
มุมปากของหลินชิงเหอกระตุกยิก ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าผู้ชายคนนี้คิดอะไรอยู่ อนาคตจะมีความสุขแบบนี้เขาก็นึกกังวลเล็กน้อยขึ้นมา
ไม่รู้เหมือนกันว่าในหัวสมองของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่?
ตอนที่ยังหนุ่มกว่านี้ ในใจเขาก็อยากจะมีลูกสาวสักหนึ่ง ตอนนั้นเธอก็พอจะเข้าใจว่าเขาคิดอะไร นั่นเพราะอยากจะใช้ลูกสาวกักขังตัวเธอไว้ข้างกาย ไม่ให้ทิ้งเขาและหอบลูกชายสามคนหนีไป
แต่อายุปูนนี้แล้ว เขายังกังวลอะไรอยู่กันแน่
แม้ในใจจะค่อนแคะ แต่เธอก็ไม่ได้ขัดเขา เรื่องนี้จะว่าเขาก็ไม่ได้ เดิมทีเขาปล่อยวางไปนานแล้ว ก็มีซินแสมาทักเขาว่าจะโชคร้ายเมื่อช่วงปีใหม่นี่แหละ ที่มาสะกิดหัวใจของเขาอีกครั้ง
หลินชิงเหอรู้สึกว่าถ้าชีวิตจริงของหล่อนยังสามารถให้ลูกสาวเขาได้ งั้นเธอก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่ท้องตอนแก่แล้ว
แต่จนถึงตอนนี้หล่อนผูกสัมพันธ์กับเขาแล้ว ไม่รู้จะหนีอย่างไรแล้ว?
วันต่อมาเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หลินชิงเหอก็ไปตรวจร่างกายด้วยกันกับเขา ร่างกายแข็งแรงดีไม่มีตรงไหนเจ็บป่วย
แต่ก็ชัดเจนว่าเธอยังไม่ตั้งครรภ์
โจวชิงไป๋ใบหน้าเรียบนิ่ง พาหล่อนกลับบ้าน หลินชิงเหอเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน การตรวจร่างกายจึงเป็นไปอย่างปกติสุขเท่านั้น
“คุณปู่หวังก็ควรมาตรวร่างกายได้แล้วเหมือนกันนะคะ ให้เจ้าสามพาคุณพ่อกับคุณแม่ไปด้วย” หลินชิงเหอพูด
“ได้” โจวชิงไป๋พยักหน้า
ผลการตรวจร่างกายของท่านพ่อท่านแม่โจวแข็งแรงดี แต่ร่างกายของผู้เฒ่าหวังไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
หลินชิงเหอก็ทำอาหารทะเลแห้งเอาไว้บำรุง เธอตุ๋นแล้วเรียกให้เจ้าสามนำไปให้เขาดื่ม แต่ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าหวังทุกข์ทรมานจริง ๆ สถานที่นั่นค่อนข้างจะสุดโต่ง เรื่องเหนื่อยยากอะไรเขาก็เป็นคนทำทั้งหมด กินก็แทบไม่ได้กินอะไรดี ๆ แต่ 2-3 ปีหลังนี้ร่างกายจึงดีขึ้นมาหน่อย นั่นก็เพราะได้คนทางนี้คอยดูแลแล้ว
ยาบำรุงก็ไม่สู้กินอาหารบำรุงร่างกาย หลินชิงเหอนำปลิงทะเลมาให้โจวชิงไป๋ตุ๋นทำเป็นโจ๊ก และเรียกให้เจ้าสามเอาไปส่ง
“มีที่ไหนเขากินสิ่งนี้กัน” ผู้เฒ่าหวังมองและพูดขึ้น
“กินของพวกนี้แล้วดีนะครับ ถ้าร่างกายของปู่บุญธรรมแย่ งั้นเรื่องไปเที่ยวปิดเทอมฤดูร้อนก็คงไปไม่ได้แล้ว” โจวกุยหลายพูด
“ออกไปเที่ยวได้ไม่มีปัญหาน่า” ผู้เฒ่าหวังเขาอยากออกไปเที่ยว
“งั้นคุณปู่ก็ต้องกินเยอะ ๆ แม่ของผมบอกว่าต่อไปจะบำรุงปู่เยอะ ๆ ปู่ก็อย่าดื้อตอนเที่ยวไปกินข้าวที่ร้านเกี๊ยวนะครับ คนเยอะสนุกดีอีกทั้งอาหารก็ดีกว่าของที่มหาวิทยาลัยเยอะ” โจวกุยหลายพูด
ผู้เฒ่าหวังยิ้ม “กับข้าวที่มหาวิทยาลัยก็อร่อยดีนะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..