ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 511 อย่ามายุ่งกับเงินที่เขาต้องการเก็บไว้ให้ลูกสาว
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
- บทที่ 511 อย่ามายุ่งกับเงินที่เขาต้องการเก็บไว้ให้ลูกสาว
บทที่ 511 อย่ามายุ่งกับเงินที่เขาต้องการเก็บไว้ให้ลูกสาว
ความจริงอาหารที่มหาวิทยาลัยไม่ได้แย่นัก แต่หากเทียบกับอาหารที่ร้านเกี๊ยวแล้ว กลับเทียบไม่ติดจริง ๆ
ผู้เฒ่าหวังไม่ได้มาทานบ่อย มาหาบ้างเพียงบางครั้งคราวเท่านั้น
แต่โจวกุยหลายจะวางแผนว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะตุ๋นไปให้ปู่บุญธรรมของเขากินทุกวันเลย กระทั่งอาจารย์ใหญ่ยังยิ้มและพูดขึ้นว่า “หลานบุญธรรมคนนี้ของนายช่างดีจริง ๆ ” กระทั่งลูกชายหลานชายแท้ ๆ ของอีกฝ่ายยังไม่แน่ว่าจะดูแลเขาได้ดีเท่านี้เลย
ในใจของผู้เฒ่าหวังย่อมต้องรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประลอมใจ
แต่พูดถึงน้ำซุปน้ำแกงพวกนี้หากกินสักครึ่งเดือนร่างกายของเขาก็น่าจะรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยได้จริง ๆ
ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนใกล้จะมาถึงแล้ว หลินชิงเหอรู้สึกลังเลใจเล็กน้อย วันนี้ผู้เฒ่าหวังมากินข้าวหลินชิงเหอจึงพูดออกมา “คุณปู่หวังคะ หรือว่าช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปู่ไม่ต้องออกไปดีคะ?”
“เธอไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ ร่างกายของฉัน ฉันรู้ดี” ผู้เฒ่าหวังที่อยากออกไปเที่ยวมาก ๆ พูดขึ้น
หวังหยวนพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ไม่นานมานี้ปู่ของผมโทรมาหา ยังฝากถามถึงสุขภาพของคุณปู่หวังอยู่เลย”
พวกเขาใช้นามสกุลเดียวกัน คุณปู่ของเขาอายุน้อยกว่า แต่ว่าคุณปู่ของเขายังคงอยู่ที่ไห่หนานไม่มีแพลนจะกลับมาเสียที ทั้งยังบอกว่าอยู่สุขสบายดีมากกว่าอยู่ที่นี่อีก
“บอกปู่ของเธอว่าฉันสบายดี” ผู้เฒ่าหวังพูด
“ฉันว่าไว้วันหลังถ้ามีเวลาว่าง ๆ พวกเราไปไห่หนานเที่ยวเล่นดูดีไหมคะ?” หลินชิงเหอพูดกับโจวชิงไป๋
“ได้สิครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า
หลินชิงเหอยิ้ม แล้วมองไปที่หวังหยวน “ถึงตอนนั้นเธอจะไปด้วยกันไหมจ๊ะ?”
“ไปด้วยก็ดีเหมือนกันครับ ผมไม่ได้เจอคุณปู่มานานแล้ว แต่ว่าผมก็ยังต้องขอดูอีกทีนะครับ” หวังหยวนพูด
หลินชิงเหอพูดขึ้น “ไม่ต้องรีบยังอีกนานจ๊ะ” รอให้เธอซื้อที่ดินอย่างถูกต้องก่อนค่อยว่ากัน นี้เพิ่งจะปี 87 ปี 88 อยู่เลย ยังเร็วไปนัก
แต่พอเห็นว่าผู้เฒ่าหวังยังคงมุ่งมั่นที่จะออกไปข้างนอกให้ได้ หลินชิงเหอก็ไม่ขัดอีกเช่นกัน แต่กำชับบอกไม่ให้เจ้าสามพาเขาไปไกลนัก
วันนี้ก็เข้าสู่เดือนมิถุนายน ซึ่งตอนนี้จะเป็นช่วงที่ร้อนจริง ๆ แล้ว
หลินชิงเหอจึงพูดกับหู่จือ “เวลาออกไปตั้งแผงขายของ หาที่ที่ร่ม ๆ หน่อยนะจ๊ะ เธอตากแดดจนจะดำหมดแล้ว”
หลินชิงเหอดูชอบหู่จือมากจริง ๆ หลานชายคนนี้ดูสู้ชีวิตมาก เขาเริ่มจะคุ้นชินกับการไปตั้งขายของแผงลอยแล้ว ขายของก็เริ่มคล่องมือ หลินชิงเหอเคยเห็นเขาขายได้สูงสุด 400 หยวนต่อเดือน
นี่เกือบจะเท่ากับร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ได้แล้ว
“คุณป้าไม่ต้องกังวลนะครับ ผมทราบแล้ว” หู่จือยิ้ม
“เรียกน้องชายภรรยาเธอกินต้มถั่วเขียวสิ เธอก็ตักไปเยอะ ๆ หน่อย”หลินชิงเหอพูด
“ครับ” หู่จือพยักหน้ายิ้ม ๆ
“พี่หู่จือตอนนี้พี่มีภรรยาแล้ว นี่ก็สู้เพื่อครอบครัวของพวกเขาสินะ” โจวกุยหลายพูด
โจวเฉวี่ยนมองไปที่กังจือ “กังจือเมื่อไหร่นายจะออกไปทำคนเดียวดูล่ะ?”
“ตอนนี้ผมก็อยากนะครับ แต่คุณน้าสะใภ้อยากให้ผมเรียนให้จบก่อนถึงค่อยให้ออกมาทำ” กังจือพูดพร้อมกับถอนหายใจ เหลือบมองคุณน้าสะใภ้ของเขา
“เรียนหนังสือเยอะ ๆ ไม่งั้นต่อไปเธอจะรู้สึกเสียใจภายหลังนะ” หลินชิงเหอพูด ก่อนจะกล่าวขึ้นอีกว่า “ถ้าคะแนนดีล่ะก็ ปีหน้าน้าจะให้เธอออกไปตั้งแผงขายของ”
อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสืออยู่ การศึกษาจะทำให้มีผลอนาคตอันไกล สำหรับเรื่องหาเงินต่อไปก็จะมีโอกาสดี ๆ ให้หาได้ ไม่จำเป็นต้องรีบเลย
เพียงแต่อายุของหู่จือไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ทั้งแต่งงานแล้ว หลินชิงเหอจึงต้องวางมือให้เขาออกไปทำงาน ส่วนกังจือน่ะยังไม่ต้องรีบร้อนเลยจริง ๆ
กังจือได้ยินแบบนี้ก็ดีใจ “ถ้าคะแนนผมดีจะให้ผมออกไปตั้งแผงลอยเหมือนกันเหรอครับ?”
“ใช่จ๊ะ” หลินชิงเหอพูด “ต้องได้คะแนนดีเท่านั้นนะถึงจะได้ทำ แต่ผลการเรียนก่อนหน้าของเธอยังไม่ถือว่าดีเท่าไรนะ”
“ผมจะพยายามยิ่งกว่านี้ครับ!” กังจือพูด
โจวเฉวี่ยนตะโกนเรียกกังจือไปเล่นบาสด้วยกัน โจวกุยหลายไม่ได้ไปแต่อยู่กับแม่ของตน
“มีเรื่องอะไรหรือจ๊ะ” หลินชิงปรายตามองเขา เมื่อก่อนเด็กคนนี้เป็นคนที่ไร้เดียงสาที่สุด แต่ไม่รู้ว่าเธอเลี้ยงมาอย่างไร ยิ่งโตก็ยิ่งเจ้าเล่ห์
“แม่ครับ ผมจะไม่เรียนเหมือนกับพี่รอง เขาอยากจะเรียนปริญญาโทหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมจะไม่เรียนแล้ว ผมวางแผนว่าเรียนจบแล้วจะออกมาเลย” โจวกุยหลายพูดยิ้ม ๆ
“หลังจากนั้นล่ะจ๊ะ” หลินชิงเหอตีหน้านิ่ง
“ผมอยากจะเปิดโรงงานเกี๊ยว แบบพวกเกี๊ยวแช่แข็งประเภทหนึ่งน่ะครับ พอทำเสร็จแล้วก็นำไปแช่แข็งหลังจากนั้นก็จะส่งไปขายตามห้างสรรพสินค้า” โจวกุยหลายพูด
หลินชิงเหอรู้สึกแปลกใจมากจริง ๆ เธอมองเขาก่อนจะพูด “ลูกอยากจะเป็นเถ้าแก่โรงงานเกี๊ยวเหรอ?” ลูกชายของหล่อนมีความทะเยอทะยานขนาดนี้ ทำไมเธอเพิ่งจะรู้นะ
“ไม่ได้เหรอครับ?” โจวกุยหลายอึ้ง เหลือบมองแม่ของเขา
หลินชิงเหอรู้ว่าลูกชายมาหาตนเพราะต้องการบอกความคิดของตัวเอง อายุของเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ เขา 16 ปีแล้วนะ เธอไม่อาจทำลายความกระตือรือร้นของเขาได้จึงพูดขึ้น “ต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ในเมื่อลูกอยากทำพ่อกับแม่ก็จะสนับสนุนลูก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ลูกเพิ่งเรียนจบออกมาทำนี้ถือว่ายากมาก แม้ว่าลูกจะเรียนเศรษฐศาสตร์มา แต่ประสบการณ์ก็ยังน้อยอยู่ดี”
“การเปิดโรงงานย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้วครับ” โจวกุยหลายพยักหน้า “แต่ว่าผมมั่นใจ”
ในใจของหลินชิงเหอกลับไม่มีความมั่นใจเลยว่าเขาจะเปิดโรงงานได้ เด็กหนุ่มอย่างเขาเอาอะไรมามั่นใจ
“รอลูกเรียนจบแล้ว ถึงตอนนั้นลูกก็ออกมาทำงานก่อนปีหนึ่ง ถึงตอนนั้นค่อยพูดเรื่องนี้อีกทีดีไหมจ๊ะ?” หลินชิงเหอพูด
โจวกุยหลายรู้ว่าแม่ของเขายอมรับแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาว่ายอมรับ แต่แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว จึงยิ้มและพูดว่า “ไม่มีปัญหา รอผมเรียนจบแล้วผมจะหาประสบการณ์สักปีครับ”
หลินชิงเหอพยักหน้าแล้วถาม “อยากเปิดแต่โรงงานเกี๊ยวเหรอจ๊ะ ไม่อยากทำกิจการอย่างอื่นแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำหรอกครับ พ่อของผมไม่ใช่ว่าเปิดร้านเกี๊ยวหรอกเหรอ ผมคิดว่าดีเลยจะได้ทำกับพ่อด้วย ถึงตอนนั้นต้องเชิญให้พ่อไปเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว” โจวกุยหลายเอ่ย
“ผู้เชี่ยวชาญอะไรกัน” หลินชิงเหอว่าเขายิ้ม ๆ ห่อเกี๊ยวต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรกัน
เรื่องที่ลูกชายมีความคิดจะเป็นเจ้าของกิจการนั้น เธอก็เห็นด้วยเช่นเดียวกัน แต่ว่าตอนนี้อายุยังน้อย รอต่อไปค่อยว่ากันดีกว่า
แต่ก่อนนอนคืนนั้นเอง หลินชิงเหอก็ได้พูดคุยกับโจวชิงไป๋ในเรื่องนี้
โจวชิงไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดกลับไปว่า “ให้เขาไปหาเงินเอาเอง”
เปิดโรงงานต้องใช้เงินไม่ใช่น้อย ๆ แน่นอนว่าเขากับภรรยาก็มีเงินไม่น้อย แต่นั่นเขาวางแผนว่าจะเก็บไว้ให้ลูกสาวของตน
ลูกชายเหรอ?
ให้เขาออกไปสู้ด้วยมือเปล่าเสียเถอะ
หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็เอ่ยท้วง “…นั่นลูกชายแท้ ๆ ของคุณนะคะ” อย่าบอกนะว่าแม้แต่เงินต้นทุนสำหรับทำกิจการเขาก็จะไม่ให้?
“ให้เขาไปคิดเอาเอง เปิดโรงงานมันง่ายเสียที่ไหน” โจวชิงไป๋พูด แม้ว่าเขาจะเห็นด้วยเช่นกัน แต่จากสภาพที่ไม่มีประสบการณ์แบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ถ้ามีความสามารถก็ค่อยมาพูด อย่ามายุ่งกับเงินที่เขาจะเก็บให้ลูกสาวเขาเชียว
หลินชิงเหอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เรื่องในอนาคตพูดเพียงครั้งเดียวก็พอแล้ว หลังจากนี้ก็ค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมไป
“ปีนี้กิจการดีขึ้นไม่น้อยเลย” โจวชิงไป๋พูด
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
หลินชิงเหอยิ้ม ปีนี้กิจการไม่เลวเลยจริง ๆ ร้านค้าต่าง ๆ หากนับรวมกันทั้งเดือนก็เกินหมื่นหยวนแล้ว แต่ว่าปีหน้ารายได้ใกล้จะเก็บถึง 20,000 หยวนแล้ว นี้ถือว่าดีขึ้นไม่น้อยเลย
……………………………………………………………………………………………………………………….