ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 624 แบ่งผลกำไร
บทที่ 624 แบ่งผลกำไร
และแล้วก็ถึงวันนัด หลินชิงเหอขับรถมาเรียกโจวเสี่ยวเหมยและพาโจวเอ้อร์นีไปด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นจึงมารับคุณแม่เวิงที่ร้าน แล้วทั้งสี่คนก็พากันไปบ่อน้ำพุร้อนด้วยกัน
ตอนแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน คุณแม่เวิงก็ยกเรื่องมือที่สามขึ้นมาพูด “ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเด็กสาวสมัยนี้เป็นอะไรไปกันหมดแล้ว ขึ้นชื่อว่าเรียนจบมหาวิทยาลัยทางเลือกดี ๆ ไม่เอา กลับยินดีจะเป็นเมียน้อยกับผู้ชายแก่พุงใหญ่หูเบา เรื่องพวกนี้มันคืออะไรกัน”
ที่จู่ ๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา นั่นเป็นเพราะว่าแถวชุมชนที่พวกเธออยู่นั้นมีหญิงสาวที่ถูกแอบเลี้ยงเอาไว้ข้างนอก แล้วเมียน้อยพวกนั้นยังเคยเข้ามาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านหล่อนด้วย
แม้ว่าตัวคนจะค่อนข้างดูก๋ากั่น แต่ฐานะของเมียน้อยก็ดีมากเหมือนกัน ทว่าทำไมหล่อนกลับยินยอมจะเป็นเมียน้อยของชายแก่อ้วน ๆ ทำลายครอบครัวของคนอื่นด้วย?
“ไม่เห็นจะยาก นั่นก็เพราะอีกฝ่ายมีเงินยังไงล่ะคะ หล่อนก็แค่หวังกอบโกยเงินจากอีกฝ่ายเท่านั้นแหละ” โจวเสี่ยวเหมยจึงพูด
ไม่อย่างนั้นคนดี ๆ ที่ไหนจะชอบผู้ชายแบบนั้นกัน? ยิ่งไม่ใช่โรคชอบทรมานตัวเองด้วย
“ชอบความสบายแต่ขี้เกียจ เลยอยากจะนั่งขอส่วนแบ่งจากคนอื่น เมื่อก่อนฉันก็เคยคิดจะเดินทางลัดแบบนี้แหละ แต่ว่านะ คนแบบนี้น่ะต่อไปมีจุดจบไม่ดีนักหรอก!” โจวเสี่ยวเหมยพูดต่อ
“ดูเธอจะมีปฏิกิริยารุนแรงจริง ๆ นะ” หลินชิงเหอมองหล่อน
“ฉันยังไม่ได้บอกพี่สะใภ้สี่สินะคะ พี่ชายคนนั้นของต้าหลินก็ออกไปมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกันค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
หลินชิงเหอฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจ “พี่ชายของต้าหลินดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”
เมื่อนานมาแล้วพี่ชายของซูต้าหลินกับภรรยาของเขาร่วมกันเปิดร้านค้าด้วยกัน ลูกก็โตหมดแล้ว เขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง อีกทั้งหลินชิงเหอก็เคยเจอเขาเช่นกัน ดูแล้วไม่เหมือนคนที่มีนิสัยหลายใจแบบนี้เลย
“ดูเผิน ๆ ก็ไม่เหมือนหรอกค่ะ แต่เรื่องมันแดงขึ้นมาแล้ว มันเกิดเรื่องตั้งแต่เมื่อวันก่อน พี่สะใภ้ของฉันเห็นกับตาตัวเองว่าเขาเดินเล่นอยู่กับผู้หญิงคนอื่น” โจวเสี่ยวเหมยถอนหายใจพูด “จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังทะเลาะกันอยู่เลยค่ะ”
“เรื่องมันเป็นมายังไงเหรอ?” คุณแม่เวิงพูด
“เรื่องนี้ยากที่จะพูดค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด “อีกทั้งถ้าคิดจริง ๆ แล้ว มันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่ชายต้าหลินเสียทีเดียว ภรรยาของพี่ชายเขาก็ไม่ค่อยเข้าท่านักเช่นกัน ไม่รู้ว่าหล่อนไปเรียนรู้มาจากไหน วัน ๆ ไม่อยู่บ้านเอาแต่เล่นไพ่นกกระจอก ทั้งงานที่บ้านรวมทั้งที่ร้านก็ตกมาอยู่ที่พี่ชายต้าหลินทั้งหมด ปกติก็ไม่ค่อยทำสีหน้าดี ๆ ใส่กันอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ตะคอกก็ด่าทอใส่ ฉันเห็นแล้วอึดอัดแทนพี่ชายต้าหลินเลยค่ะ”
“นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลพอที่เขาจะทำผิดเหมือนกัน ถ้าเขาอยู่ด้วยต่อไปไม่ไหว ก็ขอหย่าได้นี่” หลินชิงเหอพูดออกมาตรง ๆ
เธอเคยได้ยินโจวเสี่ยวเหมยพูดถึงพี่สะใภ้ของหล่อนว่าเป็นคนที่ทั้งพูดจาทำให้คนอื่นเจ็บปวดทั้งใจร้ายมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ยังดีกว่าหน่อย หลังจากมาที่ปักกิ่งทำงานมีเงินแล้ว นิสัยของหล่อนก็กลายเป็นยิ่งทวีความร้ายกาจ
หล่อนไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตามากกว่าเดิมอีก
ร่วมเรียงเคียงหมอนกับผู้หญิงแบบนี้ทำให้คนอยู่ด้วยรู้สึกอึดอัดได้ง่ายมาก แต่อย่างที่หลินชิงเหอเคยพูด อยู่ไม่ไหวก็หย่าเสีย
หลังจากหย่าเขาก็จะกลับมาโสดอีกครั้ง อยากทำอะไรก็ทำได้ไม่เป็นไร มีอิสระจะตาย
แต่เขายังไม่หย่าแล้วออกไปทำเรื่องวุ่นวายข้างนอก ดังนั้นเขาก็ไม่ควรค่าให้ใครเห็นใจเพราะเขาก็ผิดเหมือนกัน
“พอเกิดเรื่องขึ้นฉันถึงได้ยินหลานชายบอกว่าพวกเขาเคยทะเลาะกันเรื่องหย่ามาแล้ว แต่พี่สะใภ้ของต้าหลินไม่ยอมหย่า และก็เพราะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นฉันถึงเพิ่งรู้เหมือนกันว่าร้านซาลาเปานั่นเป็นหลานชายพวกนั้นที่ดูแลอยู่น่ะค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
เรื่องนี้เรียกว่าเป็นการเตือนสติหล่อนแล้ว โชคดีที่แม้ว่าบางทีหล่อนจะหยิ่งไปบ้าง แต่หล่อนก็ยังคงดูแลครอบครัวดูแลบ้านเป็นอย่างดี และนิสัยของต้าหลินแต่เดิมนั้นไม่มีทางเป็นเหมือนพี่ชายของเขาอย่างแน่นอน
โจวเสี่ยวเหมยจินตนาการไม่ออกเลยว่า ถ้าต้าหลินของหล่อนเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ชีวิตของหล่อนจะเป็นอยู่อย่างไร
หลินชิงเหอไม่พูดอะไรอีก ต่อให้เป็นข้าราชการมือสะอาดก็ยากจะแก้ไขเรื่องราวภายในบ้านแล้ว [1]
“งั้นก็น่าสงสารเด็กจริง ๆ นะคะ” คุณแม่เวิงพูด
“ไม่ใช่เด็กแล้วค่ะ โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว คนที่อายุเยอะที่สุดก็อายุ 22 ปีแล้ว” โจวเสี่ยวเหมยพูด
พวกเขามีลูก 3 คน คนโตที่สุดอายุ 22 คนเล็กสุดอายุ 17 โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว
“ผู้หลักผู้ใหญ่รู้หรือยังคะ?” คุณแม่เวิงพูด
“รู้แล้วค่ะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมจะไม่รู้ พี่สะใภ้เขาโทรกลับไปร้องไห้ฟ้องที่บ้านแล้ว ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ระหว่างเดินทาง ประมาณ 2 วันก็น่าจะถึงแล้ว” โจวเสี่ยวเหมยพูด
“ตอนนี้พอรู้แล้วหล่อนถึงค่อยร้องไห้หรือไง บีบจนสามีตัวเองกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว หล่อนก็มีความสามารถเหมือนกันนะ!” คุณแม่เวิงพูดขึ้นพลางยิ้มเย็น
เรื่องนี้ฝ่ายชายเป็นคนผิด ผิดที่เขายังไม่หย่าแล้วออกไปสร้างเรื่องวุ่นวายข้างนอก แต่ฝ่ายผู้หญิงที่อยู่ในบ้านก็ยิ่งผิดเข้าไปใหญ่ หล่อนไม่มีความรับผิดชอบในฐานะภรรยาและแม่ของลูกบ้างเลยเหรอ?
ตอนอายุน้อย ๆ ไม่เคยออกไปก่อเรื่องข้างนอกเลย ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นแล้วกลับอยู่ไม่ได้ นี่มันไม่ย้อนแย้งไปหน่อยหรือ?
โจวเอ้อร์นีไม่พูดแทรกเลยสักคำ
หลินชิงเหอพูดกับเธอ “เธอลองเดินไปดูที่โรงงานบ่อย ๆ หน่อยนะ”
แม้ว่าหล่อนจะเชื่อใจหวังหยวน แต่เพื่อป้องกันชีวิตแต่งงานของตัวเองและฐานะภรรยา นี้ก็เป็นเรื่องที่ควรทำ
และเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าตำแหน่งภรรยาของหล่อนไม่ใช่ใครจะมารังแกได้ง่าย ๆ
“ทางหวังหยวนล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?” โจวเสี่ยวเหมยชะงักไปสักพัก แล้วจึงถามโจวเอ้อร์นี
“มีเรื่องอะไรที่ไหนกันคะ หนูก็แค่รับพนักงานบัญชีคนใหม่มาสองคน มีคนหนึ่งหน้าตาสวยทีเดียวค่ะ” โจวเอ้อร์นีพูดยิ้ม ๆ
“นี่ยังเรียกว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ!” โจวเสี่ยวเหมยจ้องหล่อนเขม็งแล้วพูด “ตอนนี้หวังหยวนมีพื้นเพเป็นยังไงเธอก็เห็น ทั้งยังหนุ่มแน่นหน้าตาดี ทั้งหล่อทั้งรวย ผู้ชายแบบนี้สำหรับผู้หญิงไร้คุณธรรมแล้วก็มีแต่คนอยากจะแย่งนะ!”
“นั่นจะเป็นไปได้เหรอ สามีของเอ้อร์นีไม่ใช่คนแบบนั้น ตระกูลหวังเป็นตระกูลแบบไหน เขาจะถูกดอกไม้ริมทางพวกนั้นทำให้หลงมัวเมาได้อย่างไร?” คุณแม่เวิงก็พูดอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
โจวเอ้อร์นีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมองอาหญิงของหล่อนแล้วพูด “คุณอาเล็กกังวลเกินไปแล้วค่ะ หวังหยวนไม่มีความคิดอะไรแบบนั้นหรอก เมื่อเร็ว ๆ นี้เขายังสอนหนูขับรถอยู่เลย”
“เขาจะซื้อรถให้เธออย่างนั้นเหรอ?” โจวเสี่ยวเหมยถาม
“บอกว่าให้หนูสอบใบขับขี่ผ่านก่อนค่ะ ถึงตอนนั้นถึงจะซื้อรถให้หนูคันหนึ่ง หนูอยากไปไหนมาไหนก็จะได้สะดวก” โจวเอ้อร์นียิ้ม
คุณแม่เวิงพูด “ฉันก็บอกแล้วว่าสายตาของสามีเอ้อร์นีไม่ได้ต่ำขนาดนั้น สองแฝดน่ารักน่าชังขนาดนั้นเขาก็ไม่อยากคิดเรื่องอะไรอื่นแล้ว คิดก็แต่เรื่องของเจ้าสองแฝดนั่นแหละ”
สี่สาวแช่น้ำร้อนไปพูดไป พอแช่น้ำร้อนเสร็จก็หาขนมขบเคี้ยวกิน และกลับบ้านด้วยความอิ่มเอม
หลินชิงเหอไปส่งคุณแม่เวิงก่อน หลังจากนั้นถึงไปส่งโจวเอ้อร์นีที่โรงงานเสื้อผ้า สุดท้ายถึงไปส่งโจวเสี่ยวเหมยกลับบ้าน
โจวเสี่ยวเหมยกับซูต้าหลินย้ายออกไปตั้งแต่ปี 86 พวกเขาย้ายออกมาอยู่กันเองแล้ว
บ้านของหล่อนไม่ได้กว้างขวางเท่าบ้านของท่านพ่อท่านแม่โจว แต่เท่านี้ก็อยู่กันพอแล้วล่ะ
“นี่เป็นเงินปันผลของเดือนนี้จ้ะ พี่เกือบลืมไปเลย” หลินชิงเหอพูดพลางหยิบเงิน 200 หยวนและยังมีธนบัตรต้าทวนหยวน [2] อีก 2 ใบ
ธนบัตรร้อยหยวนสีแดงนี้เพิ่งออกมาเมื่อปีที่แล้ว
โจวเสี่ยวเหมยร่วมลงทุนกับร้านชาของเธอที่หนึ่ง ทุกเดือนจึงต้องให้เงินส่วนแบ่งกับหล่อน ก่อนหน้านี้ลงทุนไป 3,000 หยวน แต่ตอนนี้โจวเสี่ยวเหมยได้เงินทุนคืนมาหมดแล้ว ตอนนี้ก็ได้เริ่มเก็บเกี่ยวผลกำไรแล้วเช่นกัน
“ขอบคุณมากนะคะพี่สะใภ้สี่” โจวเสี่ยวเหมยรับมายิ้มกว้างแล้วพูด
“ไปดูคุณพ่อคุณแม่หน่อยนะจ๊ะ” หลินชิงเหอพูด
“ฉันรู้แล้วค่ะ พี่วางใจเถอะ” โจวเสี่ยวเหมยโบกมือพูด
หลินชิงเหอขับรถกลับไปแล้ว โจวเสี่ยวเหมยถึงค่อยถือเงินกลับเข้าบ้าน ตอนนี้ซูต้าหลินกลับมาถึงบ้านแล้ว กำลังเปิดหน้าดินเตรียมจะปลูกผักอยู่หลังบ้าน เขาวางแผนว่าจะปลูกผักแล้วเอาไปใส่ในซาลาเปาเสียหน่อย
…………………………………………………………………………………………………………………………….
[1]ข้าราชการมือสะอาดก็ยากจะแก้ไขเรื่องราวภายในบ้าน(清官难判家务事)หมายถึง เรื่องราวภายในบ้านคนอื่น คนนอกยากจะเข้าไปแก้ไข
[2] แบงค์ต้าทวนหยวน (大团圆)เป็นชื่อที่เอาไว้เรียกธนบัตรใบนี้ แปลตรงตัวว่าครอบครัวอยู่พร้อมหน้า มีค่าเท่ากับ10หยวน
รูปภาพข้างต้นเป็นธนบัตรของฉบับปี 1965
อ้างอิงรูปภาพและข้อมูล: https://zhidao.baidu.com/question/1181112260901673259.html
สารจากผู้แปล
จะว่าไปแล้วบ้านเราก็มีเรื่องพวกนี้อยู่เยอะใช่ย่อยเลยนะคะ เรื่องเป็นเด็กเสี่ยเด็กเลี้ยง เรื่องมือที่สามนี่ อ่านแล้วก็เหมือนเห็นสภาพสังคมบ้านเราไปในตัว
การคบกันอยู่ที่ความสบายใจจริง ๆ ค่ะ ถ้าอยู่ด้วยแล้วอึดอัดก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะมองหาคนอื่น แต่ก็ควรจะคุยกันดี ๆ ก่อนนะว่าต้องปรับเข้าหากันตรงไหน แต่ถ้าปรับไม่ได้จริง ๆ ก็ค่อยหย่าแล้วไปมีชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยคาราคาซัง
ไหหม่า(海馬)