ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 666 ไร้ภาพจำ
บทที่ 666 ไร้ภาพจำ
หลังจากนั้นโจวลิ่วนีก็ได้พบโจวเอ้อร์นีในตอนที่มาร้านขายชา
หล่อนเห็นลูกพี่ลูกน้องแต่งตัวได้อย่างชาญฉลาด อีกฝ่ายหน้าตาดีแค่สามส่วนกลับแต่งตัวจนออกมาดูดีได้เจ็ดส่วน เสื้อผ้าที่สวมกระเป๋าที่ถือดูก็รู้ว่าเป็นของมีราคาทั้งหมด ไหนกันล่ะภาพลักษณ์ของคนที่มาจากชนบท?
โจวลิ่วนียิ่งไม่สบอารมณ์เข้าใหญ่ คิดดูสิว่าชาติก่อนโจวเอ้อร์นีได้แต่งงานกับคนแบบไหน?
แม้จะถือว่าคนที่แต่งด้วยใช้ได้ก็เถอะ มีคนแนะนำครูประถมให้หล่อนรู้จัก ถือว่าดีมากแล้วในบรรดาพี่น้อง อย่างไรเสียคนรับเงินเดือนย่อมเอามาเทียบกับคนที่คลุกอยู่กับดินไม่ได้
แต่ถึงอย่างไรก็เทียบกับชาตินี้ไม่ได้
พูดไปพูดมาก็เป็นเพราะได้ผู้ชายดีนั่นแหละ โจวลิ่วนีคิดอย่างขุ่นเคือง ถ้าตอนนั้นหล่อนได้อยู่ปักกิ่งต่อ ชีวิตของหล่อนในตอนนี้คงดียิ่งกว่าโจวเอ้อร์นีเสียอีก!
ตอนนี้โจวเอ้อร์นีอยู่ในฐานะอะไรก็ยังปฏิบัติต่ออาสะใภ้สี่ของหล่อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ท่าทางที่มีต่อบ้านเกิดก็คงเดิม แต่ถ้าจะให้หล่อนทนกับคนที่แววตาฉายชัดถึงความแค้นใจนั้นคงเป็นไปไม่ได้
โจวเอ้อร์นีในตอนนี้ไม่ใช่โจวเอ้อร์นีคนเดิมแล้ว หวังหยวนทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยอย่างยิ่ง กระทั่งต่อให้อยู่ต่อหน้าแม่สามี โจวเอ้อร์นีก็ไม่เกร็งมือเกร็งเท้าเหมือนแต่ก่อน
อาสะใภ้สี่ของหล่อนพูดถูก เข้ากันได้ก็อยู่ เข้ากันไม่ได้ก็แยก ในเมื่อเข้ากับโจวลิ่วนีไม่ได้ก็ไม่มีอะไรต้องพูด
โจวเอ้อร์นีจึงมีท่าทางเรียบเฉย ต้อนรับไปอย่างนั้น
โจวลิ่วนีเห็นแล้วก็หงุดหงิด…ทำเป็นหยิ่ง ชาติก่อนได้แต่งแค่ครู แถมยังโดนพ่อแม่สามีที่เห็นผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิงรังแกทั้งชีวิต ชาตินี้แค่ได้ดีเพราะแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ เท่านั้นแหละ
“พี่สาวและพี่เขยของฉันมาที่นี่หมด ตอนนี้หลานก็โตแล้ว ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าหลานเลยค่ะ” โจวลิ่วนีเอ่ย
หมายความว่าหล่อนอยากไปเยี่ยมโจวซานหนี
โจวเอ้อร์นีสนิทกับโจวซานนี จึงไม่อยากให้หล่อนไปรบกวนเท่าไรนัก แต่อย่างไรเสียหล่อนก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของโจวซานนี จึงเอ่ยขึ้น “ถ้าเธออยากไปเดี๋ยวฉันพาไป”
โจวลิ่วนีมาหาโจวซานนี อีกฝ่ายถึงได้รู้ว่าหล่อนมาหา
เทียบกับตอนเพิ่งมาแล้ว โจวซานนีและหลี่อ้ายกั๋วก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะโจวซานนีที่เมื่อก่อนทำงานบ้านทุกอย่าง จนมีนิสัยซึมกระทือเอาแต่ก้มหน้าทำงาน
แต่หลังจากมาที่นี่ ได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ ๆ ได้ออกไปซื้อของทุกวัน ข้างหูไม่มีเสียงเพื่อนบ้านคนในละแวกคอยตำหนิหล่อนเรื่องไม่มีลูก แถมหล่อนต้องทำตัวให้สดชื่นมีแรงเพื่อรับแขก แบบนี้ถึงจะช่วยอาสี่อาสะใภ้สี่ขายอาหารทะเลแห้งออกไปได้
สามีภรรยาอย่างพวกเขาจะได้มีรายได้
แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้หล่อนเปลี่ยนไปมากมายจริง ๆ นี่ถ้าเดินไปอยู่ตรงหน้าสะใภ้รองโจว บางทีคนเป็นแม่อย่างสะใภ้รองโจวอาจจะจำหล่อนไม่ได้ก็ได้
2 ปีมานี้โจวซานนีเคยส่งเงินกลับไปเหมือนกัน แต่ส่งให้แค่ผู้เป็นพ่อ ไม่เยอะมาก เป็น 10 หยวนที่เก็บได้ด้วยการประหยัด
ส่วนโจวซานนีในตอนนี้นิสัยร่าเริงมาก
โจวลิ่วนีที่ได้เห็นพี่สาวแท้ ๆ ที่ถูกหล่อนถากถางแดกดันดูถูกมาตั้งแต่เด็กเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ก็ไม่ต้องพูดเลยว่าจะอิจฉาขนาดไหน
หล่อนจำได้ว่าชาติก่อนตอนไปใช้ชีวิตทางใต้ก็ได้ยินข่าวร้ายเช่นกัน
ชาติก่อนพี่สาวหล่อนก็แต่งงานกับหลี่อ้ายกั๋ว ชาตินี้เป็นอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนไป แต่หลี่อ้ายกั๋วเมื่อชาติก่อนเดินทางข้ามเขาไม่ทันระวัง ลื่นตกผาตาย ส่วนพี่สาวหล่อนมีลูกชายเหมือนกัน หลังจากนั้นก็กลายเป็นแม่หม้ายของหมู่บ้านตระกูลหลี่
แล้วยังต้องโดนบ้านสามีชี้หน้าด่าว่าดวงกินสามี หลังจากนั้นหล่อนก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรต่อ เพราะหลังจากที่หล่อนไปใช้ชีวิตทางใต้แล้วก็ไม่เคยกลับไปอีก แต่เห็นได้ชัดว่าชีวิตไม่ได้ดีเท่าไร
คิดไม่ถึงเลยว่าชาตินี้พี่สาวหล่อนจะได้มาอยู่ปักกิ่ง ดูการแต่งตัวสิ มีหน้ามีตาสุด ๆ แถมสะอาดสะอ้านผิวขาวผ่อง คนที่ไม่รู้ได้แต่นึกว่าเป็นคนปักกิ่งตั้งแต่เกิดเสียอีก
โจวซานนีตะลึงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นโจวลิ่วนีมา หล่อนไม่มีภาพจำดี ๆ เกี่ยวกับน้องสาวแท้ ๆ คนนี้เลยสักนิด
แต่ในเมื่อมาแล้วหล่อนก็ไม่ว่าอะไร เพียงแต่ถามขึ้น “มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“พี่ ฉันเพิ่งมาเมื่อวาน วันนี้ก็รีบมาเยี่ยมพี่เลย” โจวลิ่วนีบอก
“แล้วเธอคิดจะกลับไปเมื่อไหร่ล่ะ” โจวซานนีถามอีก
โจวลิ่วนีสะอึก ทีแรกหล่อนอยากให้โจวซานนีไปช่วยพูดกับอาสะใภ้สี่ด้วย แต่โจวซานนีกลับถามหล่อนว่าจะกลับเมื่อไหร่
“ตอนนี้ฉันคอยช่วยอาสี่อาสะใภ้สี่อยู่ ฉันเห็นหมดแล้ว อาสี่อาสะใภ้สี่รับไว้แม้กระทั่งสวี่เชิ่งเฉียง” โจวลิ่วนีกล่าว
หล่อนไม่ได้โง่ และรู้ว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับสวี่เชิ่งเฉียงแน่ ๆ เรื่องติดคุกที่หมู่บ้านไม่รู้ เรื่องหย่าก็ยังไม่แพร่หลาย หล่อนจึงยังไม่รู้
แต่หล่อนรู้ว่าก่อนหน้านี้สวี่เชิ่งเฉียงทำงานคนเดียว และมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับบ้านโจว
“นั่นมันคนละเรื่องกัน ที่รับสวี่เชิ่งเฉียงเพราะตอนนี้เขาทำตัวดีขึ้นแล้ว ส่วนเธอ?” โจวซานนีชำเลืองมอง
น้องสาวคนนี้โตมากับหล่อน แค่ยกก้นก็รู้แล้วว่าจะตด มีอะไรที่หล่อนไม่รู้บ้าง
คนแบบนี้ไม่ได้จะมาตั้งใจทำงานหรอก
“จะกลับไปเมื่อไหร่มาบอกฉันด้วย ฉันซื้อเสื้อผ้าไว้ให้พ่อสองชุด ฝากเธอเอากลับไปให้พ่อด้วย” โจวซานนีบอก
“ครั้งก่อนแม่ยังพูดอยู่เลยว่าพี่ไม่คิดถึงแม่บ้าง ของที่ส่งกลับไปให้แต่พ่อไม่เคยให้แม่เลย” โจวลิ่วนีเอ่ย
โจวซานนีไม่อยากว่าแม่ตัวเอง เวลานี้มีลูกค้าเข้า หลี่อ้ายกั๋วจึงไปรับลูกค้า
เกิดการซื้อขายกันที่ร้อยกว่าหยวน
หลังการพัฒนาทางการเมือง เศรษฐกิจก็รุ่งเรืองขึ้น เงินเดือนของทุกคนก็ขึ้นตาม โดยเฉพาะพวกคนมีเงิน ต่างกล้าเสียเงินกับของกินมากขึ้น
ร้านอาหารทะเลแห้งของหลินชิงเหอตอนนี้ก็เป็นร้านดั้งเดิมไปแล้ว มีลูกค้าประจำมากมาย กำไรก็ดี
โจวลิ่วนีเห็นของที่ขายกันแล้ว มีแต่ของหายากทั้งนั้นเลย ต่อให้เป็นในโลกอนาคตก็ถือว่าเป็นวัตถุดิบในร้านอาหารชั้นสูง
“ร้านนี้ก็เป็นของอาสี่อาสะใภ้สี่เหรอคะ?” โจวลิ่วนีถามไปแบบนั้น แต่ในใจมั่นใจเต็มร้อย และที่หล่อนรู้สึกว่ามีปัญหาก็เพราะแบบนี้แหละ จะทำธุรกิจเก่งเกินไปแล้ว
หล่อนหยั่งเชิงดูแล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่ได้อะไร
“เธอกลับไปเถอะ ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอแล้ว” โจวซานนีบอก
ช่วงนี้เป็นช่วงเช้า ลูกค้าเข้า ๆ ออก ๆ ขายดีไม่น้อย ไม่มีเวลาว่างอะไรมาสนใจโจวลิ่วนี
แต่หล่อนกลับหันไปหาโจวเอ้อร์นี “ที่พี่เอากลับไปครั้งก่อนกินหมดรึยังคะ? เอาไปเพิ่มไหม?”
“ยังกินไม่หมดหรอกจ้ะ กินหมดแล้วค่อยมาเอา” โจวเอ้อร์นีเอ่ย
โจวซานนีพยักหน้า โจวเอ้อร์นีจึงเรียกโจวลิ่วหนีให้ไปกับเธอ
……………………………………………………………………………………………………………………….