ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 70
หลังได้เที่ยวเล่น ทานอาหาร ดูหนังกันเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ครอบครัวนี้ต้องกลับบ้านแล้ว
ระหว่างทางกลับบ้าน เจ้าใหญ่กับเจ้ารองก็พูดกันว่าพวกเขาจะดูหนังอีกในวันปีใหม่ปีหน้า!
“ได้สิ ถ้าลูกตั้งใจเรียนทุกวัน แม่ก็ยอมให้ลูกได้ดูหนังนะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างเมตตา
โจวชิงไป๋ไม่พูดอะไร เขาปั่นจักรยานพาภรรยาและลูก ๆ กลับบ้านแต่ฟังเสียงหัวเราะพูดคุยของพวกเขาไปด้วย ใบหน้าที่ปกติดูเย็นชาก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ยาก
เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามแล้ว ทั้งครอบครัวต่างรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการตะลุยเที่ยวมาทั้งวัน
เจ้าใหญ่กับเจ้ารองต่างมีพลังงานล้นเหลือ หลินชิงเหอจึงไม่ห้ามเมื่อพวกเขาบอกว่าจะออกไปเล่นนอกบ้าน หญิงสาวจึงพาเจ้าสามพักผ่อนพร้อมกับเธอ
ในตอนนี้มันเกือบได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะนอนพัก
หลินชิงเหอล้างแอปเปิลเพื่อรับประทานเป็นอาหารว่าง ซึ่งโจวชิงไป๋หยิบไปกัดกินลูกหนึ่ง ขณะที่เจ้าสามทานกากแอปเปิลเละ ๆ ที่หญิงสาวใช้ช้อนขูดให้ทาน
แม้เขาจะมีอายุ 2 ขวบ แต่จริง ๆ แล้วก็ถือว่ายังเป็นเด็กเล็กอยู่
โจวชิงไป๋สลับมาเป็นคนป้อนกากแอปเปิลให้เจ้าสามบ้างหลังตัวเองทานเสร็จ และปล่อยให้ภรรยาได้ทานแอปเปิลของตัวเอง
“อากาศหนาวแทบแข็งแบบนี้ คืนนี้เราควรกินอะไรกันดีคะ?” หลินชิงเหอถาม
“เกี๊ยวก็พอแล้วล่ะ” โจวชิงไป๋บอก
“ถ้าเป็นหมั่นโถวข้าวโพดล่ะคะ?” หลินชิงเหอเบื่อที่จะกินเกี๊ยวแล้วเลยเสนอขึ้นมา “ฉันจะนึ่งหมูสามชั้นหมักอีกชิ้นหนึ่งแล้วตุ๋นแกงจืดสาหร่ายดีไหมคะ?”
“ก็ได้” โจวชิงไป๋พยักหน้า
โจวเสี่ยวเม่ยมาร่วมทานอาหารในเย็นวันนั้น หล่อนรู้สึกทึ่งที่ได้ทานหมูสามชั้นหมัก และยังรู้สึกว่าพี่ชายสี่ของหล่อนดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นมากหลังจากกลับมาอยู่บ้าน อย่างน้อยเขาก็ดูบึกบึนกว่าเมื่อก่อน ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สะใภ้สี่เป็นอย่างมาก
ดูหมูสามชั้นหมักนี่สิ มันช่างหอมหวนและอร่อยล้ำเสียจนหล่อนแทบจะกลืนลิ้นตัวเองเข้าไปได้
หมูสามชั้นหมักของหลินชิงเหออร่อยเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย ดูจากสภาพของโจวชิงไป๋และเด็ก ๆ สามคนก็รู้แล้ว
หมูสามชั้นหมักผัดกับผักดองแล้วโรยพริกสับนิดหน่อยมันช่างหอมชวนน้ำลายสอและอร่อยเหาะจริง ๆ
นอกจากนี้ยังมีแกงจืดสาหร่ายกระดูกหมู ต่อให้อาหารจานหลักจะเป็นของกินเรียบง่ายอย่างหมั่นโถวข้าวโพด โจวเสี่ยวเม่ยที่มาในฐานะแขกก็ยังคงพอใจอยู่ดี
หลังทานเสร็จ หล่อนก็ล้างทำความสะอาดถ้วยชาม ซึ่งหลินชิงเหอก็ไม่ได้ห้าม น้องสามีของเธอมาทานอาหารทั้งที ทำไมต้องห้ามไม่ให้หล่อนช่วยล้างถ้วยชามล่ะ
วันหยุดปีใหม่วันที่สองช่างสงบสุขนักเช่นกัน
แต่ทางบ้านตระกูลหลินกลับครุ่นคิดหนัก
เดิมทีพวกเขาคิดว่าหลินชิงเหอแค่ระบายโทสะ เลยบอกว่าเธอจะไม่กลับบ้านในช่วงปีใหม่นี้ เธอมีครอบครัวฝั่งแม่แค่ครอบครัวเดียวเท่านั้น ทำไมเธอถึงจะไม่กลับมาล่ะ? ส่วนครอบครัวสามีก็คงจะดูถูกเธอสารพัดนั่นแหละ
แต่ใครจะคิดว่าวันนี้เธอไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านในวันหยุดเทศกาลปีใหม่วันที่สองจริง ๆ
“ตาเฒ่า นังเด็กคนนี้จะไม่กลับมาเยี่ยมเราจริง ๆ เหรอ?” ท่านแม่หลินถาม
“อืม ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบน่ะ ไม่ต้องสนใจว่ามันจะมาเยี่ยมบ้านตัวเองหรือเปล่าหรอก จากนิสัยของมันแล้วก็คงจะต้องร้องไห้ฟูมฟายกลับมาที่บ้านสักวันหนึ่งนั่นแหละ” ท่านพ่อหลินแค่นเสียง
ท่านแม่หลินพยักหน้า “นังเด็กคนนี้ชักจะหัวแข็งเกินไปแล้ว มันสมควรได้รับความทุกข์แล้วล่ะ”
ไม่ใช่แค่ท่านพ่อกับท่านแม่หลินที่พูดถึงหลินชิงเหอ พี่ชายคนโตกับพี่สะใภ้ใหญ่บ้านหลินก็พูดถึงเธอด้วย แต่กล่าวถึงแค่ประโยคสั้น ๆ หนึ่งหรือสองประโยค
ส่วนพี่ชายรองกับสะใภ้รองบ้านหลินพูดถึงเธอมากกว่านั้น
“หล่อนไม่คิดจะกลับมาจริง ๆ เหรอ? คิดว่าทุกคนจะต้องคอยพะเน้าพะนอหล่อนเหมือนเมื่อก่อนหรือยังไง?” สะใภ้รองบ้านหลินแค่นเสียง
“หล่อนไม่รู้จักโตเลยจริง ๆ” พี่ชายรองเอ่ยเสริม
“ฉันบอกคุณได้เลยว่าชีวิตของหล่อนตอนนี้จะต้องลำบากแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเรื่องอะไรแบบนี้ ถ้าคุณเผอิญเจอกับบหล่อนเข้าก็ทำเป็นไม่เห็นว่าหล่อนอยู่ตรงนั้นนะ!” สะใภ้รองตระกูลหลินบอก
“แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็เป็นพี่น้องกันนะ หล่อนเคยให้โค้ทกับผมมา” พี่รองหลินแย้ง
“ให้อะไรกันคะ? ฉันนี่สิต้องเอ่ยยกยอปอปั้นตั้งมายมายจนแทบจะบอกว่าเท้าเน่า ๆ ของหล่อนช่างหอมเหลือเกินเพื่อให้ได้โค้ทตัวนี้มาต่างหาก นี่เป็นสิ่งที่ครอบครัวเราควรได้รับแล้ว!” สะใภ้รองตระกูลหลินแค่นเสียงเย็นชา
ครอบครัวของน้องชายสามตระกูลหลินเองก็พูดคุยกันในเรื่องนี้
“ฉันคิดว่าพี่สาวสามของคุณจะไม่ได้พูดจริงเสียอีก ไม่คิดเลยว่าวันนี้หล่อนจะไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน” สะใภ้สามตระกูลหลินรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
วันนี้มีแค่พี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองเท่านั้นที่กลับมา เหลือแค่พี่สาวสามเท่านั้นที่ไม่ได้กลับ
สะใภ้สามตระกูลหลินกำลังตั้งท้องลูกคนที่สองหลังจากที่คลอดลูกสาวคนแรกไปแล้ว ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาอีกเดือนกว่าจึงจะครบกำหนดคลอด หล่อนเลยไม่ได้กลับไปที่บ้านฝั่งแม่ท่ามกลางถนนที่เป็นน้ำแข็ง หลังปีใหม่นี้ก็คาดว่าจะไม่ได้กลับไปอีกเช่นกัน
“ครั้งนี้พี่สาวของผมโกรธจริง ๆ ล่ะ ผมไม่อยากเชื่อพ่อกับแม่ผมเลย ที่ผ่านมาพี่สาวสามให้ของตอบแทนพวกเขาตั้งมากมาย ตอนนี้ชีวิตของหล่อนกำลังทุกข์ยาก แต่พวกเขากลับไม่ให้ความช่วยเหลือ” น้องชายสามตระกูลหลินย่นคิ้ว
“คุณอย่าเพิ่งเสียใจไปเลย บางทีรออีกสักหน่อยมันคงจะดีขึ้น มีลูกสาวที่ไหนบ้างล่ะที่ตัดขาดกับครอบครัวแม่ตัวเองได้ลงคอ” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก
“คุณไม่รู้จักพี่สาวสามของผมหรอก เมื่อไหร่ที่หล่อนบอกว่าจะตัดขาด หล่อนก็จะไม่มาให้เห็นหน้าอีกเลย เว้นแต่ว่าพ่อกับแม่ผมจะต้องเป็นฝ่ายไปเชิญหล่อนมาเอง” น้องชายสามตระกูลหลินถอนหายใจ
“ถึงกับให้พ่อกับแม่คุณไปเชิญกลับมาเลยเหรอคะ? งั้นก็อย่าคิดที่จะกลับมาอีกในชาตินี้เลยค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ย
“พรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมพี่สาวสามแล้วกัน” น้องชายสามตระกูลหลินตัดสินใจ
“คุณไปก็ดีแล้วค่ะ แต่ไม่จำเป็นต้องเอาของขวัญอะไรไปเยี่ยมหรอก” สะใภ้สามตระกูลหลินรีบบอกทันที
น้องชายสามตระกูลหลินตอบรับเพียงส่งเสียง “อืม” ตอนนี้เขาไม่มีเงินเลย แต่คงจะเป็นการดีที่จะลองไปเยี่ยมพี่สาวสามของเขาดู
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็มุ่งหน้าไปที่บ้านของพี่สาว เมื่อไปถึงก็พบโจวชิงไป๋อยู่ที่บ้านและกำลังเลี้ยงหมูอยู่ในสวนหลังบ้าน ตอนนี้หมูทั้งสองตัวมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เข้าต้องตื่นแต่เช้าตั้งแต่หกโมงมาเลี้ยงพวกมันรอบหนึ่งและเลี้ยงพวกมันอีกทีตอนเก้าโมงเช้า
“น้องชายสาม นายมาแล้วเหรอ” โจวชิงไป๋เอ่ยทักเมื่อเห็นชายหนุ่ม
“พี่เขยครับ พี่สาวผมอยู่บ้านไหมครับ?” น้องชายสามตระกูลหลินยิ้มตอบเมื่อเห็นพี่เขยขณะที่สายตาของเขากวาดมองสวนหลังบ้าน
“พี่สาวนายเพิ่งออกจากบ้านไปน่ะ อีกสักพักน่าจะกลับ” โจวชิงไป๋ตอบ
โจวชิงไป๋พาเขาเข้ามาในลานบ้าน เมื่อน้องชายสามตระกูลหลินเห็นลูกหมูทั้งสอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ เพราะพี่สาวสามของเขารักความสะอาดมาก หล่อนเคยตำหนิคนที่เลี้ยงหมูให้ที่บ้านฟังบ่อย ๆ และสาบานว่าจะไม่เลี้ยงพวกมันในบ้านของหล่อนเด็ดขาด
ไม่ต้องพูดถึงการเลี้ยงหมูเลย การจะเลี้ยงไก่ก็จะไม่เจอแบบเดียวกันเหรอ?
แต่ดูตอนนี้สิ ฐานะครอบครัวของพี่สาวคงจะย่ำแย่มากจนถึงขนาดต้องเลี้ยงหมูไว้เป็นค่าแรง
ถ้าเลี้ยงหมูสองตัวนี้ดี ๆ มันก็ให้แต้มค่าแรงได้จำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพี่สาวสามในตอนนี้เลย
หลินชิงเหออุ้มเจ้าสามกลับบ้านแล้วเห็นว่าน้องชายสามมาหาก็รู้สึกดีใจ เธอไม่สนใจคนอื่น ๆ ในบ้านตระกูลหลิน เว้นก็แต่น้องชายสามคนนี้ที่ยังรักใคร่อยู่
“ตอนเที่ยงนายอย่าเพิ่งรีบกลับไปเลย อยู่ทานข้าวเที่ยงก่อนเถอะ” หลินชิงเหอขอร้องเขา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมกลับไปทานที่บ้านดีกว่า” น้องชายสามตระกูลหลินส่ายหน้า
“นายเดินทางมาตั้งไกลในวันปีใหม่แบบนี้ พี่จะปล่อยให้นายกลับไปทั้งที่ท้องว่างได้อย่างไรล่ะ” หลินชิงเหอบอก
“พี่ครับ ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ ผมทานอาหารที่บ้านดีกว่า ตอนนี้พี่เขยลาออกมาแล้ว ในวันข้างหน้าพี่อย่าเอาแต่ใจตัวเองต่อไปอีกเลย แค่ใช้ชีวิตอยู่กับพี่เขยให้ดีก็พอ” น้องชายสามตระกูลหลินเตือน
“พี่ยังต้องให้นายบอกอีกเหรอว่าควรใช้ชีวิตอย่างไร? ดูเจ้าสามสิ พี่เลี้ยงดูเขาดีแค่ไหน?” หลินชิงเหออุ้มเจ้าสามขึ้นมาให้น้องชายดู “เรียกคุณน้าสิครับ”
“คุณน้า” เจ้าสามเอ่ยทักทาย
น้องชายสามตระกูลหลินยิ้มกริ่มและเอามือแตะกระเป๋าเสื้อหมายจะให้เงินรับขวัญปีใหม่กับหลาน แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่มีเงินเลย
“พี่ดีใจนะที่นายยังมาเยี่ยมพี่สาวคนนี้อยู่ ตอนนี้พี่เห็นว่าตระกูลหลินของพี่มีแค่นายคนเดียวแล้วล่ะ” หลินชิงเหอกล่าว
“พี่ครับ อย่าพูดโดยใช้อารมณ์สิครั…”
“นายก็รู้นี่ว่าพี่เป็นคนยังไง พี่ไม่ได้พูดโดยใช้อารมณ์ แต่พี่พูดเพราะเห็นธาตุแท้ของคนที่เหลือหมดแล้วต่างหาก” หลินชิงเหอขัดน้องชายก่อนที่เขาจะพูดจบ
………………………………………………………………………………….