ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - ตอนที่ 63 ให้ปิ่นเงิน
บทที่ 63 ให้ปิ่นเงิน
จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วอดปวดใจไม่ได้ นี่เด็กอายุเท่าไรเอง? กลับโดนทรมานจนอยู่ในสภาพแบบนี้?
นางรีบเอาไก่ย่างที่เก็บไว้มาให้ซานหยา จางซานหยาชินแล้วกับการมาแอบกินอะไรนู่นนี่ที่บ้านจางซิ่วเอ๋อ นางรู้ว่าจะกินอะไรที่บ้านพี่ใหญ่ตัวเองก็ได้ มีแค่อย่างเดียวก็คือก่อนกินข้าวต้องล้างมือ
ตอนกินข้าวก็ต้องมีมารยาท
แต่ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับจางซานหยา เรื่องล้างมือก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งอะไร ส่วนเรื่องมารยาทนั้น?
ตอนนางกินข้าวที่บ้านตระกูลจางไม่มีมารยาทไม่ได้หรอก นางคีบกับข้าวเยอะหน่อยหรือกินเร็วหน่อยก็ต้องโดนด่าโดนตี ตอนนี้ที่ได้มากินข้าวบ้านพี่ใหญ่ถือว่าดีมากแล้ว
แถมที่พี่ใหญ่ไม่ให้นางกินเร็วก็เพราะหวังดีกับนาง ได้ยินว่าทำแบบนี้แล้ววันหลังจะได้หาคนแต่งงานได้ง่าย
จริง ๆ แล้วจางซานหยาไม่เข้าใจเรื่องแต่งงานนัก แต่รู้ว่าแค่ตัวเองได้แต่งงานก็จะสามารถออกจากบ้านตระกูลจางได้
ต่อให้ต้องเป็นแม่ม่ายเหมือนพี่ใหญ่ ก็ยังสบายใจกว่าอยู่ที่บ้านตระกูลจาง!
กินข้าวเสร็จจางซิ่วเอ๋อก็ตักน้ำมาให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ล้างคราบมันที่มือออก หยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากของที่ตัวเองซื้อมาพร้อมกับรอยยิ้ม
จางซานหยากระพริบตา ใบหน้าแห้งคล้ำเต็มไปด้วยความคาดหวัง “พี่ใหญ่ซื้อลูกอมให้ข้าอีกแล้วเหรอเจ้าคะ?”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยยิ้ม ๆ “ครั้งนี้ข้าไม่ได้ซื้อลูกอมให้พวกเจ้าหรอก แต่ซื้อของดีอย่างอื่นมา!”
จางซิ่วเอ๋อเปิดห่อผ้าหยิบปิ่นเงินออกมา และวางปิ่นเงินบนโต๊ะ
ปิ่นเงินสองอันส่องประกายระยิบระยับ ที่หัวปิ่นมีดอกไม้ใยเงิน ด้านในดอกไม้ฝังหินหลิวหลีสีชมพูไว้
ปิ่นเงินสองอันนี้ใช้วัสดุเหมือนกันหมด ราคาก็เท่ากัน อย่างเดียวที่ต่างกันคือดอกไม้ใยเงิน ชิ้นนึงใหญ่กว่าหน่อย กลีบดอกไม้ที่ใหญ่กว่าล้อมเป็นวงกลม อีกชิ้นดูอันเล็กจิ้มลิ้ม แต่ถ้าดูดี ๆ จะเห็นว่าซ้อนกลีบดอกไม้ไว้สองชั้น สวยงามมากเช่นกัน
จางชุนเถามองของพวกนี้แล้วอึ้งไป สีหน้าแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย “พี่ ท่านซื้อของพวกนี้ทำไมกัน บ้านเรา….”
จางชุนเถาใช้ชีวิตลำบากจนชิน ถึงแม้จะชอบพวกปิ่นมาก แต่นางก็ไม่อยากเอาตำลึงเงินไปซื้อ สู้เก็บเงินไว้ยังจะดีกว่า แต่ก็คิดไปว่าตำลึงพวกนี้พี่ใหญ่เป็นคนหามา นางเอาแต่ยุ่งคงไม่ดี
อีกอย่างปิ่นแบบนี้ก็ดีเหมือยกัน ถ้าจนกันขึ้นมาอีกจะได้เอาไปแลกตำลึงเงินได้
ส่วนจางซานหยาก็มีสายตาอยากได้ แต่นางกระพริบตาปริบ ๆ และพบว่ามีปิ่นแค่สองอัน แววตาผิดหวังเล็กน้อย
ตอนนี้นางไม่ได้ใช้ชีวิตกับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ให้นางได้กินของดี ๆ บ่อยก็ดีมากแล้ว จะอยากได้ของอย่างอื่นได้อย่างไรกัน
จางซิ่วเอ๋อกลับเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ “ชุนเถา ซานหยา พวกเจ้าเอาปิ่นนี่ไปคนละอัน คุยกันเองว่าใครจะเอาอันไหน อย่างไรเสียก็เป็นพี่น้องกัน วันหลังสลับกันใส่ก็ได้”
จางซานหยาถามด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “พี่ใหญ่ พี่จะบอกว่าข้าก็มีเหรอ?”
จางซิ่วเอ๋อมองจางซานหยาด้วยสีหน้าอ่อนโยน ยื่นมือไปลูบผมแห้งกรังของจางซานหยาพลางบอกเสียงนุ่ม “เจ้าต้องมีสิ แต่เจ้าเอาปิ่นนี่กลับไปไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นท่านย่ามาเห็นเข้าเป็นเรื่องแน่ เอาเก็บไว้ที่ข้าก่อน อยากใส่ตอนไหนก็ใส่ได้เลย อีกหน่อยตอนแต่งงานก็เอาไปเป็นสินสอด”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าจะปฏิบัติแตกต่างกันตลอดไม่ได้ ต่อให้ต้องกันแม่เฒ่าจางไว้ แต่สิ่งที่จางซานหยาควรได้ก็ควรจะให้นาง ไม่อย่างนั้นระยะสั้นไม่มีปัญหา แต่ระยะยาวซานหยาต้องไม่ชอบใจอยู่แล้ว
สายตาจางซานหยาเป็นประกาย นางเอ่ยด้วยความดีอกดีใจ “ขอบคุณพี่ใหญ่”
นางอายุยังน้อย ไม่รู้จักการแกล้งทำเป็นไม่รับเพราะมารยาท นางรู้แค่ตัวเองชอบของสิ่งนี้จริง ๆ จึงรับเอาไว้
จากนั้น จางซานหยาก็ถามด้วยความสงสัย “แต่พี่ใหญ่ ในเมื่อมีปิ่นเงินแค่สองอัน แล้วของพี่ไม่มีเหรอเจ้าคะ?”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยยิ้ม ๆ “พี่ไม่ชอบของแบบนี้น่ะ ถ้าชอบพี่คงซื้อไปแล้ว”
จางชุนเถามองปิ่นเงินและแอบคิดในใจ ถึงตอนนั้นเอาของตัวเองให้พี่ใหญ่ใส่ก็จบ จะให้พี่ใหญ่น้อยหน้าไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อหยิบดอกไม้ผ้าออกมาอีก “ดอกไม้ผ้านี่ดอกละ 10 เหรียญ ข้าซื้อมา 10 อัน เถ้าแก่…เอิ่ม….”
จางซิ่วเอ๋อนับดู และกล่าวยิ้ม ๆ “เขาเห็นว่าข้าซื้อเยอะ และซื้อปิ่นด้วย จึงให้ข้ามาอีก 4 ดอก”
นางคิดไปคิดมา ก่อนหยิบดอกไม้ผ้าออกมา 4 ดอกและพูดยิ้ม ๆ “พวกนี้ข้าเก็บไว้ให้คนอื่น ที่เหลือเราสามพี่น้องชอบอันไหนก็ใส่อันนั้น”
จางชุนเถาและจางซานหยาไม่ค่อยกล้าแตะปิ่นเงินเท่าไหร่ แต่ดอกไม้ผ้านี่ไม่เป็นไร จางชุนเถาเลือกดอกไม้ผ้าสีชมพูอันนึงไปติดผมจางซานหยา
จางซิ่วเอ๋อไม่ทันตั้งตัว ก็มีดอกไม้ผ้าสีแดงอ่อนมาติดที่ผม
“พี่ใหญ่ ปกติพี่แต่งตัวเรียบเกินไป ใส่ดอกไม้แบบนี้สิสวย” จางชุนเถาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ดอกไม้ผ้านี่ถูกทำขึ้นอย่างพิถีพิถันในระดับนึง และมีน้ำหนักเบามาก ติดผมก็ไม่ทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าทำอะไรไม่สะดวก นางจึงไม่ได้เอาออก และหยิบดอกไม้สีชมพูกลีบบัวติดให้จางชุนเถา “เจ้าอย่าเอาแต่สนใจข้าจนลืมตัวเองเล่า”
จากนั้นจางซิ่วเอ๋อก็หยิบเสื้อผ้าที่ซื้อไว้ออกมา และบอกจางซานหยายิ้ม ๆ “ซานหยา พี่มอบส่วนของเจ้าให้เป็นเหรียญทองแดงนะ เจ้าหาที่เก็บของพวกนี้ไว้เงียบ ๆ อีกหน่อยอยากซื้ออะไรก็ไปซื้อ อย่าให้ตัวเองต้องลำบาก”
จางซิ่วเอ๋อพูดพลางเอาเหรียญทองแดงจำนวนหนึ่งให้จางซานหยา
ของจำพวกเสื้อผ้าดูเอิกเกริกเกินไป ถ้าจางซานหยาใส่กลับไปคงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี
จางซานหยากลับไม่ยอมรับเงินจากจางซิ่วเอ๋อ “พี่ ข้าไม่ต้องการเงินนี่หรอก”
จางซานหยาอายุไม่มาก ไม่รู้ว่ารั้นเหมือนใคร จางซิ่วเอ๋อเห็นว่าโน้มน้าวยัยหนูนี่ไม่ได้แล้ว จึงเอ่ยขึ้น “งั้นเจ้าเอาเงินพวกนี้ไปให้ท่านแม่ แล้วบอกว่าข้าเอาให้…..”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ชะงักไป “ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องให้ข้ากำชับแล้วใช่ไหม?”
จางซานหยารีบพยักหน้า “ไม่ว่าอย่างไรก็ให้ท่านพ่อรู้ไม่ได้”
จางซิ่วเอ๋อมองจางซานหยาอย่างพอใจ ยัยนี่ฉลาดจริง ๆ
นางจัดของทีละอย่างภายใต้สายตาจ้องมองจากจางชุนเถา
ท้ายที่สุดจางชุนเถาก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “พี่ เครื่องเทศเราขายได้เท่าไหร่เหรอ?”
จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ “ 3 ตำลึงเงิน”
จางชุนเถาหน้าตาตื่นเต้นดีใจ “มากขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าเราทำต่อไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าจะหาเงินได้มากแค่ไหน”
จางซิ่วเอ๋อชะงักสิ่งที่ทำอยู่ หันกลับมามองจางชุนเถา “เรื่องที่พวกเราหาเงินได้มากเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้เครื่องเทศของเราคงขายได้ราคาแบบวันนี้ไม่ได้แล้วล่ะ วันนี้ข้าไปเจอไอ้โง่คนนึงน่ะ ขายครั้งหน้าคงไม่ได้ราคาขนาดนี้หรอก”
……………………………………………
Related