ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 108 เปิดโปง
บทที่ 108 เปิดโปง
“น่ากลัวเกินไปแล้ว! ข้าคิดอยู่นานแล้วว่าจางซิ่วเอ๋อเป็นคนอัปมงคล คิดไม่ถึงว่าตอนนี้นางโดนผีสิงด้วย นี่ถ้านางถูกผีหลอกใช้ให้ออกมาทำร้ายคนอื่นจะทำอย่างไร?”
“ครึ่งเซียน! ท่านต้องจัดการให้พวกเรานะ! ช่วยกำจัดผีที่สิงจางซิ่วเอ๋อด้วย!”
หูครึ่งเซียนเก็บดาบไม้ท้อของตัวเองและยืนเอามือไพล่หลัง มืออีกข้างลูบเคราแพะตัวเอง พูดด้วยสีหน้ามีนัยยะลึกล้ำ “ทุกท่าน อย่าเพิ่งตื่นตระหนก……”
“ตอนนี้อยู่ที่ว่าจางซิ่วเอ๋อจะเลือกอย่างไรแล้ว ถ้าจะไล่ผีเดี๋ยวนี้เลย หลังจากนี้วิญญาณร้ายนั่นจะสิงเพียงจางซิ่วเอ๋อ ขอแค่หลังจากนี้พวกเจ้าไม่ข้องแวะกับจางซิ่วเอ๋อ วิญญาณร้ายก็จะไม่ทำร้ายพวกเจ้า” หูครึ่งเซียนกล่าว
จากนั้นเขากล่าวยิ้ม ๆ “ถ้าให้ข้าไปไล่ผีที่บ้านผีสิง หลังจากนี้จางซิ่วเอ๋อจะเหมือนคนปกติ รับรองได้ว่าหมู่บ้านชิงสือของพวกเจ้าจะไม่มีสิ่งโสมม!”
จางซิ่วเอ๋อโกรธจนแทบหัวเราะ หูครึ่งเซียนกำลังบีบคั้นให้นางต้องจ่ายตำลึงเงิน
แต่จะให้นางเอาเงินออกมางั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!
จางซิ่วเอ๋อมองกระเป๋าที่หูครึ่งเซียนวางบนพื้น ในนั้นมียันต์เหลืองโผล่แลบออกมา 3-4 แผ่น นางแค่นเสียงพลางคว้ายันต์เหล่านั้นมาอย่างฉับไว
หูครึ่งเซียนตะคอกทันที “เจ้าทำอะไร! วางลงเดี๋ยวนี้!”
จางซิ่วเอ๋อไม่สนหูครึ่งเซียน หากิ่งไม้ที่พื้นมากิ่งหนึ่งและแทงยันต์เหลืองอย่างรวดเร็ว
กระดาษยันต์ไฟลุกพรึ่บ
ทุกคนเห็นภาพแบบนี้แล้วต้องอึ้ง “ตายจริง จางซิ่วเอ๋อโดนวิญญาณร้ายสิงใช่ไหม! ถึงกับมีวิชาอาคมขนาดนี้ด้วยหรือ!”
หูครึ่งเซียนหน้าดำคร่ำเครียด “นังปีศาจ! ยังไม่รีบวางลงอีก!”
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะ “ปีศาจ? เจ้าระวังคำพูดหน่อยนะ! เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกว่าข้าถูกวิญญาณร้ายสิง ปีศาจกับวิญญาณร้ายต่างกันมากโขทีเดียว! หรือเจ้าความจำไม่ดี? จำบทตัวเองไม่ได้แล้วพูดผิด?”
พูดเสร็จจางซิ่วเอ๋อก็หันกลับมา และยื่นยันต์เหลืองในมือให้คนสามสี่คนที่มุงอยู่
“ข้าโดนวิญญาณร้ายสิงร่างที่ไหนกัน ไม่ว่าใครในพวกเจ้าก็จุดยันต์เหลืองนี่ได้โดยเอาอะไรมาถูทั้งนั้น ไม่เชื่อพวกเจ้าก็ลองดู!” จางซิ่วเอ๋อแจกจ่ายกระดาษยันต์
ตอนแรกมีคนไม่กล้ารับ
แต่หลังจากนั้นทุกคนก็คิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นยันต์คาถาของหูครึ่งเซียน ไม่มีผลร้ายอะไรหรอก
จึงมีพวกชอบแส่หาเรื่องรับมา ไม่ว่าจะใช้หินหรือกิ่งไม้ เพียงถูเบา ๆ กระดาษก็ลุกเป็นไฟ
หูครึ่งเซียนมองภาพนี้ด้วยหน้าดำคร่ำเครียด
หูเปียวก็นิ่งต่อไม่ไหว “พวกเจ้าทำอะไร! ทำอะไร! พวกเจ้ารู้ไหมว่ายันต์นี่ถูกวิญญาณร้ายสาป! พวกเจ้าระวังจะมีโชคร้ายนะ!”
บางคนที่กำลังจะลองก็ตกใจจนโยนยันต์ในมือทิ้ง
หูครึ่งเซียนเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ พวกเจ้าเข้าทางวิญญาณร้ายนั่นแล้ว!”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงดัง “ทุกคนอยากรู้ไหมว่าทำไมพวกท่านถึงจุดยันต์พวกนี้ได้?”
“ซิ่วเอ๋อ เจ้ารู้สาเหตุเหรอ?” จวี๋ฮวาถามเสียงเบาอยู่ในฝูงชน
ได้ยินจวี๋ฮวาช่วยตัวเอง จางซิ่วเอ๋ออุ่นใจขึ้นมา จึงพูดต่อจากจวี๋ฮวา “นั่นก็เพราะยันต์แผ่นนี้เต็มไปด้วยผงไป๋หลิน*น่ะสิ!”
*ฟอสฟอรัสขาว
“พวกเจ้ารู้ไหมว่ามันคืออะไร? มันคือวัตถุดิบอย่างหนึ่งในการทำประทัดและดอกไม้ไฟ! เพียงทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นนิดเดียว ของแบบนี้ก็จะไหม้ขึ้นมาเอง! ตอนที่ทุกคนใช้ไม้หรือหินถูกยันต์แผ่นนี้จะทำให้อุณหภูมิของกระดาษยันต์สูงขึ้น ผงไป๋หลินก็จะติดไฟลุกไหม้!” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง
คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านไม่รู้ว่าผงไป๋หลินคืออะไร แต่ที่นี่คนเยอะ คนเยอะก็ต้องมีคนที่มีความรู้บ้าง
ขณะนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ข้าเคยเจอในหนังสือ ผงไป๋หลินไฟลุกง่ายจริง ๆ! ไม่ต้องพูดถึงว่ามันเกิดจากสิ่งลี้ลับเลย คำอธิบายของแม่จางสมเหตุสมผลแล้ว”
คนอื่น ๆ ที่เคยไปโรงเรียนก็พยักหน้าและกล่าว “หากยันต์เหลืองนี่มีผงไป๋หลินจริง ๆ งั้นก็ไม่แปลกที่จะลุกเป็นไฟ”
“จริงสิ! เมื่อก่อนหูครึ่งเซียนมีอาชีพทำประทัด พวกเจ้าเห็นตาข้างนั้นของเขาไหม เขาบอกว่าบอดเพราะเผยความลับสวรรค์ แต่ที่จริงโดนแรงระเบิดจากประทัด!” คนที่พูดอยู่คือแม่หวัง แม่สามีของจวี๋ฮวา
ตระกูลทางแม่ของแม่หวังอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับหูครึ่งเซียน จึงรู้เรื่องของหูครึ่งเซียนอยู่บ้าง
แม่หวังเป็นคนมีไมตรีกับผู้อื่นตลอด ทุกคนได้ยินก็เชื่อคำพูดแม่หวังเป็นส่วนใหญ่
“ตายจริง อย่างนั้นหูครึ่งเซียนก็เป็นของปลอมน่ะสิ? ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลยสินะ? แค่แสดงละครหลอกผีหลอกเจ้าเท่านั้น?” คนผู้หนึ่งอุทาน
คนพวกนี้เป็นประเภทปั่นให้มีเรื่องไปเรื่อย ไม่กลัวว่าเรื่องจะใหญ่โต กลัวว่าจะไม่ใหญ่โตแล้วพลาดเรื่องสนุกมากกว่า
ไล่ผีให้จางซิ่วเอ๋อเป็นเรื่องสนุก เปิดโปงหูครึ่งเซียนกลับเป็นเรื่องสนุกยิ่งกว่า! จึงตั้งใจก่อความวุ่นวาย
หูครึ่งเซียนมีสีหน้าไม่สู้ดี “พวกเจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน? ยันต์พวกนี้ไฟลุกก็เพราะจางซิ่วเอ๋อถูกวิญญาณร้ายสิงร่าง!”
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองหูครึ่งเซียน หูครึ่งเซียนในเวลานี้กลับเถียงข้าง ๆ คู ๆ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าก็วาดยันต์ใหม่ต่อหน้าทุกคน แล้วทำให้ยันต์เหล่านั้นไฟลุกเองสิ ข้าถึงจะเชื่อเจ้า!” จางซิ่วเอ๋อถามอย่างเยาะเย้ย
หูครึ่งเซียนมีปัญญาเสียที่ไหน ถ้าไม่เอายันต์กระดาษพวกนี้ไปแช่น้ำไป๋หลินก่อน จะจุดติดเองได้อย่างไรกัน
เขาจึงเอ่ยขึ้น “การวาดยันต์ต้องมีสมาธิ! ข้าวาดต่อหน้าทุกคนไม่ได้!”
“หูครึ่งเซียน ในเมื่อเจ้าเป็นเลิศด้านวิชาอาคม นอกจากทำให้กระดาษติดไฟแล้วเจ้าต้องมีวิชาอย่างอื่นอีกสิ?” จางซิ่วเอ๋อถามยิ้ม ๆ
หูครึ่งเซียนมีสีหน้าเลิกลั่กเล็กน้อย ก่อนจะเชิดคางแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องมีสิ! ข้าทำให้เทียนไหม้เองได้ด้วย!”
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะ “ในเมื่อเป็นเทียน เช่นนั้นเทียนบ้านไหนก็เหมือนกันหมด งั้นอย่าใช้เทียนของเจ้าเลย”
หลักการเดียวกัน ก็แค่ทาไป๋หลินบนไส้เทียนเท่านั้น
หูครึ่งเซียนหน้าเสีย ใช้เทียนบ้านคนอื่นจะจุดติดได้อย่างไร?
มีคนในฝูงชนสมทบ “หูครึ่งเซียน เจ้าช่วยแสดงความเก่งกาจให้พวกเราดูหน่อยเถอะ”
“บ้านข้ามีเทียน ข้าไปเอามาให้ใช้ได้!” มีพวกชอบแส่ในหมู่คนที่ชอบมุงดู เวลาแบบนี้จึงอาสากลับไปเอาเทียน
หูครึ่งเซียนเห็นแบบนั้นจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไร จึงรีบพูดขึ้น “เทียนมันง่ายไป ข้าจะแสดงที่เก่งกาจกว่านั้นให้ดู”
จางซิ่วเอ๋อมีแววตาอยากรู้อยากเห็น “งั้นข้าจะรอดู เจ้าบอกมาซิว่าจะแสดงอะไร”
ในขณะที่จางซิ่วเอ๋อนึกว่าหูครึ่งเซียนจะแสดงวิชาจำพวกเคลื่อนที่กลางอากาศ หูครึ่งเซียนกลับหยิบห่อกระดาษเล็ก ๆ ออกมาสี่ห้าห่อและบอกทุกคน “นี่คือขี้ธูปที่ข้าใช้บูชาท่านอาจารย์ปู่ ขี้ธูปนี่มีการให้พรจากอาจารย์ปู่ ไม่ว่าจะมีโรคอะไร ขอแค่ดื่มลงไป ไม่เกินหนึ่งก้านธูปก็จะกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนปกติ”
…………………………………………