ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 120 หยั่งเชิง
บทที่ 120 หยั่งเชิง
แค่เห็นจางซิ่วเอ๋อเดินมาหาตัวเอง สวี่อวิ๋นซานก็ยังมีความสุขได้ “ซิ่วเอ๋อ”
จางซิ่วเอ๋อมาอยู่ตรงหน้าสวี่อวิ๋นซานโดยแบกฟ่อนหญ้าไว้ที่หลัง พร้อมพูดเข้าประเด็น “เมื่อวานขอบคุณนะที่เจ้าออกตัวให้ข้า”
ใบหน้าสวี่อวิ๋นซานฉายแววเก้อเขินเล็กน้อย “เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ระหว่างเราเจ้าไม่ต้องขอบคุณหรอก”
จางซิ่วเอ๋อกลับพูดด้วยหน้าบึ้งตึง “ทำไมระหว่างเราถึงไม่ต้องขอบคุณ สวี่อวิ๋นซาน ข้าขอบคุณเจ้าจากใจจริง แต่ข้าหวังว่าต่อไปนี้เจ้าอย่าพูดแบบนี้อีก หากใครมาได้ยินเข้าไม่รู้ว่าจะพูดถึงข้าอย่างไรบ้าง”
“ซิ่วเอ๋อ ข้า….รู้แล้ว” สวี่อวิ๋นซานนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับจางซิ่วเอ๋อที่เป็นที่พูดถึงอยู่ในตอนนี้ ก็รู้ว่าตัวเองทำแบบนี้ไม่ดี แต่ได้ยินจางซิ่วเอ๋อปัดความสัมพันธ์กับเขาแบบนี้สวี่อวิ๋นซานยังผิดหวังอยู่มาก
จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมาก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าเคยมาที่บ้านผีสิงไหม?”
สวี่อวิ๋นซานได้ยินมาถึงตรงนี้ หน้าขึ้นสีแดงและบอกตะกุกตะกัก “เคย…..เคยมาครั้งหนึ่ง แต่ไม่กล้าเข้าไป”
“เคยมาแค่ครั้งเดียวเหรอ?” จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วถาม
สวี่อวิ๋นซานรีบบอก “เจ้าไม่อยากเห็นข้า ข้าก็ไม่กล้าไปหาเจ้าบ่อย ๆ”
ได้ยินสวี่อวิ๋นซานบอกแบบนี้ และสีหน้าตื่นเต้นบนใบหน้าดูไม่เสแสร้ง จางซิ่วเอ๋อจึงคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่ฝีมือสวี่อวิ๋นซาน
แต่เพื่อป้องกันความผิดพลาด จางซิ่วเอ๋อยังคงหยั่งเชิงถามต่อ “เจ้าซ่อมหน้าต่างเป็นไหม?”
สีหน้าสวี่อวิ๋นซานกระอักกระอ่วนนิดหน่อย “ไม่…..ไม่เป็น จริงสิ ข้าจำได้ว่าหน้าต่างบ้านเจ้าพัง ถ้าเจ้าต้องการซ่อมข้าเรียกคนมาซ่อมให้ได้”
เขาเป็นมือดีเรื่องล่าสัตว์ แต่เรื่องอื่น ๆ อย่างเช่นฝีมือช่างไม้ เขาทำไม่ค่อยเป็นนัก
คราวนี้จางซิ่วเอ๋อเบาใจลง สวี่อวิ๋นซานไม่ได้ทำ ก็หมายความว่านางไม่ติดหนี้บุญคุณสวี่อวิ๋นซานอะไรอีก แต่แล้วในใจก็กระตุกวูบอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่สวี่อวิ๋นซานแล้วเป็นใครกัน
“ซิ่วเอ๋อ เจ้าคิดอะไรอยู่” สวี่อวิ๋นซานเห็นจางซิ่วเอ๋อใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงเอ่ยถาม
จางซิ่วเอ๋อสงบใจและกล่าว “ไม่มีอะไร ใกล้จะถึงตีนเขาแล้ว เจ้าไปก่อนเถอะ”
สวี่อวิ๋นซานรู้ว่าจางซิ่วเอ๋อต้องการเว้นระยะห่างกับตัวเอง อดมีสีหน้าผิดหวังไม่ได้
เขามองกระต่ายสองตัวในมือตัวเองแล้วเอ่ย “เดี๋ยวก่อน ซิ่วเอ๋อ กระต่ายนี่เจ้าเอากลับไปกินเถอะ”
จางซิ่วเอ๋อส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก”
“งั้นเอาอย่างนี้ เจ้าเอากลับไปหนึ่งตัว บ้านข้าแค่ตัวเดียวก็พอกินแล้ว อีกตัวจะเอาไปขายที่ตัวเมืองก็ไม่ได้ ถ้าเน่าคงเสียดายแย่” สวี่อวิ๋นซานบอก
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองกระต่ายขนเทา ถึงจะไม่ได้น่าดูชมเท่าไหร่ แต่ตัวอ้วนจริงเชียว
นางครุ่นคิดก่อนจะถาม “ถ้าเจ้าเอากระต่ายไปขายที่แคว้น ขายได้เท่าไหร่เหรอ”
สวี่อวิ๋นซานบอก “กระต่ายตัวนี้แค่ 4 ชั่ง ขายได้ไม่ถึง 50 เหรียญหรอก”
สวี่อวิ๋นซานตอบไปอย่างนั้นเพราะเห็นจางซิ่วเอ๋อถาม แต่ตอนนี้กลับเห็นจางซิ่วเอ๋อปลดถุงเงินออกจากสายคาดเอวและนับออกมา 50 เหรียญ
“ซิ่วเอ๋อ! เจ้าทำอะไร?” สวี่อวิ๋นซานมีหน้าตาตกตะลึง
จางซิ่วเอ๋อยัด 50 เหรียญนี้ใส่กระเป๋าสะพายที่สวี่อวิ๋นซานสะพายไว้ใส่ของป่า ก่อนจะกล่าวขึ้น “กระต่ายนี่ข้าเอา แต่ถือว่าข้าซื้อนะ”
จางซิ่วเอ๋อทำแบบนี้เพื่อให้คราวหน้าที่สวี่อวิ๋นซานเจอนางแล้วจะได้เลิกเอาของมาให้สุ่มสี่สุ่มห้าอีก
สวี่อวิ๋นซานหน้าแดงก่ำ “ซิ่วเอ๋อ! ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น! ข้าแค่อยากให้กระต่ายเจ้า! ไม่คิดเงิน!”
สวี่อวิ๋นซานคิดว่าจางซิ่วเอ๋อเข้าใจความหมายตัวเองผิด
จางซิ่วเอ๋อเห็นสวี่อวิ๋นซานเป็นแบบนี้แล้วนึกในใจ คราวหน้าถ้าสวี่อวิ๋นซานเจอนางอีกคงไม่สุ่มสี่สุ่มห้าเอาของอะไรมาให้นางอีกแล้วแหละ
ส่วนการซื้อของของสวี่อวิ๋นซาน จางซิ่วเอ๋อคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นการซื้อขายอย่างเป็นธรรมก็เท่านั้น
จางซิ่วเอ๋อรับกระต่ายขนเทามาจากมือสวี่อวิ๋นซานและเอ่ยขึ้น “เรียบร้อย! เงินแลกสินค้า!”
สวี่อวิ๋นซานยื่นมือจะล้วงเอา 50 เหรียญนั้นออกมา
กลับได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวดังเข้ามา “พี่! ทำอะไรกันอยู่!”
สวี่อวิ๋นซานชะงักนิดหน่อย เห็นหลีฮวาเดินลงจากเขาด้วยใบหน้าโมโห
ไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร หลีฮวามองจางซิ่วเอ๋อและด่ากราด “เจ้าแย่งกระต่ายของพี่ข้าไปทำไม? มียางอายบ้างไหม?”
หลีฮวาไม่เห็นตอนจางซิ่วเอ๋อให้เงิน นางมาตอนที่จางซิ่วเอ๋อหยิบกระต่ายไปพอดี สวี่อวิ๋นซานกลับนิ่งเฉยไม่เป็นเดือดเป็นร้อน และเหมือนจะเอาอะไรให้จางซิ่วเอ๋ออีก จะให้นางทนได้อย่างไรกัน
จางซิ่วเอ๋อมองหลีฮวาอย่างเย้ยหยัน และมองสวี่อวิ๋นซานอย่างมีความหมาย
ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เรื่องของพวกเจ้าพี่น้อง พวกเจ้าจัดการกันเองนะ”
“ชุนเถา ตามมาเร็ว ๆ เราจะลงเขากันแล้ว เดินช้าระวังโดนหมาบ้ากัดนะ!” น้ำเสียงจางซิ่วเอ๋อล้อเลียนสุด ๆ
หลีฮวาหน้าเสีย จะเดินเข้าไปกระชากจางซิ่วเอ๋อ
สวี่อวิ๋นซานเห็นภาพนี้ก็มีสีหน้าย่ำแย่ เขาคว้าหลีฮวาไว้ “พอได้แล้ว! เจ้ายังขายหน้าไม่พอใช่ไหม?”
“พี่! จนป่านนี้แล้วยังจะปกป้องนางอีก!” หลีฮวาโมโหหนักกว่าเดิม
สวี่อวิ๋นซานเอากระเป๋าผ้าตัวเองออกจากตัวและโยนใส่หลีฮวา “ซิ่วเอ๋อให้เงินแล้ว!”
“เฮอะ! พี่ เงินนี่ก็พี่เป็นคนให้น่ะสิ? พี่คิดว่าข้าโง่เหรอ?” หลีฮวานึกถึงสวี่อวิ๋นซานปกป้องจางซิ่วเอ๋อแบบนี้ก็อัดอั้นตันใจ
สวี่อวิ๋นซานอยากจะไล่ตามจางซิ่วเอ๋อไปและคืนเงินให้นาง แต่เห็นหลีฮวาเป็นแบบนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้
สวี่อวิ๋นซานมองหลีฮวาอย่างไม่พอใจ สายตาฉายแววรังเกียจ
เมื่อก่อนถึงเขาไม่อยากแต่งงานกับหลีฮวา แต่ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็โตมาด้วยกัน เขาเอ็นดูหลีฮวาเสมือนน้องสาวมาตลอด ไม่เคยนึกรังเกียจ
แต่ตอนนี้สวี่อวิ๋นซานนานวันก็ยิ่งรู้สึกว่าหลีฮวาเปรียบเสมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ทับเขาไว้ ทำให้เขารู้สึกหนักอึ้ง
สวี่อวิ๋นซานสะบัดหลีฮวาที่จับเขาไว้และพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พอได้แล้ว! เจ้าก่อเรื่องพอรึยัง!”
หลีฮวามองสวี่อวิ๋นซานอย่างตะลึง ราวกับคิดไม่ถึงว่าสวี่อวิ๋นซานจะถึงขั้นโมโหใส่นาง
นางคาดคั้นด้วยตาแดงก่ำ “พี่! ข้าไม่ดีตรงไหน พี่ถึงทำกับข้าแบบนี้เพียงเพราะจางซิ่วเอ๋อ? ข้าไม่ดีแค่ไหนก็ไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับชายอื่น! ทำไมพี่ถึงแยกแยะดีชั่วไม่ได้ล่ะ!”
สวี่อวิ๋นซานกล่าวเสียงขรึม “หลีฮวา! วันนี้ข้าจะบอกเจ้าชัด ๆ อีกครั้ง ข้าไม่แต่งงานกับเจ้า ต่อให้ข้าไม่ได้แต่งงานกับซิ่วเอ๋อก็ไม่แต่งกับเจ้า!”
คำพูดของสวี่อวิ๋นซานแทงใจดำหลีฮวาอย่างไม่ต้องสงสัย ใบหน้าหลีฮวาเต็มไปด้วยน้ำตา “พี่ แต่ข้าอยากแต่งงานกับพี่”
“ข้าไม่ได้ชอบเจ้า” สวี่อวิ๋นซานบอกเสียงเข้า
เขาเต็มทนแล้วกับการพัวพันของหลีฮวา!
หลีฮวามองสวี่อวิ๋นซานน้ำตาคลอ และเห็นว่าใบหน้าสวี่อวิ๋นซานไม่มีแววอ่อนโยนเลยสักนิด ไม่ใช่แค่เย็นชาแต่ยังไร้ความรู้สึกอีกด้วย นางมีสีหน้าอับอายโกรธแค้นขึ้นมา กระทืบเท้าและหันหลังวิ่งออกไป
……………………………………………