ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 130 ยืมวัว
บทที่ 130 ยืมวัว
พูดไปจางซิ่วเอ๋อก็เผยของในตะกร้าให้ดู “นี่เป็นเนื้อหมูป่าที่ข้าได้มาก่อนหน้านี้ เลยเอามาให้พวกท่านลองชิมดู ถือเป็นการขอบคุณที่ผู้ใหญ่บ้านช่วยข้าคลี่คลายสถานการณ์ต่อหน้าทุกคนเจ้าค่ะ”
แม่เฒ่าซ่งเห็นจางซิ่วเอ๋อเอาเนื้อออกมาชิ้นโต จึงคิดได้ว่าจางซิ่วเอ๋อช่างใจกว้างยิ่งนัก
หากตนไม่ให้ยืมรถลาก แถมรับของขวัญขอบคุณชิ้นโตจากจางซิ่วเอ๋อขนาดนี้ก็ออกจะไม่เหมาะสมนัก
อย่างไรเสียเรื่องวันนั้นผู้ใหญ่บ้านซ่งก็แค่ช่วยพูดเข้าข้างจางซิ่วเอ๋อคำสองคำ ไม่ควรได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้
ถ้าจางซิ่วเอ๋อเกิดผูกใจเจ็บพวกเขาเพราะเรื่องนี้แล้วหลังจากนี้ไม่ขอให้พวกเขาช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้จะทำอย่างไร? ถึงตอนนั้นบ้านพวกเขาก็มีลู่ทางหาเงินน้อยลงน่ะสิ?
แม่เฒ่าซ่งคิดไปคิดมาก็ตบโต๊ะพลางกล่าว “เจ้าพูดอะไรกัน สะดวกไม่สะดวกอะไรเล่า คนหมู่บ้านเดียวกัน เจ้าอยากยืมเดี๋ยวข้าให้คนคล้องรถไว้ให้ เจ้าเอาไปใช้เถอะ……”
“แต่บอกไว้ก่อน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับวัวหรือรถ เจ้าต้องชดใช้นะ” แม่เฒ่าซ่งพูดอย่างไม่วางใจ
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยยิ้ม ๆ “เรื่องนั้นสมควรแล้วเจ้าค่ะ”
จางซิ่วเอ๋อเลื่อนเนื้อไปข้างหน้าพลางบอก “รีบเก็บเนื้อเถอะเจ้าค่ะ ใครมาเห็นเข้าคงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นัก”
แม่เฒ่าซ่งเป็นคนฉลาด รู้ว่าไม่ว่าด้วยเหตุผลใด บ้านผู้ใหญ่บ้านรับของกำนัลเป็นที่นินทาได้ง่าย จึงหิ้วเนื้อนั่นไปที่ห้องเก็บฟืน
บ้านแม่เฒ่าซ่งมีตราชั่งอยู่ นางลองชั่งดูก็พบว่าเนื้อที่จางซิ่วเอ๋อให้มาอีกนิดหนึ่งก็มีน้ำหนัก 8 ชั่งแล้ว
นางยิ้มแก้มปริ เนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้เลี้ยงคนที่บ้านได้อิ่มหนำถึงสองมื้อเชียวล่ะ!
จางซิ่วเอ๋อจูงวัวตัวใหญ่ของผู้ใหญ่ซ่งมาตามที่ปรารถนา วัวตัวนั้นหยุดอยู่ริมป่า จางซิ่วเอ๋อขนของที่ทุกคนเอามาไว้ให้แต่แรกขึ้นรถ
ตอนนี้จ้าวเอ้อร์หลางและท่านหมอเมิ่งช่วยไม่ได้จริง ๆ หน้าบ้านแม่ม่ายเรื่องแยะ ใครจะรู้ว่าพวกปากมากจะนินทาอะไรอีก
จางซิ่วเอ๋ออาจจะไม่กลัว แต่บัณฑิตจ้าวและท่านหมอเมิ่งเป็นคนโบราณโดยแท้จริง จางซิ่วเอ๋อจึงต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย
เมื่อเห็นจางซิ่วเอ๋อลากอะไรบางอย่างด้วยรถออกจากหมู่บ้านไปแล้ว ทุกคนก็ตะลึง
“ตายจริง นั่นจางซิ่วเอ๋อใช่ไหม ทำไมข้าดูแล้ววัวนั่นคุ้นจังเลยล่ะ? เอ๊ะ นั่นรถลากของผู้ใหญ่บ้านนี่? ทำไมให้จางซิ่วเอ๋อใช้ล่ะ?”
“จางซิ่วเอ๋อนี่เก่งจริง ๆ ยืมรถลากของบ้านผู้ใหญ่บ้านออกมาได้!”
“บนรถนั่นมันอะไรกัน?”
มีคนอยากรู้อยากเห็นข้าวของบนรถจางซิ่วเอ๋อ นางจึงพยายามเร่งรถลากให้เร็วขึ้น
โชคดีที่ตอนแม่เฒ่าซ่งให้ยืมรถมัวแต่สนใจเงินและเนื้อ จึงลืมถามว่านางจะเอาไปใช้ขนของอะไร
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อเคลื่อนผ่านบ้านตระกูลจาง แม่เฒ่าจางก็ตาแหลมเห็นจางซิ่วเอ๋อ และเห็นว่าบนรถมีของอยู่ด้วย ดวงตานางก็เป็นประกายขึ้นมา
นางบอกกับจางต้าหูที่กำลังผ่าฟืนอยู่ในสวน “เจ้ารีบไปดูซิว่าจางซิ่วเอ๋อลากอะไรออกไป? มีของดีทำไมไม่รู้จักเอามาให้ที่บ้านบ้าง?”
จางต้าหูถูกแม่เฒ่าจางผลักออกไปถึงรู้ตัวว่านางให้เขาไปตามจางซิ่วเอ๋อ
จางต้าหูรีบวิ่งเหยาะ ๆ ตามขึ้นไป “ซิ่วเอ๋อ!”
จางซิ่วเอ๋อนั่งอยู่บนรถลาก หันกลับไปมองจางต้าหู “ท่านพ่อ! ท่านไม่ต้องคืนค่าจานแล้ว! ข้าจะหาทางหาเงินไปชดใช้เอง!”
จางต้าหูฟังมาถึงตรงนี้ก็สีหน้าย่ำแย่ลง และวิ่งช้าลงโดยปริยาย
จางซิ่วเอ๋อขับรถลากเดินหน้าต่อ หันกลับไปมองจางต้าหูที่ไฟมอดแล้วแค่นเสียง
ถ้าไม่ใช่ว่านางเชื่อใจในนิสัยของแม่โจว จางซิ่วเอ๋อสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าของร่างเป็นลูกแท้ ๆ ของจางต้าหูรึเปล่า
คนอื่นมีแต่มีเมียมีลูกแล้วลืมแม่ จางต้าหูสิ ช่วยแม่ตัวเองรังแกลูกเมีย!
จางซิ่วเอ๋อไม่คาดหวังให้เขาช่วยพวกนางต่อกรกับแม่เฒ่าจาง แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเชื่อฟังแม่มากก็ได้หรือเปล่า? ถ้าจางต้าหูอายุน้อยก็ว่าไปอย่าง แต่จางต้าหูอายุไม่น้อยแล้ว! หากนางได้แต่งงานจริง ๆ ไม่เกินปีจางต้าหูก็จะมีหลานสาวอยู่แล้ว แต่เขายังเป็นแบบนี้อยู่อีก!
จางซิ่วเอ๋อบ่นอยู่ในใจ
วัวของผู้ใหญ่บ้านเป็นพ่อวัวแก่ตัวเหลืองที่ทั้งแรงดีและเชื่องอย่างยิ่ง เวลาเดินทางจึงนิ่งเหลือแสน จางซิ่วเอ๋อเองก็เพิ่งเคยบังคับรถลากครั้งแรก แต่การลากรถวัวและรถม้านั้นต่างกัน ไม่จำเป็นต้องมีฝีมืออะไร
ขอแค่ไม่ยั่วโมโหวัวตัวนี้ รับรองว่าลากรถคันนี้ได้อย่างราบรื่น
อย่างไรเสียปกติแล้ววัวก็วิ่งช้ากว่าม้า
จางซิ่วเอ๋อลากรถวัวตรงดิ่งไปที่อิ๋งเค่อจวี
เดี๋ยวนี้จางซิ่วเอ๋อเป็นคนหน้าเก่าของอิ๋งเค่อจวีแล้ว เสี่ยวเอ้อที่อิ๋งเค่อจวีเห็นจางซิ่วเอ๋อมาจึงรีบไปเรียกเถ้าแก่เฉียนซานเหลี่ยง
เฉียนซานเหลี่ยงได้ยินว่าจางซิ่วเอ๋อมาจึงรีบปั้นหน้ายิ้มออกมาต้อนรับ
“แม่นางเถาฮวา ช่างเป็นแขกที่หาตัวยากเสียจริง!” เถ้าแก่เฉียนกล่าวยิ้ม ๆ
จางซิ่วเอ๋อไม่มีเวลาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ที่บ้านมีแขกรออยู่ นางต้องให้บัณฑิตจ้าวและท่านหมอเมิ่งได้กินอาหารดี ๆ ที่บ้าน อย่างไรเสียสองคนนั้นก็ช่วยไว้มากสำหรับวันนี้
จางซิ่วเอ๋อจึงพูดออกมาตรง ๆ “ข้ามีเนื้อหมูป่ามาเจ้าค่ะ ครั้งก่อนเราคุยกันไว้ว่ามีอาหารป่าอะไรให้มาถามท่านก่อนว่าจะซื้อหรือไม่”
เถ้าแก่เฉียนได้ยินมาถึงตรงนี้จึงเดินไปแง้มตะกร้าสานดู “คุณภาพเนื้อไม่เลว สดกำลังดี”
“เจ้ามีทั้งหมดกี่ชั่ง?” เถ้าแก่เฉียนถาม
จางซิ่วเอ๋อเอ่ย “ทั้งหมด 150 ชั่งเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่เฉียนขมวดคิ้วพลางกล่าว “ตามหลักข้าต้องซื้อไว้ทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เป็นหน้าร้อน โรงเตี๊ยมของข้าให้ความสำคัญกับคุณภาพ เนื้อพวกนี้มากสุดขายได้ถึงแค่วันพรุ่งนี้ ถ้าเก็บไว้ถึงมะรืนรสสัมผัสเนื้อคงจะเปลี่ยน…….”
“ทั้งส่วนที่ข้าเก็บไว้กิน ส่วนที่เอาให้คนอื่น รวมถึงส่วนที่โรงเตี๊ยมต้องใช้ เอามาให้ข้า 80 ชั่ง” เถ้าแก่เฉียนกล่าว
จางซิ่วเอ๋อคิดว่าเถ้าแก่เฉียนรับซื้อถึง 80 ชั่งนั้นดีมากแล้ว จึงบอกยิ้ม ๆ “เรื่องราคาท่านว่า……”
“เนื้อหมูป่าแพงกว่าเนื้อหมูปกติ ข้าคงไม่เอาเปรียบเจ้า เราไม่ต้องคำนวณกันละเอียดขนาดนั้น ไม่ว่าจะส่วนซี่โครงหรือส่วนเนื้อ ข้าให้ 15 เหรียญต่อชั่ง” เถ้าแก่เฉียนตั้งราคาด้วยรอยยิ้ม
จางซิ่วเอ๋อคิดว่าราคานี้ยุติธรรมมากแล้ว จึงไม่ได้ต่อรอง นางแบ่งเนื้อออกมาให้เถ้าแก่เฉียน
จากนั้นเถ้าแก่เฉียนเอาตำลึงเงินให้ จางซิ่วเอ๋อเอากล่องอาหารออกมาอาย ๆ พลางกล่าว “ข้าไม่ทันระวังเลยทำจานของท่านแตก ท่านหักจากเงินจำนวนนี้เลยนะเจ้าคะ”
เถ้าแก่เฉียนอยากจะบอกว่าไม่ต้องหรอก
ที่จริงเถ้าแก่เฉียนลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว ไม่คิดจะเอากล่องอาหารกลับด้วยซ้ำ
จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ “นั่นมันคนละเรื่องกัน ถ้าท่านเป็นแบบนี้คราวหน้าข้าไม่กล้าใช้ของของโรงเตี๊ยมท่านแล้วนะเจ้าคะ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นังแม่เฒ่าจางยังไม่หยุดโลภอีกนะ ส่วนพ่อนี่ก็บื้อตามเคย
น้องขายเนื้อออกไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว อีกครึ่งหนึ่งขายใครดีนะ
ไหหม่า(海馬)