ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 205 เข้าใจผิด
บทที่ 205 เข้าใจผิด
“เมื่อครู่นี้พี่หนิงอันเพิ่งเอายาชั้นดีมาให้พวกเรา ข้าจะทายาให้พี่นะ” จางชุนเถาเอ่ย
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วชะงักไปเล็กน้อย พอจะดูออกว่าท่าทางของจางชุนเถาที่มีต่อหนิงอันนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก บัดนี้นางเรียกเขาว่าพี่หนิงอันแล้ว ไม่ได้เรียกเขาว่าคุณชายหนิงอัน
“พี่ ครั้งนี้โชคดีจริง ๆ ที่เขามาด้วย หากไม่มีเขา พี่เดินกลับมาแบบนี้บาดแผลต้องรุนแรงกว่านี้อีกแน่ ๆ” จางชุนเถาพูดอย่างเป็นห่วง
พูดมาถึงตรงนี้ จางชุนเถาก็พึมพำเสียงเบา “แต่ไม่รู้ว่าหนิงอันมีครอบครัวแล้วหรือยัง หากไม่มี….ข้ารู้สึกว่าเขากับพี่คู่ควรกันดีนะ”
จางซิ่วเอ๋อพูดขึ้นทันที “เจ้าพูดเหลวไหลอะไรอยู่? วันหลังห้ามล้อเล่นเช่นนี้แล้วนะ!”
จางชุนเถาแลบลิ้น นางรู้สึกจริง ๆ ว่าหนิงอันทำดีกับพี่สาวเหมือนกับสวี่อวิ๋นซาน
สวี่อวิ๋นซานคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่หนิงอันอาจจะยังเป็นไปได้อยู่ นางหวังจากใจจริงว่าพี่สาวของตัวเองจะมีที่พึ่ง หากเป็นเช่นนี้แล้ว อีกหน่อยเจอปัญหาอีกพวกนางจะได้ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกขนาดนี้
ด้วยความช่วยเหลือจากจางชุนเถา จางซิ่วเอ๋อก็ทำความสะอาดบาดแผลเรียบร้อย ครั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดเสร็จจึงลุกมากินข้าว
ตอนแรกจางชุนเถาอยากให้จางซิ่วเอ๋อนอนกินอยู่ที่เตียง แต่จางซิ่วเอ๋อคิดว่าถ้าตัวเองนอนกินจะยิ่งเจ็บกว่าเดิม อีกอย่างมันเป็นแผลแค่ภายนอกไม่ได้สาหัสนัก แล้วตอนนี้หนิงอันยังคงอยู่ที่บ้าน หากนางไม่ไปขอบคุณด้วยตัวเองก็ออกจะแล้งน้ำใจไปหน่อย
นางเคยช่วยหนิงอันไว้จริง แต่จะอ้างเหตุผลนี้แล้วให้หนิงอันทุ่มเทให้ตัวเองตลอดโดยไม่ขอบคุณเลยก็ไม่ได้
จางชุนเถาทำกับข้าวเสร็จไว้นานแล้ว ตอนนี้แค่นำไปอุ่นในหม้อก็กินได้ทันที
นางกลัวว่าจางซิ่วเอ๋อกลับมาแล้วจะไม่มีข้าวกิน
ส่วนตัวนางเองกินอะไรลงซะที่ไหน?
บัณฑิตจ้าวและจ้าวเอ้อร์หลางก็เช่นกัน เมื่อเห็นจางซิ่วเอ๋อกลับมาแล้ว สองคนนี้ถึงวางใจและกลับไป
มิฉะนั้นบัณฑิตจ้าวและจ้าวเอ้อร์หลางจะคอยอยู่เป็นเพื่อนจางชุนเถาในบ้านผีสิงตลอด
เนื่องจากจางชุนเถาเป็นเด็กผู้หญิงแถมยังอยู่บ้านคนเดียว เป็นเรื่องง่ายต่อการเกิดเรื่อง
อาหารบนโต๊ะถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย จางชุนเถาไม่รู้จะทำอะไรตอนรอจางซิ่วเอ๋อที่บ้าน จึงได้แต่ทุ่มเทแรงกายทำกับข้าว เพื่อล้างซวยให้จางซิ่วเอ๋อ
เนี่ยหย่วนเฉียวนั่งรอทั้งสองคนอยู่ข้างโต๊ะ
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อเดินมา นางเหลือบมองหนิงอันและเอ่ย “ต้องลำบากเจ้าแล้ว”
เขาเดินแบกตัวเองไว้บนหลังตลอดทาง เสียเวลาไปไม่น้อย ต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ
จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมาจึงถามขึ้น “วันนี้เจ้ายังจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์อีกหรือไม่?”
การแบกนางกลับมาคงเผาผลาญพลังงานเขาไปหมดแล้วสินะ
ไม่รอให้เนี่ยหย่วนเฉียวตอบ จางซิ่วเอ๋อก็พูดขึ้น “ไม่อย่างนั้นคืนนี้พักที่บ้านข้าเถอะ”
เนี่ยหย่วนเฉียวได้ฟังแล้วทอดสายตามองจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อหน้าแดง เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ดูเหมือนการที่ตัวเองเชื้อเชิญผู้ชายคนหนึ่งนอนค้างที่บ้านจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก แต่ตนเองพูดออกไปแล้ว จางซิ่วเอ๋อจึงไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนเรื่องอย่างไร
นางนึกในใจ ไม่รู้ว่าหนิงอันจะคิดอย่างไร จะเข้าใจอะไรตัวเองผิดไหม?
ในยุคโบราณ การที่แม่ม่ายขอให้ผู้ชายค้างอยู่ที่บ้านเป็นเรื่องผิดจารีตอย่างร้ายแรง
ในขณะที่จางซิ่วเอ๋อสับสนวุ่นวายไปหมด เนี่ยหย่วนเฉียวพลันปริปาก “ได้”
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะแห้ง “ที่บ้านไม่มีเตียงแล้ว คงต้องขอให้เจ้าลดตัวไปอยู่ห้องด้านข้าง แล้วนอนบนโต๊ะที่เอามาต่อกันสักคืน”
ยังดีที่ในบ้านมีผ้าห่มอยู่ หลังจากมีตำลึงเงินบ้างแล้ว นางซื้อผ้าห่มมาไว้ที่บ้านด้วย
เนี่ยหย่วนเฉียวไม่ใส่ใจเรื่องนี้ เขาไม่คิดจะขึ้นเขาเข้าป่าอยู่แล้ว ตอนนั้นเพียงแต่หาข้ออ้างเพื่อมาส่งจางซิ่วเอ๋อเท่านั้น
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็ช่วยปูเตียงให้เนี่ยหย่วนเฉียว นางจัดแจงให้เนี่ยหย่วนเฉียวไปพักในห้องที่มีป้ายวิญญาณของเนี่ยหย่วนเฉียวตั้งบูชาไว้อยู่
เนี่ยหย่วนเฉียวมองป้ายวิญญาณของตัวเองที่ถูกผ้าลายดอกปิดอยู่ เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นในใจ
จางซิ่วเอ๋อเพียงแต่ยืนสั่งการเท่านั้น กำลังของจางชุนเถามีจำกัด ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนจัดการเอง
เห็นท่าทางชำนาญของเนี่ยหย่วนเฉียวขณะที่ทำสิ่งต่าง ๆ แล้ว จางซิ่วเอ๋อก็ดูไม่ออกจริง ๆ ว่าก่อนหน้านี้เนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนอย่างไรกันแน่
ดูจากราศีของเนี่ยหย่วนเฉียว อย่างไรก็ไม่เหมือนนายพรานธรรมดา
แต่หากจะบอกว่าเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ เขาก็ต้องถูกเลี้ยงมาอย่างสุขสบายเหมือนอย่างคุณชายฉินสิ คนอย่างเนี่ยหย่วนเฉียวนางไม่เคยเห็นมาก่อนจริง ๆ
ไหนจะเถี่ยเสวียนนั่นอีก เขาเรียกเนี่ยหย่วนเฉียวว่าเจ้านายนะ
คนที่มีสมุนติดตามแบบนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
จางซิ่วเอ๋อเดาไม่ออก ต่อให้คิดจะสืบประวัติ นางก็ไม่สะดวกที่จะถามอะไร
หลังจากกินข้าวแล้ว จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาจึงกลับห้องไปนอนกัน
“ชุนเถา เจ้าหาคุณชายฉินเจอไหม?” จางซิ่วเอ๋อถาม
จางชุนเถาพยักหน้าพลางเอ่ย “หาเจอแล้ว คุณชายฉินบอกว่าจะรีบไปช่วยพี่ ทำไมเหรอ? พี่ไม่เจอคุณชายฉินเหรอ?”
จางชุนเถาประหลาดใจนิดหน่อย นางเข้าใจว่าคุณชายฉินเป็นคนช่วยพี่สาวออกมาเสียอีก
จางซิ่วเอ๋อหรี่ตา นึกรำพึงในใจว่าในเมื่อคุณชายฉินรับปากแล้วก็คงไปช่วยตัวเองจริง ๆ และช่วยตัวเองออกมาได้แน่ ๆ
หากเป็นเรื่องที่ไม่มั่นใจ หรือเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากทำ เขาสามารถปฏิเสธจางชุนเถาได้อยู่แล้ว
แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น นั่นก็หมายความว่าเขาทำได้
แต่นางกลับไม่เจอตัวคุณชายฉินเลย หรือว่า…..คุณชายฉินเป็นคนเชิญเนี่ยเฟิ่งหลินมา อย่างไรเสียเนี่ยเฟิ่งหลินก็มาได้จังหวะพอดีมาก
จางซิ่วเอ๋อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้
คุณชายฉินไม่มาพบตัวเองก็เป็นเรื่องปกติ
อย่างไรเสียคนเฉกเช่นคุณชายฉินก็ใช้ตรรกะทั่วไปวัดไม่ได้ คนเฉกเช่นตัวเองบางทีอาจเป็นเพียงตัวละครเล็ก ๆ ในใจของคุณชายฉิน
พอคิดได้ดังนั้นจางซิ่วเอ๋อก็ไม่สบายตัวขึ้นมา
หากคุณชายฉินกระโดดออกมาขอสูตรผสมของเครื่องเทศในเวลานี้ นางปฏิเสธได้ยากจริง ๆ
จากตอนแรกที่นางไปขอความช่วยเหลือจากคุณชายฉินก็คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว คุณชายฉินก็รู้ว่านางหมายความว่าอย่างไร ไม่อย่างนั้นเขาจะมาช่วยนางทำไม?
สูตรลับนั่นจางซิ่วเอ๋อตั้งใจเก็บไว้ก่อน ค่อยหาวิธีกอบโกยเงินก้อนใหญ่หลังจากยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว
หากตอนนี้ให้คุณชายฉินไปเลย แม้ว่าเขาคงไม่เอาเรื่องที่ช่วยนางไว้มาขอสูตรผสมโดยไม่ให้ตำลึงเงิน แต่เทียบกับอนาคตอันดีของสูตรผสมนี้แล้ว ตำลึงเงินที่คุณชายฉินให้ช่างน้อยนิดนัก
แต่สิ่งที่คืนให้แก่กันยากที่สุดบนโลกนี้คงเป็นหนี้บุญคุณ ตอนนี้เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
คิดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อก็นึกแค้นในใจ ฟังจากที่ฮูหยินเนี่ยพูดแล้วดูเหมือนนางไม่ได้ตั้งใจมาหาเรื่องตัวเองแต่แรก แม้ว่าฮูหยินเนี่ยจะน่ารังเกียจ แต่แม่เฒ่าจางต่างหากคือต้นตอที่แท้จริง