ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 209 รับขวัญ
บทที่ 209 รับขวัญ
ถ้าไม่ใช่เพราะทราบเรื่องมาแล้ว ก็ดูไม่ออกจริง ๆ ว่าจางซิ่วเอ๋อจะเป็นม่ายตั้งแต่อายุน้อยขนาดนี้ ทั้งยังโดนบ้านสามีรังเกียจอีก
เป็นเรื่องยากที่สตรีอ่อนแอเช่นนี้ต้องพาน้องสาวออกมาตั้งตัวเอง นอกจากจะไม่ได้อยู่อย่างลำบากแล้ว ยังใช้ชีวิตของตัวเองได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหาได้ยากจริง ๆ
มีคนมากมายที่เป็นม่ายตอนสาวแล้วชีวิตทั้งชีวิตก็ถูกทำลายไปทั้งแบบนั้น
แต่ดูเหมือนจางซิ่วเอ๋อจะไม่โดนเรื่องนี้ทำลายชีวิต เกรงว่าเหมือนได้เกิดใหม่เสียมากกว่า
ตอนแรกเขานึกว่าจางซิ่วเอ๋อล่วงเกินคุณชายฉิน แต่ตอนนี้ดูแล้วความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ต่างกับที่เขาคิดไว้มาก
ไม่อย่างนั้นหากเกิดเรื่องใด ๆ กับจางซิ่วเอ๋อ นางก็คงไม่คิดจะไปขอความช่วยเหลือจากคุณชายฉิน
คุณชายฉินยิ่งไม่มีทางรีบร้อนไปหาขนาดนั้น
เรื่องนี้ทำให้เถ้าแก่เฉียนมองจางซิ่วเอ๋อสูงขึ้นไปอีก คุณชายฉินขึ้นชื่อเรื่องคบยาก คิดไม่ถึงว่าจางซิ่วเอ๋อจะถูกคอกับคุณชายฉิน
เถ้าแก่ฉินกล่าวยิ้ม ๆ “ในเมื่อมาแล้ว ขอข้าจัดอาหารเลี้ยงรับขวัญเจ้าหน่อยเถอะนะ”
ไม่รอให้จางซิ่วเอ๋อปฏิเสธ เถ้าแก่เฉียนก็กล่าวยิ้ม ๆ “ข้าขอตัดสินใจว่าจะเชิญคุณชายฉินมาด้วยได้หรือไม่?”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วพยักหน้า
คุณชายฉินยังไม่มาหานาง แต่นางก็ไม่ใช่คนที่หนีปัญหา หากตอนนี้ได้พบคุณชายฉิน ต่อให้นางได้เป็นฝ่ายพูดเรื่องสูตรเครื่องเทศผสมกับคุณชายฉินก่อน นางก็ต้องขอบคุณคุณชายฉินต่อหน้า
แต่จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้รู้สึกว่าคนอย่างคุณชายฉินไม่ยอมให้ตัวเองเสียเปรียบหรอก
เรื่องของสูตรเครื่องเทศผสมก็เปรียบเสมือนผลไม้ที่สุกงอม
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งเจ็บใจ ได้แต่บังคับให้ตัวเองคิดไปในด้านที่ดี
หากขายสูตรเครื่องเทศผสมนี้ ตัวเองก็จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ แม้จะเทียบไม่ได้กับตระกูลเนี่ยที่ร่ำรวยมาหลายชั่วอายุคน แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ตัวเองต้องโดดเดี่ยวไร้กำลังและเป็นฝ่ายถูกทำร้ายฝ่ายเดียว
คนตระกูลจางอยากให้ตัวเองอยู่อย่างทุกข์ทรมานไม่ใช่หรือ?
หลังจากที่ได้ลาภก้อนโตมาแล้วนางก็จะรีบใช้ชีวิตให้ดีเลยล่ะ!
ถึงตอนนั้นจะได้เป็นการตบหน้าคนพวกนี้ด้วย!
ให้แม่เฒ่าจางและจางต้าหูพูดกันไปเลยว่าต่อให้นางเป็นสตรี แต่ก็ได้ดิบได้ดีกว่าลูกชาย!
แน่นอนว่าต่อให้นางได้ดิบได้ดีขนาดไหน ก็ไม่ยอมให้คนที่ทำไม่ดีกับตัวเองได้เกาะใบบุญไปด้วยหรอก
จางซิ่วเอ๋อคิดได้แบบนี้แล้วก็สบายใจขึ้นมาก
บวกกับนางเองก็รู้ว่าเถ้าแก่เฉียนอยากจะเอาเรื่องของนางไปตีสนิทคุณชายฉิน เมื่อคิดไปว่าถึงอย่างไรเถ้าแก่เฉียนก็ช่วยตัวเองไว้ จางซิ่วเอ๋อก็อยากอำนวยความสะดวกให้เถ้าแก่เฉียน
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า และตอบอย่างเชื่อฟัง “แล้วแต่ท่านจะจัดการเลยเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่เฉียนหัวเราะออกมาทันที จนถึงตอนนี้จางซิ่วเอ๋อก็สบายใจอย่างไร้กังวลแล้ว
ตอนนี้เถ้าแก่เฉียนรู้สึกแล้วจริง ๆ ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่โกรธเรื่องก่อนหน้านี้แล้ว เขาหวั่นใจเรื่องนี้มาโดยตลอด กลัวว่าจางซิ่วเอ๋อจะไปหาลูกค้ารายต่อไป และหยุดส่งเครื่องเทศให้โรงเตี๊ยมของเขา
ถึงโรงเตี๊ยมไม่มีเครื่องเทศมันก็ยังเปิดต่อไปได้ แต่ทุกคนกินอาหารรสชาติแบบนี้จนชินไปแล้ว อยู่ ๆ จะให้เปลี่ยนกลับไปเป็นแบบเดิม เถ้าแก่เฉียนก็รู้สึกว่าอิ๋งเค่อจวีของตัวเองเสี่ยงต่อการล้มละลายมาก
ว่ากันว่าจากสมถะไปฟุ่มเฟือยนั้นง่าย แต่จากฟุ่มเฟือยมาสมถะนั้นยาก
เรื่องกินข้าวก็เช่นกัน กินอาหารรสโอชะไปแล้วให้กลับไปกินอาหารรสธรรมดาอีกต้องรู้สึกว่าไร้รสอย่างแน่นอน สู้ไม่เคยกินอาหารรสโอชะเลยยังจะดีกว่า
เถ้าแก่เฉียนเข้าใจหลักการนี้ดี
เถ้าแก่เฉียนจึงสั่งให้เด็กที่ร้านจัดอาหารจนเต็มโต๊ะ ในนั้นมีอาหารหลายจานที่จางซิ่วเอ๋อไม่เคยเห็นมาก่อน
จางซิ่วเอ๋ออดนับถือเถ้าแก่เฉียนไม่ได้ อาหารหลายจานในนี้พิเศษมาก
เมื่ออาหารถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว คุณชายฉินก็มาถึง
จางซิ่วเอ๋อได้ยินเสียงพะเน้าพะนอของเถ้าแก่เฉียนจากในห้อง “คุณชายฉิน เชิญทางนี้เลยขอรับ”
จากนั้นประตูก็ถูกผลักออก คุณชายชุดสีม่วงหม่นเดินเข้ามาช้า ๆ
เขามีสีหน้าอ่อนโยน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ท่าทางสูงศักดิ์ร่ำรวย แต่ไม่ว่าจางซิ่วเอ๋อจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าคุณชายฉินเป็นคนคาดเดายาก และเต็มไปด้วยกลอุบาย
แต่ก็นะ ว่ากันว่าหากไร้เล่ห์เหลี่ยมก็มิใช่คนทำการค้า คุณชายฉินเป็นคนทำธุรกิจ…..จะเป็นคนอ่อนต่อโลกได้อย่างไรกัน?
ถ้าจะถามว่าจางซิ่วเอ๋อรู้ได้อย่างไรนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก ถ้าคุณชายฉินไม่ใช่พวกพ่อค้าวาณิช ก็คงไม่กระตือรือร้นอยากซื้อสูตรเครื่องเทศผสมของนางขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะคนทำการค้าจะมีสัญชาตญาณที่หลักแหลมถึงเพียงนี้ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าของพรรค์นี้สามารถสร้างเงินได้?
และในละแวกเมืองชิงสือนี้ไม่เคยได้ยินว่ามีคนแซ่ฉินปล่อยเช่าที่สำหรับทำนาทำไร่มาก่อน
คุณชายฉินรักษาความร่ำรวยเช่นนี้ไว้ได้มิใช่เพราะที่นา เช่นนั้นก็น่าจะเป็นคนประเภททำการค้าขาย
พริบตาที่คุณชายฉินเห็นจางซิ่วเอ๋อ เขาก็มองนางอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า
จางซิ่วเอ๋อลุกขึ้นยืน มองคุณชายฉินพลางเอ่ย “คุณชายฉิน”
คุณชายฉินคลี่ยิ้มมุมปาก “ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเจ้าจะเกรงอกเกรงใจข้าเช่นนี้เลย”
ถ้าไม่ใช่เพราะจางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าคุณชายฉินช่วยตัวเองไว้ครั้งหนึ่ง ก็คงไม่เกรงอกเกรงใจคุณชายฉินขนาดนี้หรอก
จางซิ่วเอ๋อปริปาก “ข้าขอพูดตรง ๆ กับท่าน ว่าข้าเพียงแต่อยากขอบคุณท่านเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณข้าเรื่องอะไร?” คุณชายฉินถามอย่างไม่คิดอะไร
จางซิ่วเอ๋อบอก “ขอบคุณท่านที่ช่วยข้าจากตระกูลเนี่ย”
“ไม่จำเป็น ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย” คุณชายฉินกล่าว
จางซิ่วเอ๋อนึกว่าความหมายของคุณชายฉินคือนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น จึงบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไร เป็นอันว่าเข้าใจผิดไป
ในตอนที่ทั้งสองนั่งลงและเริ่มรับประทานอาหารกันแล้ว
จางซิ่วเอ๋อก็มองประเมินคุณชายฉินไม่หยุด นางกำลังรอ รอให้คุณชายฉินพูดเรื่องซื้อสูตรเครื่องเทศผสม ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ปฏิเสธ
แต่จนถึงท้ายสุด คุณชายฉินก็ไม่พูดถึงมันเลยสักคำเดียว
เรื่องนี้ส่งผลให้จางซิ่วเอ๋อกังวลใจขึ้นมา จุดประสงค์ที่คุณชายฉินมาก็เพื่อสูตรเครื่องเทศผสมไม่ใช่หรอ? ตอนนี้มีโอกาสที่ดีขนาดนี้แล้ว ทำไมเขาถึงไม่พูดขึ้นมาล่ะ?
เถ้าแก่เฉียนเห็นว่าทั้งสองเอาแต่มองกันแต่กลับไม่พูดไม่จา จึงพยายามทำให้บรรยากาศคึกคัก
“มา ๆ ในเมื่อเราได้มาพบกันถือว่ามีวาสนาต่อกัน เรามาร่วมดื่มกันเถอะ” เถ้าแก่เฉียนรินสุราให้ทุกคนด้วยตัวเอง
จางซิ่วเอ๋อมีเรื่องกังวลอยู่จึงไม่ได้สังเกตอะไร ดื่มอึกเดียวหมดจอก หลังจากดื่มเข้าไปได้สามจอกแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองดื่มสุราไปไม่น้อยเลย
เพื่อรับรองคุณชายฉิน เถ้าแก่เฉียนถึงกับนำเหล้าชั้นดีที่ตัวเองเก็บมาหลายปีออกมา เมื่อเข้าปากจึงมีรสชาติหอมหวาน แตกต่างจากสุราชนิดแรงทั่ว ๆ ไป
แต่สุราเช่นนี้ออกฤทธิ์แรงมากในภายหลัง
ขณะนี้ใบหน้าของจางซิ่วเอ๋อเริ่มแดงแล้ว นางกัดปากพยายามรักษาสติ
“ไม่ได้แล้ว ไม่ดื่มแล้ว ข้าต้องกลับแล้ว ไม่อย่างนั้นน้องสาวข้าคงเป็นห่วง” นางเอ่ยขึ้น
เถ้าแก่เฉียนพูดยิ้ม ๆ “ถ้าเจ้าเมา จะค้างที่นี่สักคืนก็ได้นะ”
จางซิ่วเอ๋อไม่อยากค้างคืนข้างนอกบ้าน ถึงแม้จะรู้จักเถ้าแก่เฉียนมาได้สักพักใหญ่แล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ สตรีคนหนึ่งเมาอยู่นอกบ้านไม่ใช่เรื่องดีอะไรอยู่แล้ว
วันนี้นางเลินเล่อมากเกินไปแล้ว จะปล่อยให้ตัวเองค้างที่นี่ได้อย่างไรกัน