ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 251 การแลกเปลี่ยน
บทที่ 251 การแลกเปลี่ยน
คุณชายฉินฟังแล้วแทบกระอักเลือด จางซิ่วเอ๋อจ้องเขาตั้งนานพูดได้แค่นี้เองหรือ?
เขานึกว่าจางซิ่วเอ๋อจะพูดอะไรอย่างอื่นเสียอีก!
ตัวคุณชายฉินเองก็บอกไม่ถูกว่าเขาหวังให้จางซิ่วเอ๋อพูดอะไร
แต่เขามีความรู้สึกบางอย่างในใจว่าต่อให้จางซิ่วเอ๋อพูดอะไรที่ ‘ไม่สมควร’ นอกจากเขาจะไม่ติเตียนจางซิ่วเอ๋อแล้วยังจะรู้สึกตลกอีกด้วย
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจางซิ่วเอ๋อจะพูดเรื่องนี้
คุณชายฉินที่สูงส่งสง่างามมาตลอดยังอารมณ์เสียได้เพราะจางซิ่วเอ๋อ
เวลานี้เขาชักขุ่นเคือง กัดแป้งย่างไส้กุยช่ายอย่างแรงเหมือนกำลังโกรธใครสักคน
จางซิ่วเอ๋อเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา “นี่อย่างไรเล่า ข้าว่าท่านในตอนนี้ดูเป็นมนุษย์มนาขึ้นเยอะ ดูน่ารักขึ้นเยอะด้วย ไม่เหมือนเมื่อครู่นี้ที่ทำท่าทำทางเหมือนทุกอย่างอยู่ในการควบคุม น่ารังเกียจชะมัด”
ใช่แล้ว จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าคุณชายฉินวางตัวสูงส่งเกินไป ประหนึ่งวางแผนได้ถูกทุกอย่าง สามารถควบคุมได้ทุกอย่าง
“ต่อให้เป็นคุณชายที่สูงส่งขนาดไหน ตอนกินแป้งย่างไส้กุยช่ายก็ต้องมีกุยช่ายติดฟันบ้างสิ” จางซิ่วเอ๋อมองคุณชายฉินตรงหน้าที่ดูเหมือนจะเก็บบุคลิกไม่อยู่ด้วยความพอใจ
คุณชายฉินในตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่บนใบหน้าแล้ว
จางซิ่วเอ๋อแอบแค่นเสียงในใจ เมื่อครู่นี้คุณชายฉินคิดจะเกี้ยวนางหรือ!
ใช่แล้ว จางซิ่วเอ๋อคิดแบบนี้แหละ คำพูดของคุณชายฉินที่ว่านางกังวลว่าเขาจะมองตนอย่างไรนั้นฟังเผิน ๆ อาจจะดูไม่มีอะไร แต่เมื่อบวกกับน้ำเสียงของคุณชายฉินแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็คิดว่ามันสื่อความหมายไปทางนั้นแหละ
ถ้าจะหลอกเด็กสาวทั่วไปในหมู่บ้านอย่างจางอวี่หมินหรือหลีฮวานั้น คำพูดเมื่อครู่ของคุณชายฉินได้ผลจนน่าอัศจรรย์เลยล่ะ
แต่ต้องดูด้วยว่านาง จางซิ่วเอ๋อ นั้นเป็นใคร!
ถึงตอนที่อยู่ยุคปัจจุบันนางจะไม่เคยมีความรัก แต่ไม่เคยกินหมูแล้วต้องไม่เคยเห็นหมูวิ่งหรือ?
นางถือว่าเป็นคนเห็นอะไรมามากคนหนึ่ง อย่างคุณชายฉินจะทำให้นางใจสั่นหวั่นไหวในประโยคเดียวได้อย่างไรกัน?
จางซิ่วเอ๋อไม่คิดหรอกว่าคุณชายฉินจะชอบตนจริง ๆ
นางรู้ตัวดีว่าตัวเองในตอนนี้ทั้งไร้การศึกษาและรูปโฉมอันงดงาม มิหนำซ้ำยังเป็นแม่ม่ายเด็กอีกด้วย ไม่ใช่คนประเภทเดียวกับคุณชายสูงศักดิ์อย่างคุณชายฉินหรอก
จางซิ่วเอ๋อจึงรู้สึกว่าที่คุณชายฉินเล่นแบบนี้เพราะเขาไม่มีอะไรทำจริง ๆ คลับคล้ายคลับคลากับการหยอกหมาหยอกแมวนั่นแหละ
นางจึงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ พอไม่พอใจ จึงหาวิธีเล่นงานคุณชายฉิน
ให้คุณชายฉินรู้ว่าถึงแม้ฐานะของเขาจะสูงส่ง แต่ก็ไม่สามารถกระทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้!
แต่ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อเข้าใจคุณชายฉินผิดไปจริง ๆ
ครั้งนี้คุณชายฉินไม่ได้พูดแบบนั้นเพราะอยากจะหยอก แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมตัวเองถึงพูดจาแฝงความหมายแบบนั้นออกไป และยังไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นคาดหวังอะไร
คุณชายฉินมีชีวิตอยู่มาตั้งหลายปี ไม่เคยมีความรู้สึกว่ามีสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของตัวเองเลย
“ข้าแค่เป็นห่วงว่าเจ้าจะโดนผู้ชายที่คิดไม่ดีหลอกเอาสูตรเครื่องเทศผสมไปจึงได้ถามดู และอยากจะเตือนเจ้า” ครู่หนึ่ง คุณชายฉินให้คำตอบว่าทำไมเมื่อครู่นี้ตัวเองถึงถามเรื่องเนี่ยหย่วนเฉียว
จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้ว “ท่านอยากได้สูตรเครื่องเทศผสมนั่นมากเลยใช่ไหม?”
จางซิ่วเอ๋อคิดว่าการที่ตัวเองมัวเลี่ยงต่อไปคงไม่ใช่เรื่อง สู้เวลานี้คุยกับคุณชายฉินให้เข้าใจไปเลยดีกว่า
คุณชายฉินพยักหน้า และพูดอย่างซื่อตรง “สูตรเครื่องเทศผสมของเจ้าหาเงินได้ ข้าย่อมต้องอยากได้อยู่แล้ว”
จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมาแล้วจึงเอ่ยขึ้น “หากท่านให้ข้าขายสูตรผสมให้ท่านเลย ข้าทำใจไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้ข้ามีความคิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าท่านอยากฟังไหมนะเจ้าคะ”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าค้าขายกับคุณชายฉินก็เหมือนเล่นกับไฟ แต่ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ตอนที่คุณชายฉินช่วยนาง นางก็เตรียมใจสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว นั่นก็คือขายสูตรเครื่องเทศผสมให้คุณชายฉิน
ตัวคุณชายฉินเองไม่เคยเป็นฝ่ายพูดเรื่องสูตรเครื่องเทศผสมขึ้นมาก่อน จนจางซิ่วเอ๋อมองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ จู่ ๆ วันนี้คุณชายฉินพูดถึงสูตรเครื่องเทศผสม แม้จะไม่ได้พูดโดยตรง แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังคิดว่าคุณชายฉินน่าจะกำลังเตือนตัวเองอยู่
เตือนตัวเองว่าคุยเรื่องสูตรเครื่องเทศผสมได้แล้ว
ทำให้จางซิ่วเอ๋อคิดว่าที่คุณชายฉินไม่เคยเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนเพราะไม่อยากขึ้นชื่อว่าทวงบุญคุณ จึงให้ตัวเองเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน
จางซิ่วเอ๋อจึงเอ่ยปากอย่าง ‘รู้หน้าที่’
ไม่รู้ว่าหากวันใดจางซิ่วเอ๋อรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเข้าใจผิดที่แสนสวยงาม จะเจ็บปวดจนเลือดออกที่หัวใจหรือไม่
คุณชายฉินรู้สึกสนใจ รอยยิ้มสำราญฉายอยู่เต็มหน้า แน่นอนว่ารอยยิ้มแบบนี้ในสายตาจางซิ่วเอ๋อล้วนเต็มไปด้วยการหลอกล่อ นิสัยพ่อค้าเจ้าเล่ห์ชัด ๆ
คุณชายฉินเอ่ยขึ้น “เจ้าลองว่ามาซิ”
“เอาอย่างนี้ เราสองคนมาทำธุรกิจกัน ข้าให้สูตรเครื่องเทศผสมกับท่านได้ แต่ข้าหวังว่าจะไม่ใช่การขายให้ท่าน หากแต่เป็นการที่ท่านลงขันตำลึงเงินเพื่อบริหารสูตรเครื่องเทศผสมนี้ จากนั้นตำลึงเงินที่ได้มาเราแบ่งกันคนละครึ่ง” จางซิ่วเอ๋อกล่าว
คุณชายฉินได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยยิ้ม ๆ “เจ้าไม่กลัวว่าข้าได้สูตรเครื่องเทศผสมของเจ้าไปแล้วจะไม่ยอมจ่ายตำลึงเงินหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อโบกมือ “ถ้าท่านเป็นคนแบบนั้น ข้าจะถือว่าตัวข้าโชคร้ายเอง”
ถือเสียว่านางซื้อชีวิตน้อย ๆ ของตนด้วยสูตรเครื่องเทศผสมก็แล้วกัน
ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อจะเจ็บใจแต่ก็ปลงได้อยู่ สูตรเครื่องเทศผสมนี้ไม่ใช่สิ่งที่สืบทอดจากบรรพบุรุษมาหลายต่อหลายรุ่นเสียหน่อย แม้นางจะหวังรวยด้วยสูตรเครื่องเทศผสมนี้ แต่ก็ไม่ยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อมันหรอก
ครั้งก่อนที่บอกคุณชายฉินว่ายอมเอาสูตรเครื่องเทศผสมลงโลงไปด้วยดีกว่าจะขายให้เป็นแค่การอำคุณชายฉินไปอย่างนั้น
ถ้าแลดูอ่อนแอปวกเปียกเกินไปจะโดนผู้อื่นควบคุมได้ง่าย ๆ
คุณชายฉินมองจางซิ่วเอ๋ออย่างประหลาดใจ ท่าทางของจางซิ่วเอ๋อในตอนนี้ดูใจกว้างเสียจริง
เขาหัวเราะเบา ๆ “ในเมื่อเจ้าเชื่อใจข้าถึงเพียงนี้ ข้าย่อมไม่ทำให้ความเชื่อใจของเจ้าต้องเสียเปล่า”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “แต่ข้าคิดว่าเราสองคนเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้จะดีกว่า เผื่อวันข้างหน้าจะเจอปัญหาที่คุยกันลำบาก”
คุณชายฉินพยักหน้า “ย่อมได้ ในเมื่อเป็นเรื่องจริงจังเช่นนี้ ข้าค่อยมาคุยกับเจ้าอย่างถี่ถ้วนในวันหน้าดีกว่า”
หลังจากคุณชายฉินกินข้าวเสร็จแล้ว ครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ดึงดันอยู่ต่อให้ได้ แต่กลับไปอย่างไม่อิดออด
ในเมื่อจางซิ่วเอ๋อตัดสินใจว่าจะร่วมงานกับคุณชายฉินแล้ว ความรู้สึกรังเกียจและไม่ชอบใจที่มีต่อคุณชายฉินก่อนหน้านี้ก็มลายหายไป เวลานี้นางเห็นคุณชายฉินเป็นสหายร่วมงานคนหนึ่งจริง ๆ
เดิมทีนางนึกว่าคุณชายฉินจะไม่ยอมตกลงกับข้อเสนออันละโมบของนางเสียอีก ถึงอย่างไรคุณชายฉินก็อยากจะซื้อสูตรเครื่องเทศผสมแบบผูกขาดในคราเดียว
คิดไม่ถึงว่าคุณชายฉินจะตกลงอย่างง่ายดาย จนเกิดความคาดหมายของจางซิ่วเอ๋อ และมองคุณชายฉินดีขึ้นกว่าเดิมมาก
ก่อนจะหายเข้าใจผิดกัน การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่สุขใจทั้งสองฝ่าย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านชอบนางค่ะ ตอบให้แบบสั้นๆ เลย
ดีแล้วที่คุยกันให้เรียบร้อย ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่อย่างนั้นก็เสียเปรียบ
ไหหม่า(海馬)