ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 261 เนื้อผัดเห็ด
บทที่ 261 เนื้อผัดเห็ด
เถี่ยเสวียนเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ขยับเขยื้อนและดูเหมือนจะหดหู่ จึงรีบมอบชามข้าวให้เนี่ยหย่วนเฉียว จากนั้นก็ไปตักข้าวด้วยตัวเอง
หลังจากเถี่ยเสวียนกินเห็ดเข้าไปคำหนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “มันอร่อยมาก! ”
เถี่ยเสวียนไม่สนใจภาพลักษณ์ของเขา เขาโกยเห็ดจำนวนมากลงในชามของเขาและพุ้ยข้าวกิน
บัณฑิตจ้าวและเด็กคนอื่น ๆ ก็เริ่มกินกัน
เหลือเนี่ยหย่วนเฉียวคนเดียวตอนนี้ไม่ขยับตะเกียบ
“เอ้าอายอองอินอูอิอ๋ออั้บ(เจ้านายลองกินดูสิขอรับ)” เถี่ยเสวียนพูดขณะกำลังยัดข้าวเข้าไปในปาก คำพูดของเขาจึงฟังดูอู้อี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียวแล้วพูดขึ้นว่า “กินสิ ทุกคนกินกันหมดแล้ว ไม่มีพิษหรอก”
เนี่ยหย่วนเฉียวเพิ่งจะขยับตะเกียบ เขาไม่ได้กลัวว่าจะมีพิษหรือไม่ เมื่อครู่เขาแค่จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตนเท่านั้นเอง
เนี่ยหย่วนเฉียวคิดในใจว่าจางซิ่วเอ๋อเกลียดเขาหรือไม่? นั่นคือเหตุผลที่นางปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ใช่ไหม?
เพราะคิดเรื่องนี้ เขาจึงเอาแต่จมอยู่ในภวังค์ จนเห็นของกินโอชารสแล้วก็ไม่รู้สึกอยากอาหาร
เขาดึงสติและคีบเห็ดขึ้นมา
รสชาติที่นุ่มละมุนลิ้นทำให้เนี่ยหย่วนเฉียวหน้าแดง
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่จางซิ่วเอ๋อ… จุมพิตเขา!
ใช่แล้ว ในความคิดของจางซิ่วเอ๋อมันเรียกว่าการผายปอด แต่ในสายตาของเนี่ยหย่วนเฉียวคือการจูบ
“ทำไมเจ้าถึงหน้าแดง? หรือเจ้าป่วยอีกแล้ว? “จางซิ่วเอ๋อเห็นฉากนี้และจงใจลดบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจระหว่างพวกเขา นางจึงถามออกไป
แต่ประโยคนี้ทำให้เนี่ยหย่วนเฉียวรู้สึกดีใจเล็กน้อย
จางซิ่วเอ๋อเป็นห่วงเขาใช่ไหม? ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?
ถ้าจางซิ่วเอ๋อไม่สนใจเขาจริง ๆ แล้วเมื่อวานนี้นางจะดูแลเขาแบบนั้นได้อย่างไร? ทำไมนางถึงจูบเขาล่ะ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เนี่ยหย่วนเฉียวก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เกิดความอยากอาหารขึ้นมาอีกครั้ง
และเห็ดที่นุ่มละมุนลิ้นนี้ก็เป็นอาหารที่ดีที่สุดที่เขาเคยกินมาในชีวิต!
ถ้าจางซิ่วเอ๋อรู้ว่าเนี่ยหย่วนเฉียวคิดมากขนาดนี้เพียงเพราะกินเห็ดคำเดียว นางคงอดไม่ได้ที่จะคว่ำเห็ดจานนี้ใส่ศีรษะของเนี่ยหย่วนเฉียวก็เป็นได้!
นอกจากนี้นางยังรู้สึกว่าวงจรสมองของเนี่ยหย่วนเฉียวคนนี้มันผิดปกติ!! ใช่แล้ว! มันผิดปกติ!
แต่ต้องบอกว่าเห็ดผัดเนื้อเค็มนี่อร่อยมาก แม้แต่จางซิ่วเอ๋อเองที่กินเข้าไปก็ติดใจแล้ว
เห็ดป่าธรรมชาติแสนบริสุทธิ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกินในยุคปัจจุบัน
เมื่อเทียบเห็ดที่เพาะเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมในชีวิตชาติก่อนของนางกับเห็ดแบบนี้แล้ว มันต่างกันมากทั้งในแง่ของรสชาติและเนื้อสัมผัส!
ในเวลานี้จางซิ่วเอ๋อจึงรู้สึกไม่เต็มใจที่จะขายเห็ด
นางคิดว่าถึงเวลานั้นนางจะซื้อไหมาอีกสักสองสามไห แล้วดองเห็ดไว้สองไห รสชาติของเห็ดเค็มช่างนุ่มละมุนมาก จะต้องเป็นอาหารชั้นเลิศในฤดูหนาวอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นนางคงไม่สามารถผัดกับเนื้อเค็มได้ เช่นนั้นก็ใช้เนื้อหมูสดมาผัด รับรองว่าอร่อยไม่แพ้กัน! มันเป็นรสชาติที่เฉพาะตัวทีเดียว!
และยังมีเห็ดแห้งอีก ซึ่งนางต้องเอาไปตากแดดเก็บไว้มาก ๆ
เมื่อถึงฤดูหนาวก็จะได้กินไก่ตุ๋นเห็ด ไม่มีอะไรอร่อยไปมากกว่านี้อีกแล้ว
จางซิ่วเอ๋อคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
ครั้นเห็ดและข้าวเหลือน้อยแล้ว ทุกคนก็เริ่มดื่มน้ำแกง
หลังจากดื่มน้ำแกงไปหนึ่งชาม จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่านางไม่สามารถกินต่อได้อีก ถ้ากินต่อจะกลายเป็นว่านางกินมากเกินไป!
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาแล้วพูดขึ้น “ชุนเถา เจ้าเก็บของหน่อยสิ ข้าจะไปส่งข้าวให้ท่านแม่ ”
ก่อนหน้านี้นางเหลืออาหารไว้ให้แม่โจวมากพอ แล้วจางซิ่วเอ๋อก็ไม่ลืมน้ำแกงนี่เช่นกัน
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อถือตะกร้ากำลังจะไปที่บ้านตระกูลจางนั้น พวกเขากำลังรับประทานอาหารที่ลานบ้าน จางซิ่วเอ๋อกวาดสายตามอง พบว่าเป็นถั่วทอดและเต้าหู้ผัดผัก
ตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวถั่วฝักยาว ดังนั้นตอนที่ตระกูลจางผัดผัก ก็ย่อมนำของสิ่งนี้มาทำอาหาร
แต่การผัดถั่วฝักยาวแล้วไม่ยอมใส่น้ำมัน ยิ่งผัดมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่อร่อยมากขึ้นเท่านั้น
เดิมทีคนตระกูลจางยังกินอาหารกันอยู่ แต่เมื่อเห็นจางซิ่วเอ๋อมาถึง ก็ไม่มีความอยากอาหารอีกต่อไป
โดยเฉพาะจางเป่าเกิน ที่มองจางซิ่วเอ๋ออย่างเคียดแค้น
อาการบาดเจ็บที่ก้นของจางเป่าเกินยังไม่หายดี ตอนที่โจวหู่ทุบตีจางเป่าเกิน เขาก็ทุบด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี จางเป่าเกินจึงทำได้เพียงนั่งกินข้าวอย่างฝืนใจเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่เฒ่าจางไม่ยอมให้แม่เถาตักอาหารเป็นปริมาณมากให้จางเป่าเกินนำกลับไปกินในห้อง ตอนนี้จางเป่าเกินก็คงยังนอนอยู่บนเตียงให้คนคอยปรนนิบัติอยู่
แม่เฒ่าจางไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติต่อจางเป่าเกินไม่ดี
ในใจของแม่เฒ่าจางนั้น จางเป่าเกินคือหลานชายคนโตของนาง! นางยังรักจางเป่าเกินอยู่
แต่ที่นางเป็นแบบนี้ เพราะรู้สึกว่ามีอาหารในปริมาณมากเหลือเกิน หากกลับไปแล้วคงไม่ใช่แค่จางเป่าเกินที่กินคนเดียว ไม่แน่ว่าแม่เถาอาจจะกินในปริมาณมากด้วย
หญิงชราคนนี้รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก ดังนั้นจึงมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
แต่การกระทำของแม่เฒ่าจางทำให้ครอบครัวของจางต้าเหอที่ไม่พอใจอยู่แล้วยิ่งไม่พอใจขึ้นไปอีก
เสียงดังสนั่นดังขึ้นครั้งหนึ่ง
เป็นแม่เฒ่าจางที่ตบตะเกียบของตัวเองลงกับโต๊ะ พลางพูดอย่างดุร้ายว่า “มองอะไร? นางหน้าตาเบิกบานเสียขนาดนั้น พวกเจ้ายังไม่เห็นอีกหรือ? ยังไม่รีบตักข้าวให้ข้าอีก! ”
จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางวูบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องฝั่งตะวันตกไป
ในเวลานี้แม่โจวกำลังรอจางซิ่วเอ๋อมาอย่างอดทน
สองเดือนมานี้แม่โจวมีอาการดีขึ้น ดีกว่าเมื่อก่อนมาก เวลานี้นางสามารถลงไปกินข้าวได้ด้วยตัวเองแล้ว
จางซิ่วเอ๋อหยิบจานเห็ดผัดออกมา นางใส่เนื้อลงไปมากมาย อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้แม่โจวกินเนื้อไม่ได้ ดังนั้นนางจึงชอบกินเนื้อเป็นพิเศษ แม้ว่าแม่โจวจะไม่พูด แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังรู้สึกได้
ตอนนี้นางไม่ได้ขาดแคลนสิ่งนี้ ในเมื่อแม่โจวยอมกิน แน่นอนว่านางยินดีให้แม่โจวเพิ่มอีกหน่อย
นอกจากนี้ยังมีน้ำแกงอีกชาม ซึ่งจางซิ่วเอ๋อตั้งใจใส่ไข่ลวกให้แม่โจวเป็นพิเศษ
บวกกับชามใหญ่ที่เต็มไปด้วยข้าวสองชั้น ข้าวสองชั้นนี้จางซิ่วเอ๋อหุงด้วยข้าวและข้าวฟ่าง เพราะมีข้าวสองชนิด จึงเรียกว่าข้าวสองชั้น
แม่โจวไม่แปลกใจกับเห็ดอีกแล้ว
ถึงอย่างไรบุตรสาวนางก็ไม่มีทางทำร้ายตัวเองได้
จางซิ่วเอ๋อมองแม่โจวกินข้าวพลางถามขึ้น “ท่านแม่ วันนี้พวกเขาทำอะไรกับท่านบ้าง? เขารังแกท่านหรือไม่? ”
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ถามนางบ่อยนัก
แม่โจวพยักหน้า “อย่าเอ็ดไป ย่าเจ้าสุภาพกับข้ามาก แล้วพ่อเจ้า… เขาเพิ่งเอาไข่มาให้ข้ากิน ”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “พ่อข้าเอาไข่มาให้ท่านกินเหรอ? ”
ไม่ใช่ว่าจางซิ่วเอ๋อดูถูกจางต้าหู แต่จากสิ่งที่จางต้าหูเคยทำไว้ก่อนหน้านี้ จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้
แม่โจวพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เป็นความจริง”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอ็นดูคุณชายไมโครเวฟจริง ๆ เลย แค่เขาทำอะไรให้หน่อยเดียวก็คิดไปไกลแล้ว จินตนาการของท่านช่างกว้างไกลนัก
แม่โจวมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ต่อจากนี้ไปก็อย่าอ่อนกับคนอื่นเกินไปนะ
ไหหม่า(海馬)