ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 272 ครึกครื้น
บทที่ 272 ครึกครื้น
ตอนนี้แม่โจวกำลังมีลูก จึงไม่สามารถทำงานได้มากนัก แต่ต่อให้เด็กคนนี้ไม่แท้ง ไม่ช้าก็เร็วต้องคลอดออกมา หลังจากนั้นแม่โจวก็จะสามารถทำงานได้!
หากแม่โจวตายก็จะกลายเป็นอีกเรื่อง คงไม่มีใครทำงานให้นางแล้ว!
แม่เฒ่าจางสงบสติอารมณ์ลงได้ อีกด้านหนึ่งก็ถูกแม่เฒ่าเถากระตุ้นอีกเล็กน้อย เวลานี้ต่อให้ไม่อยากช่วยแม่โจวก็ต้องช่วย
เสียงของจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ดังมากทั้งที่นางตะโกนลั่นห้อง ต่อให้หลังจากนั้นเสียงนางดังออกไป มันก็เป็นเพียงเสียงเล็ก ๆ
แต่เมื่อเทียบกับเสียงของแม่เฒ่าจางแล้ว…
แม้แต่จางซิ่วเอ๋อยังต้องยอมรับในจุดนี้ว่าแม่เฒ่าจางเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้!
เสียงของแม่เฒ่าจางนั้นทรงพลังมาก
ให้พูดเกินจริงหน่อยก็คือ แทบทั้งหมู่บ้านได้ยินเสียงแม่เฒ่าจางโวยวายกันหมด
ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แบบนี้ ตกตอนเย็นทุกคนก็ไม่มีอะไรทำมาก โดยเฉพาะหลังอาหารเย็น สิ่งที่ทุกคนต้องทำก็คือคุยเรื่องสนุก ๆ กันหลังอาหารมื้อเย็น
เมื่อพิจารณาจากความวุ่นวายในตระกูลจางครั้งแล้วครั้งเล่า คราวนี้เมื่อทุกคนได้ยินว่าตระกูลจางมีการเคลื่อนไหวเช่นนั้นก็ไม่ต้องให้ใครมาพูด คนสามถึงห้ากลุ่มก็มาถึงตระกูลจางแล้ว พวกเขาต้องรีบมาชมความครึกครื้นของตระกูลจาง!
“จุ๊ ๆๆ พวกเรารีบไปดูกันเถอะ ไม่รู้ว่าดึกขนาดนี้แล้วทำไมแม่เฒ่าจางถึงไม่เก็บกวาดบ้านแล้วนอน จะร้องไห้คร่ำครวญหาอะไร!”
“ไป ๆๆๆ ขืนไปช้าคงไม่มีอะไรให้ดู เรื่องในบ้านแม่เฒ่าจางดูครึกครื้นที่สุดแล้ว!”
“ไม่รู้ว่าครั้งนี้เกิดเรื่องประหลาดอะไรขึ้นที่บ้านแม่เฒ่าจางอีก”
“จริงสิ รีบไปเรียกผู้ใหญ่บ้านเถอะ เรื่องในบ้านแม่เฒ่าจางนี้ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ ฟังความเคลื่อนไหวของแม่เฒ่าจางแล้วจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ ต้องรีบตะโกนเรียกผู้ใหญ่บ้านมา!”
“ใช่ ๆๆ เจ้าพูดมีเหตุผล ไปกันเถอะ พวกเราจะไปเรียกผู้ใหญ่บ้านซ่งเดี๋ยวนี้”
ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านซ่งกำลังป้อนหญ้าให้วัวแก่อยู่ในลานบ้าน เมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกนของแม่เฒ่าจาง ในใจก็นึกขึ้นได้ว่าต้องเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
ในเวลานี้มีคนมาเรียกผู้ใหญ่บ้านซ่งอีกครั้ง
แม้ผู้ใหญ่บ้านซ่งจะสงสัย แต่ตอนนี้เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องในบ้านของแม่เฒ่าจางเท่าใดนัก ช่วงนี้เขาไปดูแลตระกูลจางกี่ครั้งแล้ว?
แต่ช่วยไม่ได้ คนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่เดินผ่านบ้านของผู้ใหญ่บ้านซ่งมักจะบอกเขาให้รีบไปที่บ้านตระกูลจาง
ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ผู้ใหญ่บ้านซ่งอยากแกล้งตายก็ทำไม่ได้
ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านซ่งจึงทำได้เพียงเก็บกวาดอย่างไม่เต็มใจและทำท่าจะมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลจาง
แม่เฒ่าซ่งเห็นดังนี้ก็รีบเอ่ยปากถาม “ตาเฒ่า ท่านจะไปบ้านตระกูลจางหรือ? ”
เมื่อผู้ใหญ่บ้านซ่งเห็นแม่เฒ่าซ่งก็พยักหน้าอย่างจนปัญญา แม่เฒ่าซ่งผู้นี้ก็หูดีเช่นกัน เวลานี้ต้องอยากดูความครึกครื้นเป็นแน่
แม่เฒ่าซ่งรีบเช็ดน้ำบนมือด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง เมื่อครู่นางกำลังล้างจานอยู่ แต่พอได้ยินคนมาเรียกผู้ใหญ่บ้านซ่งให้ไปดูเรื่องสนุกที่บ้านตระกูลจาง ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เวลานี้นางก็อดตื่นเต้นไม่ได้ จึงพุ่งออกมาทันที
“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ ข้าจะไปกับท่านเอง” แม่เฒ่าซ่งดูตื่นเต้นมาก
ผู้ใหญ่บ้านซ่งไม่ได้นึกสนุกเหมือนแม่เฒ่าซ่ง ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่ไม่มีความสุขแต่ยังรู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นจึงพึมพำว่า “มีอะไรครึกครื้นน่าดูกันเล่า ทำงานอยู่ที่บ้านก็ดีแล้ว!”
ตอนนี้แม่เฒ่าซ่งกับผู้ใหญ่บ้านซ่งเป็นสามีภรรยากันมาเนิ่นนานแล้ว แม่เฒ่าซ่งให้กำเนิดบุตรชายให้ผู้ใหญ่บ้านซ่งแล้ว เวลานี้จึงไม่กลัวผู้ใหญ่บ้านซ่ง แค่สามีตนพูดเสียงดังก็พูดขึ้นทันทีว่า “ทำไม? ท่านไปที่บ้านตระกูลจางแล้วยังกลัวข้าตามไปอีกเหรอ? หรือว่าท่านกับนังแก่นั่นจะมีอะไรกันจริง ๆ?”
ผู้ใหญ่บ้านซ่งได้ยินเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “จุ ๆๆ เจ้าอย่าโวยวายเลยดีหรือไม่ คนอื่นได้ยินเดี๋ยวก็จะนึกว่าข้ากับแม่เฒ่าจางเป็นอะไรกันจริง ๆ หรอก! ข้าเป็นอะไรเจ้าไม่รู้หรือ? อีกอย่าง… เจ้าพูดว่าแม่เฒ่าจาง…”
เมื่อผู้ใหญ่บ้านซ่งพูดมาถึงตรงนี้ ก็เว้นคำพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง แม้จะไม่ได้พูดออกไปอย่างชัดเจน แต่แววตาก็ฉายแววรังเกียจขึ้นมา
ตอนเขายังหนุ่ม เขารู้สึกว่าแม่เฒ่าจางแค่ใจร้อนไปบ้างและหน้าตาดี ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไรนัก แต่คิดไม่ถึงว่าแม่เฒ่าจางในตอนนี้…จะยิ่งแก่ยิ่งน่าเกลียด
แม่เฒ่าซ่งมองท่าทางของผู้ใหญ่บ้านซ่งอย่างพอใจ “ข้าเชื่อว่าท่านทำไม่ได้หรอก พวกเรารีบไปดูความครึกครื้นกันเถอะ! ”
พูดจบแม่เฒ่าซ่งก็ไม่รอผู้ใหญ่บ้านซ่ง รีบเดินไปยังบ้านตระกูลจาง
เมื่อแม่เฒ่าซ่งมาถึงบ้านตระกูลจาง แม่เฒ่าจางก็กำลังนั่งตบต้นขาตัวเองร้องไห้อยู่บนพื้น
“ช่างเป็นบาปกรรมจริง ๆ! พวกเจ้าทำแบบนี้กับลูกสะใภ้ของข้าได้อย่างไร! ทำได้อย่างไร! ลูกสะใภ้ข้าจะเป็นอย่างไร? พวกเจ้ายังรังแกนางแบบนี้อีก!”
“ไหนจะหลานชายที่น่าสงสารของข้าด้วย!” ตอนที่แม่เฒ่าจางร้องไห้ ฟังอย่างไรก็เหมือนนักแสดงมืออาชีพ
ทุกคนฟังแล้วก็รู้สึกบันเทิงใจนัก
แม่เฒ่าซ่งสะกิดสตรีสูงวัยที่ยืนอยู่ด้านหน้านาง แล้วถามเสียงเบา “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ”
“เหมือนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับแม่โจวจากฝีมือของคนตระกูลเถา เห็นหรือไม่ว่าแม่เฒ่าจางกำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่?” คนผู้นี้ให้คำตอบแก่แม่เฒ่าซ่ง
แม่เฒ่าซ่งมองแม่เฒ่าจางอย่างดูแคลน แม่เฒ่าจางกับแม่โจวเป็นอย่างไร คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่นางรู้ดี! แม่โจวนั้นก็เหมือนกับวัวแก่ในตระกูลจาง!
ไม่สิ แม่โจวสู้วัวแก่ไม่ได้ วัวของพวกเขายังได้กินอิ่ม ยังมีเวลาพัก แต่แม่โจวเป็นอย่างนั้นหรือ? ในตระกูลนี้นางคือคนที่โดนเอาเปรียบมากที่สุด
ตอนนี้แม่เฒ่าจางจะสงสารแม่โจวได้อย่างไร?
แม้ว่าแม่เฒ่าซ่งจะรู้สึกว่าแม่เฒ่าจางแกล้งทำ แต่เมื่อเห็นแม่เฒ่าจางเป็นแบบนี้ ก็อดดีใจบนความโชคร้ายของผู้อื่นไม่ได้
ในเวลานี้จางซิ่วเอ๋อรู้ว่ามีคนมากมายมาที่บ้านของนาง และนางก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง
เมื่อเทียบกับการร้องไห้ของแม่เฒ่าจาง จางซิ่วเอ๋อร้องไห้ได้สมจริงมากกว่า
“ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าขอร้องล่ะ ท่านรีบฟื้นเถอะ! ท่านแม่ ท่านจะจากไปแบบนี้ไม่ได้นะ! ”
“ท่านแม่ ถ้าท่านต้องตายเช่นนี้ ก็ถือว่าไม่เป็นธรรมเกินไปแล้ว!”
จางซิ่วเอ๋อร้องไห้จนน้ำตาไหลอาบใบหน้า
ตอนนี้แม่เฒ่าเถากำลังดิ้นรนอยู่ในมือของจางต้าหู นางจ้องมองบรรดาลูกชายของตนอย่างโกรธเคือง “พวกเจ้าทำอะไรกัน? ยังไม่รีบมาช่วยอีก! ”
บรรดาลูกชายเอาแต่มอง สุดท้ายลูกชายคนโตของแม่เฒ่าเถาก็ก้าวออกมา
เถาต้าเดินเข้าไปคว้ามือของจางต้าหูไว้ “จางต้าหู ปล่อยแม่ข้านะ!”
ขนาดตุ๊กตาดินเผายังมีเลือดสามส่วน จางต้าหูเองก็ไม่ใช่คนไร้ชีวิตจิตใจ แม้ว่าเขาจะโง่และกตัญญูต่อแม่เฒ่าจางมากเกินไป ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแม่เฒ่าจางถึงได้ดูอ่อนแอและซื่อสัตย์เป็นพิเศษ
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนนอก จางต้าหูไม่ใช่ตุ๊กตาดินเผา!
นอกจากนี้จางต้าหูก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของจางซิ่วเอ๋อและแม่เฒ่าจาง เขาก็คิดว่าตนอาจจะกลายเป็นคนไร้ทายาทขึ้นมาจริง ๆ ถ้ายังปล่อยให้ครอบครัวของเขาถูกคนรังแก!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แม่เฒ่าซ่งนี่ก็ช่างคิดได้นะว่าสามีตัวเองจะมีความสัมพันธ์กับแม่เฒ่าจาง
ให้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมไม่ถูกเลยว่าจะให้แม่เฒ่าจาง แม่โจว หรือซิ่วเอ๋อดี
ไหหม่า(海馬)