ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 291 คาดเดา
บทที่ 291 คาดเดา
เถี่ยเสวียนได้ยินถึงนี่แล้วแทบกระอักเลือด
เขาอยากจะถามเนี่ยหย่วนเฉียวจริงๆ เลยว่า นี่เจ้านาย ในใจของเจ้านายไม่มีข้าอยู่แล้วใช่ไหม? จางซิ่วเอ๋อต่างหากคือครอบครัวของเจ้านาย ส่วนข้าเป็นคนที่โดนเก็บมา?
เถี่ยเสวี่ยนแอบบ่นในใจก่อนจะเอ่ยปาก “เจ้านาย เรื่องเมื่อวานนี้จะไม่บอกนางจริงๆ หรือขอรับ?”
“ทำไมต้องบอกนางด้วย?” เนี่ยหย่วนเฉียวหันมาถามเถี่ยเสวียนด้วยท่าทีจริงจัง
“เช่นนั้นถือว่าข้าไม่ได้พูด….” เถี่ยเสวียนพึมพำ
เนี่ยหย่วนเฉียวเอ่ยเรียบๆ “ถ้าเจ้าไม่มีอะไรทำก็ไปช่วยนางเชือดกระต่ายซะ”
พูดเสร็จเนี่ยหย่วนเฉียวก็เขียนแบบตัวอักษรให้ฝึกคัดลายมือต่อ
เถี่ยเสวียน “…..” เขาถูกเก็บมา ถูกเก็บมาแน่ๆ…..
จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้จะไปรู้อะไรกับความเจ็บใจของเถี่ยเสวียน นางกำลังคิดว่าเที่ยงนี้จะกินอะไรดี
ถ้าตุ๋นกระต่ายแล้วปรุงไก่อีกสักตัว ผัดถั่วฝักยาวเนื้อแดดเดียวอีกสักจาน จางซิ่วเอ๋อคิดไปพลางวางแผน
พอนางคิดได้แล้ว ก็เห็นว่าเถี่ยเสวียนจัดการเชือดทำความสะอาดทั้งกระต่ายและไก่ไว้เรียบร้อยแล้ว
จางซิ่วเอ๋อแปลกใจเล็กน้อย เถี่ยเสวียนไม่เต็มใจช่วยทำครัวไม่ใช่หรือ?
อืม ถ้าพูดแบบเถี่ยเสวียนก็คือวีรชนต้องห่างไกลห้องครัว
วันนี้เถี่ยเสวียนกลับมาแบบผิดปกติ
จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้มๆ “ท่าทางเจ้าจะหิวจริงๆ สินะ ถึงขั้นมาช่วยเตรียมเองเลย”
เถี่ยเสวียนเหลือบมองจางซิ่วเอ๋อเงียบๆ ตอนนี้เขามีความน้อยใจอยู่เต็มอก แต่พูดไม่ได้ ในใจขมขื่นสุดขีด ใครใช้ให้เขามีเจ้านายเช่นนี้เล่า!
แน่นอนว่าเถี่ยเสวียนแค่บ่นในใจเฉยๆ ความจริงแล้วไม่ว่าเนี่ยหย่วนเฉียวให้เถี่ยเสวียนทำอะไรเขาก็เต็มใจทำ
ทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์เพียงเจ้านายกับบ่าวเท่านั้น แต่มีความสัมพันธ์เฉกเช่นพี่น้องด้วย
หลังจากจางซิ่วเอ๋อทำกับข้าวเสร็จทุกคนก็มากันแล้ว
จางซิ่วเอ๋อบอกให้ชุนเถาไปซื้อเหล้ามาโดยเฉพาะ จางชุนเถาไม่อยากไปบ้านแม่ม่ายหลิวเลยสักนิด แต่เวลานี้ก็ยอมไป นางคิดในใจอยู่ว่าคราวหน้าเข้าเมืองเมื่อใดต้องเตือนพี่สาวตัวเองให้ซื้อเหล้าเก็บไว้
นางไม่อยากก้าวเข้าประตูบ้านแม่ม่ายหลิวแล้วหลังจากนี้
เช่นเดียวกับครั้งก่อน แม่ม่ายหลิวไม่ได้มีท่าทางดีๆ กับจางชุนเถาที่มาซื้อเหล้าเท่าใด ส่งผลให้จางชุนเถายิ่งเกลียดแม่ม่ายหลิวมากขึ้น
ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ตักข้าวให้ทุกคน แต่หยิบเหล้าขึ้นมารินให้ทุกคน
นางรินเหล้าให้ท่านหมอเมิ่งก่อน แล้วจึงรินให้บัณฑิตจ้าว ส่วนจางชุนเถาและ้จ้าวเอ้อร์หลางกินเหล้าไม่ได้ จางซิ่วเอ๋อจึงรินให้ตัวเองอีกนิดหน่อย ก่อนจะยื่นไหเหล้าให้เถี่ยเสวียน
เนี่ยหย่วนเฉียวมองถ้วยเปล่าตรงหน้าเงียบๆ รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
กลับเป็นเถี่ยเสวียนที่รินเหล้าให้เนี่ยหย่วนเฉียว
“มา ท่านอาเมิ่ง ข้าขอดื่มให้อา” จางซิ่วเอ๋อลุกขึ้นยืนและยกถ้วยเหล้าไปทางท่านหมอเมิ่ง
เรื่องเมื่อวานต้องขอบคุณท่านหมอเมิ่งดีๆ
ท่านหมอเมิ่งอมยิ้มและยกถ้วยเหล้าขึ้น “ซิ่วเอ๋อ เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง อย่าได้ดื่มเยอะ”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยยิ้มๆ “ข้ารู้ แต่เหล้าตระกูลหลิวผสมน้ำเปล่ามา กินเยอะก็ไม่เมาหรอก”
จางซิ่วเอ๋อดื่มสุราจากบ้านแม่ม่ายหลิวเมื่อหนก่อนก็รู้แล้วว่าสุรานี้แตกต่างจากสุราเข้มข้นในเมืองโดยสิ้นเชิง
ดีที่ยุคโบราณไม่มีสุราปลอมให้ผสม แม้ว่าสุรานี้จะผสมน้ำ แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังไว้วางใจในการดื่มอยู่มาก
“ท่านอาเมิ่ง เรื่องเมื่อวานต้องขอบคุณอามากๆ ท่านอาดูแลข้าดีมาตลอด ข้าไม่รู้จะขอบคุณอาอย่างไรจริงๆ” จางซิ่วเอ๋อยกถ้วยเหล้าขึ้นด้วยท่าทางจริงใจและดื่มรวดเดียวหมด
เนี่ยหย่วนเฉียวเห็นภาพนี้แล้วขมวดคิ้ว เขาทอดสายตาไปที่ท่านหมอเมิ่ง
ท่านหมอเมิ่งไม่ได้มีหน้าตาดีมาก แต่บุคลิกสุภาพอ่อนโยน และเป็นหมอด้วย จึงให้ความรู้สึกเป็นคนนุ่มนวล
อีกทั้งท่านหมอเมิ่งก็ไม่มีครอบครัวด้วย…..
เนี่ยหย่วนเฉียวมองท่านหมอเมิ่งไปพลาง วิเคราะห์ในใจไปพลาง
หรือว่าคนที่จางซิ่วเอ๋อชอบคือท่านหมอเมิ่ง?
พอคิดแบบนี้แล้วเนี่ยหย่วนเฉียวก็ใจกระตุกวูบ ดูเหมือนจะเป็นไปได้อยู่ คราวก่อนเขาเห็นกับตาว่าท่านหมอเมิ่งมีท่าทางสนิทสนมกับจางซิ่วเอ๋อ
“เจ้านาย คิดอะไรอยู่หรือ ทำไมไม่กินข้าว?” เถี่ยเสวียนพูดพลางคีบข้าวเข้าปาก เมื่อเหลือบมองเนี่ยหย่วนเฉียวที่ยังไม่ขยับตะเกียบแล้วก็อดพูดไม่ได้
เมื่อคืนพวกเขาทั้งคู่ก็เหนื่อยมากนะ
“ซิ่วเอ๋อ เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้น” ท่านหมอเมิ่งพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน
เนี่ยหย่วนเฉียวสายตาแข็งทื่อไป ความสัมพันธ์อะไรกัน? เหตุใดถึงไม่ต้องเกรงใจ!
จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้มๆ “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณท่านอา ถ้าไม่ได้ท่านอา ข้าและชุนเถาสองพี่น้องก็คงไม่มีวันนี้”
ท่านหมอเมิ่งพูดอย่างขัดเขิน “เจ้าพูดแบบนี้ข้าก็ละอายใจจริงๆ”
บัณฑิตจ้าวก็หัวเราะเสียงนุ่ม “ถ้าให้ข้าพูดนะ หากต้องขอบคุณก็ต้องเป็นข้าที่ขอบคุณพวกเจ้า”
บัณฑิตจ้าวรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อและท่านหมอเมิ่งเป็นสองคนที่เปลี่ยนชีวิตเขาไป
แม้ว่าเขาในตอนนี้ยังเทียบชายกำยำในหมู่บ้านไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถเดินองอาจอยู่ใต้แสงแดดได้แล้ว
ถ้าไม่ได้พวกเขา ตอนนี้เขาคงกลายเป็นดินไปแล้ว
จางซิ่วเอ๋อฟังแล้วหัวเราะลั่น “เรากินข้าวกันก่อนดีกว่า ข้าวมื้อนี้ข้าตั้งใจทำให้ท่านอาเมิ่งและเอ้อร์หลางเลยนะ”
จ้าวเอ้อร์หลางหน้าแดงและพูดเขินๆ “พี่ซิ่วเอ๋อ….”
จางซิ่วเอ๋อยิ้มและคีบกับข้าวให้จ้าวเอ้อร์หลาง “เอ้อร์หลาง เจ้ากินขาไก่นี่ก่อน”
พูดเสร็จจางซิ่วเอ๋อก็ตักของในถ้วยให้้จ้าวเอ้อร์หลางและพูดกับเขา “เอ้อร์หลาง เจ้าต้องกินเยอะๆนะ อีกหน่อยจะได้ตัวสูงๆ”
จางซิ่วเอ๋อเสียงอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัวตอนคุยกับจ้าวเอ้อร์หลาง
สายตาเนี่ยหย่วนเฉียวแข็งทื่อไปอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นเนี่ยหย่วนเฉียวก็เห็นร่างกายอันเล็กกระเปี๊ยกของจ้าวเอ้อร์หลาง
สายตาของเขาค่อยๆ ผ่อนคลายลง ก่อนจะทอดสายตาไปที่บัณฑิตจ้าว
จ้าวเอ้อร์หลางไม่ใช่คนที่จางซิ่วเอ๋อชอบแน่ แต่บัณฑิตจ้าว…..
จางซิ่วเอ๋อไม่รู้หรอกว่าการที่ตนแค่เลี้ยงข้าวทุกคนโดยไม่คิดอะไร กลับเป็นผลทำให้เนี่ยหย่วนเฉียวนี่นั่งอยู่ข้างกายคิดจริงจังขนาดนี้
อย่าว่าแต่จางซิ่วเอ๋อเลย แม้แต่เถี่ยเสวียนที่เป็นคนออกความเห็นให้เนี่ยหย่วนเฉียวก็ยังคิดไม่ถึงว่าเนี่ยหย่วนเฉียวจะจริงจังขนาดนี้
ตอนนั้นเขาก็แค่ไม่อยากให้เจ้านายตัวเองวิ่งไปถามจางซิ่วเอ๋อตรงๆ
“ท่านอาเมิ่ง ท่านก็กินด้วย ท่านดูเอานะว่าชอบกินจานไหน คราวหน้าท่านค่อยบอกข้าแล้วข้าจะทำให้ท่านกินอีก” จางซิ่วเอ๋อยิ้มและพูด
เนี่ยหย่วนเฉียวใจกระตุกวูบ คราวหน้า?
ก็หมายความว่าจางซิ่วเอ๋อชอบทำกับข้าวให้ท่านหมอเมิ่งมาก เลยอยากทำกับข้าวให้ท่านหมอเมิ่งกินไปตลอดใช่ไหม?
เนี่ยหย่วนเฉียวคิดมาถึงนี่แล้วรู้สึกหงุดหงิด หากท่านหมอเมิ่งคือคนที่จางซิ่วเอ๋อชอบจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องของจางซิ่วเอ๋อแล้วใช่ไหม?
เพราะเขาพบว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อให้เขาไปพูดกับจางซิ่วเอ๋อ จางซิ่วเอ๋อก็ไม่ให้โอกาสเขาได้รับผิดชอบหรอก