ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 314 ร่องรอย
บทที่ 314 ร่องรอย
เขาหมายถึงครึ่งประโยคหลังของตวนอู่
ตวนอู่ไม่ค่อยเคารพเนี่ยหย่วนเฉียวเท่าใดอยู่แล้ว เขาเคารพแค่คนตระกูลฉิน กับคนตระกูลอื่นต่อให้มีฐานะสูงส่ง ตวนอู่ก็ไม่เห็นพวกเขาในสายตา
ไม่รู้ว่าคนฉลาดเฉกเช่นคุณชายฉินเหตุใดถึงมีคนติดตามข้างกายเป็นเช่นนี้
แต่ดีที่เนี่ยหย่วนเฉียวในตอนนี้กำลังเป็นห่วงจางซิ่วเอ๋อ จึงไม่มีเวลาต่อความยาวสาวความยืดกับตวนอู่
เขามองตวนอู่อย่างเย็นชา ก่อนจะจากไปโดยไม่พูดอะไร
เหลือตวนอู่เพียงคนเดียวที่อดบ่นในใจไม่ได้ เขารู้สึกว่าเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนที่แปลกจริง ๆ
หลังจากเนี่ยหย่วนเฉียวไปแล้วเขาก็เริ่มทำการค้นหา ทว่ากลับไม่เจอจางซิ่วเอ๋อ
เนี่ยหย่วนเฉียวคิดไปคิดมาและรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋ออาจจะเจอเรื่องไม่ดี เมื่อความคิดนี้ก่อขึ้นในใจของเนี่ยหย่วนเฉียว เขาก็ทนใจเย็นไม่ไหว ต้องรีบหาตัวจางซิ่วเอ๋อให้เจอ
ขณะนั้นเถี่ยเสวียนก็มาสมทบ
“คุณชายขอรับ เถ้าแก่ที่อิ๋งเค่อจวีบอกว่าไปส่งจางซิ่วเอ๋อที่ตระกูลฉินนานแล้ว และไม่ได้พบจางซิ่วเอ๋ออีก” เถี่ยเสวียนร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
เนี่ยหย่วนเฉียวขมวดคิ้ว ไม่รอให้เถี่ยเสวียนพูดอะไร เขาก็เดินตรงไปข้างหน้า
หลังจากนั้นเนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนสองคนก็แทบจะค้นจนทั่วเมืองชิงสือ ก็ไม่พบเงาของจางซิ่วเอ๋อ
ท้ายที่สุดแล้วเนี่ยหย่วนเฉียวก็มาโผล่ที่บ่อนแห่งหนึ่ง
เนี่ยหย่วนเฉียวกวาดสายตามองไปแล้วเดินเข้าไปที่ห้องโถงด้านใน
ในห้องโถงด้านในมีชายฉกรรจ์ล่ำสันผู้หนึ่งนั่งอยู่ เวลานี้ชายผู้นั้นรู้สึกได้ว่ามีคนมา จึงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ใครวะ? ข้าบอกแล้วไม่ใช่รึว่าห้ามใครเข้ามาก่อนข้าอนุญาต!”
เถี่ยเสวียนแค่นเสียงเย็น “แหกตาของเจ้าดูก่อนว่าใครมา!”
“ที่แท้ก็ท่านหนิงนี่เอง ท่านหนิง ไม่ทราบว่าท่านมาหาข้าน้อยมีเรื่องอันใดกันหรือ” พอชายล่ำสันเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวก็เหมือนหนูที่เห็นแมว ท่าทีอ่อนลงในบัดดล ขณะนี้ถามด้วยน้ำเสียงประจบประแจง
ชายล่ำสันผู้นี้มีชื่อว่าหูเปียว เป็นเจ้าของบ่อน
ที่เนี่ยหย่วนเฉียวมาหาหูเปียวที่นี่ก็เพื่อสืบถามว่ามีผีพนันคนไหนที่เสียพนันแล้วเอาเงินหรือสิ่งของมาพนันเพิ่มไหม
ถ้าจางซิ่วเอ๋อแค่โดนขโมยของไม่น่าจะถึงขั้นไม่กลับบ้าน
ที่จู่ ๆ จางซิ่วเอ๋อหายตัวไปน่าจะโดนปล้น หรือแย่กว่านั้นหน่อยก็คือจางซิ่วเอ๋อโดนจับตัวไป
เนี่ยหย่วนเฉียวรู้สึกว่าคนที่ทำเรื่องเช่นนี้น่าจะเป็นคนที่ติดหนี้บ่อน โดนบีบคั้นจนหมดสิ้นหนทาง
มีแต่คนพวกนี้เท่านั้นถึงจะลงมือกับเหล่าสตรีในเมือง
มิฉะนั้นต่อให้เป็นโจรก็ไม่น่าจะมากระทำอาชญากรรมในเมืองได้
“ข้าอยากรู้ว่ามีใครที่แพ้พนันจนหมดตัวแล้วจู่ ๆ ก็นำเงินมาพนันอีกบ้าง” เนี่ยหย่วนเฉียวถามเสียงเข้ม
“เรื่องนั้น…..มีขอรับ แต่เป็นเงินที่พวกเขาเอามาจากบ้าน ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับท่านหนิงเหรอขอรับ” หูเปียวรีบบอก
เสียงของเถี่ยเสวียนเย็นเยียบลง “เจ้าไม่ต้องมาปิดบัง เจ้าเองก็รู้ว่าเจ้านายของข้าพูดถึงสิ่งใด มีใครไปปล้นหรือขโมยเงินมาไหม หรือมีใครจับเด็กสาวไปขายหรือไม่”
หูเปียวรีบสาบานยกใหญ่ “โอ๊ยท่านทั้งสอง แม้ว่าข้าจะเปิดบ่อน แต่ก็ไม่กระทำเรื่องชั่วช้าสามานย์เช่นนั้นหรอกขอรับ”
“และต่อให้มีคนไปปล้นคนอื่นมาก็คงไม่บอกข้า” หูเปียวรีบบอก
แต่เห็นได้ชัดว่าเนี่ยหย่วนเฉียวไม่เชื่อ เนี่ยหย่วนเฉียวแค่นเสียงเย็น “นำของที่ได้มาในคืนนี้มาให้ข้าดูหน่อย”
หูเปียวมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างระแวง
เถี่ยเสวียนกล่าวเสียงเย็น “หรือเจ้ากลัวว่าเจ้านายข้าจะเอาของเจ้าไปหรืออย่างไร”
“เปล่า… ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นขอรับ” เห็นได้ชัดว่าหูเปียวยำเกรงเนี่ยหย่วนเฉียวมาก
ในที่สุดหูเปียวก็ยกของที่ได้มาในวันนี้ออกมา
แน่นอนว่าพวกตำลึงเงินหูเปียวไม่เอาออกมาหรอก แต่เขานำของมีค่าอย่างอื่นออกมา
เนี่ยหย่วนเฉียวกวาดสายตามองไป สุดท้ายก็ไม่พบของของจางซิ่วเอ๋อ
บุรุษหนุ่มชะงักเล็กน้อย หรือตัวเขาเองจะคิดผิด?
เขามองหูเปียวด้วยสายตาเย็นชาจนหูเปียวเหงื่อท่วมตัว ถึงยอมจากไป
เนี่ยหย่วนเฉียวไม่เจอของที่เกี่ยวข้องกับจางซิ่วเอ๋อที่บ่อน จึงคิดจะตามหาจางซิ่วเอ๋อด้วยวิธีอื่น
แต่ขณะที่เนี่ยหย่วนเฉียวจะไปจากบ่อน ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นอันคุ้นเคย กลิ่นนี้เหมือนเครื่องเทศที่จางซิ่วเอ๋อทำ
ตอนนี้เนี่ยหย่วนเฉียวและจางซิ่วเอ๋ออาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ถึงไม่มีทางรู้ส่วนผสมของจางซิ่วเอ๋อ แต่ก็ยังคุ้นเคยกับกลิ่นเครื่องเทศมาก
เขาทอดสายตาไปที่ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
ใช่แล้ว ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือคนที่จับตัวจางซิ่วเอ๋อไป
เส้นผมบังภูเขา ได้มาโดยไม่เสียแรงจริง ๆ
เนี่ยหย่วนเฉียวจับคนผู้นั้นไว้ทันที
คนผู้นั้นโวยวายขึ้นมาในบัดดล “เจ้าจะทำอะไร?”
เนี่ยหย่วนเฉียวขยับมือ มีดสั้นเล่มหนึ่งจี้ไปที่เอวเขาโดยไม่มีใครเห็น “ถ้าเจ้าไม่อยากพิการก็ไปกับข้า!”
มีคนสังเกตเห็นภาพนี้ แต่ไม่มีใครเห็นมีดในมือเนี่ยหย่วนเฉียว ต่อให้มีคนเห็นเวลาแบบนี้ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยหรอก
ในบ่อนแห่งนี้เรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้
หากต้องการรักษาตัวให้รอด วิธีที่ดีที่สุดคืออย่าเอาตัวเองไปอยู่ในความขัดแย้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง
เนี่ยหย่วนเฉียวพาเขาออกไปและพูดเสียงเย็น “บอกมา! วันนี้เจ้าได้ทำอะไรเด็กสาวคนหนึ่งหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนใจกระตุกวูบ รำพึงว่าแย่แล้วและปฏิเสธทันควัน “เปล่า!”
ขณะนั้นเถี่ยเสวียนเริ่มค้นตัวชายผู้นี้แล้ว ไม่นานนักเถี่ยเสวียนก็คลำเจอถุงเงินที่คุ้นเคย นี่คือถุงเงินของจางซิ่วเอ๋อ
ถุงเงินลายนี้พบเห็นได้บ่อย แต่ปัญหาคือบุรุษพกถุงเงินแบบนี้เป็นเรื่องค่อนข้างแปลก
และบนตัวชายคนนี้มีกลิ่นเครื่องเทศอยู่ด้วย เป็นอันมั่นใจได้ว่าชายคนนี้ต้องทำอะไรจางซิ่วเอ๋อมาอย่างแน่นอน
“เจ้าจะบอกหรือไม่?” เนี่ยหย่วนเฉียวพูดไปพร้อมจับแขนชายคนนี้และออกแรงบีบอย่างหนักหน่วง
เนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนมีวรยุทธ คนทั่วไปต่อให้มีพละกำลังเพียงใดก็รับแรงของเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ไหว
“ข้าไม่รู้จริง ๆ!” ชายคนนั้นตั้งใจจะปฏิเสธให้ถึงที่สุด
เนี่ยหย่วนเฉียวแค่นเสียงเย็น “ไม่บอกรึ? ถ้าเจ้าไม่บอกข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
เวลานี้เนี่ยหย่วนเฉียวหมดความอดทนแล้ว เขาออกแรงที่มือมากขึ้น เกิดเสียงดังกร๊อบ แล้วแขนของชายผู้นี้ก็โดนเนี่ยหย่วนเฉียวหัก
ระหว่างนั้นเนี่ยหย่วนเฉียวไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ ราวกับว่าตนแค่หักกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง
ต่อให้ชายคนนี้จะแข็งข้อขนาดนี้เวลานี้ก็ต้องยอมพูดความจริงแล้ว
“เจ้าจับนางไปขายหรือ?” เสียงของเนี่ยหย่วนเฉียวอึมครึม หลังจากเขาได้ฟังความจริงจากชายคนนี้แล้วสีหน้าก็ยิ่งเย็นชาขึ้น ยิ่งลงมือกับชายคนนี้โดยไร้ความปรานีมากขึ้น
“เปล่า…ไม่ได้ขาย แค่ฝากให้คนอื่นดูแลชั่วคราว” ชายคนนั้นพูดอย่างหวาดหวั่น
เนี่ยหย่วนเฉียวกระชากชายคนนั้นและแค่นเสียงเย็น “นำทางไป!”