ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 319 ดูแล
ตอนที่ 319 ดูแล
เวลานี้เนี่ยหย่วนเฉียวยังคงนั่งเขียนแบบฝึกคัดอักษรอยู่ในบ้าน หลังผ่านพ้นวันนี้แล้ว สมุดฝึกคัดอักษรของเขาถึงได้เสร็จสมบูรณ์
เขาเพิ่งเขียนคำสุดท้ายเสร็จและกำลังนั่งเงียบ ๆ รอให้ลมพัดจนหมึกแห้ง
ขณะนั้นเอง เขาก็ได้กลิ่นยาโชยออกมาจากในบ้าน
เนี่ยหย่วนเฉียวเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง จึงได้เห็นว่าท่านหมอเมิ่งมีเหงื่อผุดทั่วใบหน้า เขากำลังต้มยาให้จางซิ่วเอ๋อ
เถี่ยเสวียนมองเนี่ยหย่วนเฉียวอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะกล่าวคำ “เจ้านาย ท่าน…”
เนี่ยหย่วนเฉียวหันกลับมามองเถี่ยเสวียน “มีอะไร?”
แววตาของเนี่ยหย่วนเฉียวสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้เถี่ยเสวียนถึงรู้สึกว่าตนกำลังกังวลมากเกินไป เขาจึงรีบกล่าวตอบ “ไม่มีอะไรขอรับ”
เมื่อได้ยินแล้ว เนี่ยหย่วนเฉียวจึงไม่สนใจเถี่ยเสวียนอีก เขาหันกลับมามองท่านหมอเมิ่งที่กำลังต้มยาต่อ
พัดในมือของท่านหมอเมิ่งกำลังกระหน่ำพัดวีใส่เตาอย่างต่อเนื่อง ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
หลังจากต้มยาเสร็จแล้ว ท่านหมอเมิ่งก็เทยาลงในชามก่อนจะปล่อยทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้เย็นลง จากนั้นจึงถือชามยาเดินเข้ามาในบ้าน
ท่านหมอเมิ่งส่งยาให้จางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วแน่นขณะจ้องมองยาสีดำสนิทในชาม แสดงซึ่งท่าทางต่อต้านเล็กน้อย
นางไม่เคยกินยาเช่นนี้มาก่อน! ในยุคปัจจุบันหากเป็นหวัดหรือมีไข้เล็กน้อย เพียงกินยาเม็ดเล็กก็พอ ไหนเลยจำเป็นต้องดื่มยาสีดำขม ๆ ชามใหญ่ ๆ เช่นนี้?
ท่านหมอเมิ่งมองจางซิ่วเอ๋อพร้อมถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อเม้มริมฝีปากแน่นและไม่ตอบคำใด
ท่านหมอเมิ่งหัวเราะออกมา “เจ้ากลัวขมอย่างนั้นหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้ารับอย่างเคอะเขิน ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “นิดหน่อยเจ้าค่ะ”
ท่านหมอเมิ่งหัวเราะ “ข้าใส่ชะเอมลงไปด้วย มันจะไม่ขมนัก”
จางซิ่วเอ๋อมองชามยาด้วยสายตาหวาดระแวง ถึงอย่างไรนางก็ไม่เชื่อว่ายาชามใหญ่ใบนี้จะไม่ขม
ท่านหมอเมิ่งเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ขยับเขยื้อน เขาจึงหยิบถุงผ้าเล็ก ๆ ออกมา เปิดถุงผ้าออกพร้อมกับหยิบผลไม้แช่อิ่มสองสามผลขึ้นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายเกลี้ยกล่อมเด็กน้อย “หากเจ้ายอมกินยา ข้าจะให้เจ้ากินผลไม้แช่อิ่มหวาน ๆ พวกนี้”
จางซิ่วเอ๋ออดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นท่านหมอเมิ่งทำเช่นนี้
ท่านหมอเมิ่งใช้ผลไม้แช่อิ่มเหล่านี้หลอกล่อให้เด็กดื่มยา แต่ตอนนี้เขากำลังใช้วิธีนี้ราวกับนางเป็นเด็ก
แม้นางจะรู้สึกว่ายามีขมและต่อต้านเล็กน้อย แต่นางก็รู้ดีว่าหากป่วยไข้แล้วไม่ดื่มยา นางจะเป็นคนที่ต้องทุกข์ทรมานเสียเอง
ถึงแม้ว่าจะลังเล แต่หลังจากคิดได้แล้ว นางก็ยินยอมดื่มยาแต่โดยดี
ยิ่งเห็นว่าท่านหมอเมิ่งกระทำเช่นนั้น จางซิ่วเอ๋อก็อายเกินกว่าจะอ้อยอิ่งอีกต่อไป
นางหลับตาพร้อมกับหยิบช้อนในชามยาออก การดื่มทีละช้อนยิ่งทำให้ทรมานใจ จางซิ่วเอ๋อจึงคิดว่าจะยกดื่มให้หมดในคราวเดียว
กินก็ไม่ดี ไม่กินก็ไม่ดี จะทางไหนก็ไม่ดีทั้งสิ้น!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จางซิ่วเอ๋อจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยกชามยาดื่มจนหมดเกลี้ยง
แต่ดูเหมือนว่านางจะดื่มเร็วเกินไป จางซิ่วเอ๋อถึงสำลักทันทีเมื่อดื่มยาเสร็จ นางไอโขลกอย่างรุนแรง
ท่านหมอเมิ่งมีสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย ก่อนจะรีบยื่นมือออกไปตบหลังจางซิ่วเอ๋อเบา ๆ
ไม่นานนักจางซิ่วเอ๋อก็สงบลง
นางกำลังจะเปิดปากเพื่อพูดอะไรบางอย่าง แต่ท่านหมอเมิ่งกลับยัดผลไม้แช่อิ่มใส่ปากของนางอย่างไม่รีรอ
ความหวานของผลไม้ช่วยขจัดความขมในปากของจางซิ่วเอ๋อได้เป็นปลิดทิ้ง
จางซิ่วเอ๋อมองท่านหมอเมิ่งก่อนจะกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง “ท่านอาเมิ่ง ขอบคุณท่านแล้วเจ้าค่ะ”
ท่านหมอเมิ่งยืนขึ้นพร้อมยิ้มกว้าง เขากล่าวตอบ “หากเจ้าดีขึ้นแล้วข้าก็สบายใจ”
“เจ้าต้องกินยานี้อีกสองสามครั้ง ข้าบอกกล่าวกับชุนเถาไว้แล้ว ตอนนี้เจ้าต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ข้ามีงานต้องทำ ดังนั้นต้องขอตัวก่อน” ท่านหมอเมิ่งกล่าวพร้อมแววตาอ่อนโยน
จางซิ่วเอ๋อมองท่านหมอเมิ่งพร้อมกับพยายามจะสวมรองเท้าเพื่อไปส่งเขา
ท่านหมอเมิ่งเห็นอย่างนั้นจึงรีบกล่าวขึ้น “เจ้าพักผ่อนเถิด อย่าเพิ่งเดินไปมานักเลย”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็เดินออกไป
จางซิ่วเอ๋อมองแผ่นหลังของท่านหมอเมิ่งที่กำลังจากไป ดูเหมือนว่าต้องใช้เวลาสักพักกว่านางจะหายดี ท่านหมอเมิ่งเป็นคนดียิ่ง หากมีโอกาสในอนาคต นางจะต้องตอบแทนเขาอย่างแน่นอน
เพียงพริบตา เวลาได้ผ่านไปแล้วสามวัน
จางซิ่วเอ๋อหายดีแล้ว
ในเช้าวันนี้เอง จางซิ่วเอ๋อซึ่งนอนอยู่บนเตียงและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาหลายวันก็มีโอกาสได้ลุกขึ้นในที่สุด
หลังจากนั้นนางจึงเข้าครัวทำอาหาร และตรงไปที่บ้านตระกูลจาง
ปกติแล้วนางไม่ได้ส่งอาหารในตอนเช้า ไม่ใช่ว่าแม่โจวจะกินข้าวของตระกูลจางไม่ได้สักคำ แต่นับตั้งแต่จางต้าหูกลายเป็นคนดื้อรั้น แม่โจวก็ยังสามารถดื่มกินโจ๊กเหลว ๆ ได้
เป็นเพราะจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ไปที่บ้านตระกูลจางนานแล้ว
นางจึงกังวลว่าแม่โจวจะคิดถึงตน เพราะไม่ได้พบเจอกันนาน
ดังนั้นจางซิ่วเอ๋อจึงหยิบโจ๊กและไข่เพื่อไปส่งอาหารเช้าให้กับแม่โจว
เมื่อจางซิ่วเอ๋อมาถึงบ้านตระกูลจาง นางก็เห็นว่าจางซานหยากำลังสับผักป่าให้ไก่และเป็ดในบ้าน
เมื่ออีกฝ่ายเห็นจางซิ่วเอ๋อ แววตาของนางพลันทอประกาย “พี่หญิงใหญ่ ท่านมาแล้ว!”
จางซิ่วเอ๋อมองจางซานหยา เพราะจางซานหยาบาดเจ็บเมื่อนานมาแล้ว จึงไม่ได้ออกจากบ้าน เมื่อจางซิ่วเอ๋อไม่ได้มาที่บ้านตระกูลจาง นางจึงไม่ได้พบจางซานหยาเลย
เมื่อเห็นว่าจางซานหยาเริ่มทำงานแล้วในวันนี้ ก็เป็นอันชัดเจนว่าแม่เฒ่าจางไม่ยอมให้จางซานหยาพักผ่อนอีกต่อไป
จางซิ่วเอ๋อลอบกล่าวกับตนเองว่าไม่เป็นไร จางซานหยาอาจจะออกมาล่าสัตว์ได้อีกครั้งในไม่ช้า ระหว่างที่รอให้จางซานหยาออกมา นางก็ยังสามารถดูแลอีกฝ่ายได้
จางซานหยาเห็นจางซิ่วเอ๋อกำลังมา นางจึงหยุดงานพร้อมเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับจางซิ่วเอ๋อ
เมื่อจางอวี่หมินเห็นภาพดังกล่าว นางก็กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “จางซานหยา! เจ้าวอนตายเสียแล้วหรือ สับผักป่าได้เพียงครึ่งเดียวเช่นนี้! ต้องการให้ไก่และเป็ดของเราอดตายหรืออย่างไร?”
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองจางอวี่หมินพร้อมกล่าวตอบ “ท่านอาเล็ก หากท่านกังวลมากนักก็เชิญมาทำเองเถอะเจ้าค่ะ!”
จางอวี่หมินเหลือบมองผักป่าด้วยสายตารังเกียจ นางไม่ต้องการทำงานเช่นนี้! หากนางเผลอไปทำแล้วเกิดรอยแผลที่มือ ในอนาคตนางจะแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยได้อย่างไร?
“ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว! นังไม้เช็ดอาจม บังอาจเสนอหน้าไปเสียทุกที่!” จางอวี่หมินสูดลมหายใจพร้อมเอ่ยสบถ
จางอวี่หมินจดจำคำที่แม่เถาเคยดุด่าจางซิ่วเอ๋อได้ และในยามนี้นางก็ก่นด่าอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำนั้นเช่นกัน
จางซิ่วเอ๋อถึงกับหัวเราะออกเมื่อได้ยินคำนั้น “ข้าจะบอกอะไรให้ หากข้าเป็นไม้เช็ดอาจมจริง เช่นนั้นตัวเจ้าก็ไม่ใช่อาจมหรอกหรือ? นี่เป็นครั้งแรกเชียวที่ข้าเห็นว่ามีใครบางคนก่นด่าตนเองได้!”
“จางซิ่วเอ๋อ นังบ้า! หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” แววตาของจางอวี่หมินฉายแววโกรธจัด
อย่างไรก็ตามจางอวี่หมินทำได้เพียงกรีดร้อง นางไม่กล้าลงมือใด ๆ ตอนนี้นางรู้ดีว่าจางซิ่วเอ๋อแตกต่างจากเมื่อก่อนยิ่งนัก ซึ่งจางซิ่วเอ๋อจะไม่ยอมยืนเฉย ๆ เมื่อถูกทุบตีแน่
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองจางอวี่หมินพร้อมสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป