ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 80 เจรจาค้าขาย
บทที่ 80 เจรจาค้าขาย
พอเห็นจางซิ่วเอ๋อพยักหน้า เสี่ยวเอ้อก็มีรอยยิ้มสบายใจ มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเขายืนเฝ้าทางเข้าเมืองมาหลายวันแล้ว ผิวคล้ำลงไม่น้อย แถมเถ้าแก่ยังดุด่าเขาเป็นประจำอีก เขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
ตอนนี้อุตส่าห์ได้เจอจางซิ่วเอ๋อแล้ว ถ้านางไม่กลับไปกับตน เขาคงได้ตกงานแน่
เขายังไม่ค่อยชอบใจจางซิ่วเอ๋อเท่าไรนัก แต่นาทีนี้เขากลับดีใจมากที่เชิญจางซิ่วเอ๋อไปที่โรงเตี๊ยมได้
ตอนมาถึงอิ๋งเค่อจวี เสี่ยวเอ้อก็วิ่งนำไปก่อน ครั้นจางซิ่วเอ๋อเดินเข้าไปข้างใน เถ้าแก่ก็เดินออกมารับแล้ว
“แม่นางเถาฮวา ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว พวกเราไปคุยกันด้านบนเถอะ” เถ้าแก่บอกด้วยรอยยิ้ม
ไม่นานนัก จางซิ่วเอ๋อก็มาอยู่ในห้องส่วนตัว เถ้าแก่สั่งให้คนเอาของหวานและน้ำชามาให้
แต่จางซิ่วเอ๋อกลับไม่ยอมดื่มชาและกินของหวาน เถ้าแก่ยังไม่ทันพูดให้รู้เรื่องเลย กินของคนอื่นอาจจะต้องทำสิ่งตอบแทน
“ไม่ทราบว่าท่านเรียกข้ามาครั้งนี้มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?” จางซิ่วเอ๋อยิ้มแป้น
ที่จริงจางซิ่วเอ๋อรู้จากปากเสี่ยวเอ้อหมดแล้วว่าเถ้าแก่เรียกตัวเองมาทำไม แต่เวลานี้นางไม่ยอมพูด นางจะให้เถ้าแก่ทวนอีกรอบ
เถ้าแก่ยิ้มกว้าง “คืออย่างนี้แม่นางเถาฮวา เครื่องเทศที่เจ้าขายให้คราวก่อน ข้าให้คนผสมในอาหารตามวิธีที่เจ้าบอก ทำเป็นเล่นไป! ไม่ว่าจะเนื้อหรือผัก พอใส่เครื่องเทศของเจ้าไปด้วยแล้วรสชาติเปลี่ยน อร่อยขึ้นน่ะ”
จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ “ดีแล้วเจ้าค่ะ ข้ากลัวพวกท่านจะคิดว่าไม่ดีเสียอีก”
“ดีสิ ดี จะไม่ดีได้อย่างไรกัน?” เถ้าแก่รีบเอ่ยปากชม
“แล้วยังไงต่อหรือเจ้าคะ?” จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ตัวลอยเพราะคำเยินยอจากเถ้าแก่ แต่ไล่ถามต่อ
เถ้าแก่อึ้ง เขานึกว่าจางซิ่วเอ๋อจะคล้อยตามเขา คิดไม่ถึงว่าจางซิ่วเอ๋อกลับไม่พูดอะไรที่ก่อประโยชน์กับเขาเลย เป็นผลให้เถ้าแก่มองจางซิ่วเอ๋อดีขึ้น ดูท่าจะหลอกล่อนางหนูนี่ไม่ง่ายเสียแล้ว!
พอคิดได้แบบนี้ เขาก็จำต้องกล่าวต่อ “คืออย่างนี้ ข้าอยากถามว่าเจ้าใช้อะไรทำเครื่องเทศนั่น? สูตรของมันคืออะไรเหรอ?”
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็มีสีหน้ามืดครึ้ม
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวีรีบเอ่ยเสริม “ข้าไม่ได้ขอเฉย ๆ นะ ข้าจะให้เงินเจ้าด้วย”
จางซิ่วเอ๋อตอบด้วยรอยยิ้มจาง “ไม่ทราบว่าท่านจะให้เท่าไหร่หรือ?”
เถ้าแก่อิ๋งเค่อจวียิ้มแห้ง แล้วกล่าว “ 50 ตำลึงเป็นอย่างไร? แต่มีเงื่อนไขคือเจ้าห้ามขายสูตรนี้ให้ผู้อื่น”
จางซิ่วเอ๋อมองเถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีอย่างนึกขำ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป เดินไปพลางก็พูดไปพลาง “ที่บ้านข้ามีธุระ ข้าไม่คุยเล่นหัวกับท่านที่นี่แล้ว”
ก็ใช่น่ะสิ จางซิ่วเอ๋อคิดว่า 50 ตำลึงนี่เป็นเรื่องตลกชัด ๆ
เถ้าแก่เห็นจางซิ่วเอ๋อจะไปก็ร้อนใจ รีบเอื้อมมือไปขวาง
จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้ว “ทำไมเหรอ? หรือท่านจะบังคับให้ข้าขาย?”
เถ้าแก่รีบบอก “ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น”
จางซิ่วเอ๋อยิ้มบาง “ท่านไม่ได้หมายความแบบนั้นก็ดี ถ้าข้าไม่พอใจหรือเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องรอนาน คนทั้งแคว้นชิงสือก็จะรู้สูตรนี้หมด ถึงตอนนั้นท่านคงต้องเปลืองแรงเปล่า ๆ ปลี้ ๆ”
เถ้าแก่หน้าเสีย เขาเคยคิดจะใช้ลูกไม้ตุกติกเพื่อให้ได้สูตรมา แต่ยังไม่ได้จะทำจริง ๆ
เขาไม่กล้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้คุณชายฉินจะทำอะไรเถาฮวา เขาก็ทำอะไรนางไม่ได้ คุณชายฉินเป็นคนประหลาดนัก เขาไม่กล้าท้าทายอำนาจคุณชายฉินหรอก
“ถ้าเจ้าคิดว่าราคาไม่เหมาะสม เราคุยกันใหม่ได้นะ” เถ้าแก่รีบบอก
จางซิ่วเอ๋อพูดเสียงเย็น “ข้าบอกตามตรงเลยนะ ไม่ว่าท่านจะให้กี่ตำลึง ข้าก็ไม่ขายสูตรนี้!”
เครื่องเทศนี้ในยุคปัจจุบันไม่แพงก็จริง แต่พอใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองก็ได้กำไรไม่น้อย ที่ยุคโบราณก็เช่นกัน อีกอย่างในยุคโบราณไม่มีสินค้าคู่แข่งด้วย
มีแค่นางที่มีเครื่องเทศแบบนี้
ถ้านางยอมขายสูตรแลกกับผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย นี่มันคนโง่ชัด ๆ
“ถ้าอย่างนั้น……” เถ้าแก่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
จางซิ่วเอ๋อมองเถ้าแก่และเอ่ย “ถ้าท่านจริงใจจะค้าขายกับข้า งั้นข้าจะชี้ทางสว่างให้”
“แม่นางเถาฮวา เจ้าบอกมาตรง ๆ เลยดีกว่าว่าข้าต้องทำอย่างไร?” เถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางซิ่วเอ๋อเลยสักนิด ตอนนี้ไม่เหลืออะไรจะเสียแล้ว จึงปล่อยให้จางซิ่วเอ๋อเป็นฝ่ายเหนือเขา
จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ “เครื่องเทศมูลค่า 3 ตำลึงเงินคราวก่อน น่าจะพอให้โรงเตี๊ยมท่านใช้ไปครึ่งค่อนเดือนเลยใช่ไหม?”
เถ้าแก่พยักหน้า “แต่ตั้งแต่ข้าใช้เครื่องปรุงของเจ้า ขายดีขึ้นเยอะ ข้าว่าตอนนี้พอแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น”
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังจึงพยักหน้า “เอาอย่างนี้ ท่านเลิกคิดเรื่องสูตรเถอะ แต่ข้าขายเครื่องเทศให้ท่านเรื่อย ๆ ได้ จนบัดนี้ข้าเองก็ผลิตได้จำนวนจำกัด ดังนั้นจะขายให้ท่านแค่ร้านเดียว นับจากนี้ข้าจะขายเครื่องเทศให้ท่านเดือนละ 4 ห่อ แถมลดราคาให้ด้วย คิดเงินทั้งหมดแค่ 5 ตำลึงเงินเท่านั้น”
จางซิ่วเอ๋อพูดจบก็หัวเราะ “ท่านพูดเองนี่ว่าขายดีขึ้นเยอะ เหตุใดเครื่องเทศของข้าจะช่วยให้ท่านหากำไรเพิ่มได้มากกว่า 5 ตำลึงเงินไม่ได้เล่า? และพออาหารของอร่อยขึ้น มีชื่อเสียง ก็จะค่อย ๆ รวมลูกค้าไว้ที่นี่ ต่อให้วันหน้าโรงเตี๊ยมอื่นมีเครื่องเทศใช้เหมือนกัน คนพวกนี้ก็ชินกับการกินที่ร้านท่านแล้ว”
เถ้าแก่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “ราคาแพงไปหน่อย ขอเป็น 4 ตำลึงเงินแล้วกัน ถ้าได้ก็เป็นอันตกลง! ขอแค่เจ้ายังไม่ขายเครื่องปรุงให้คนอื่น ข้าก็จะยังซื้อเครื่องปรุงจากเจ้าด้วยราคานี้”
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าเถ้าแก่ฉลาดมาก 4 ตำลึงเงินก็เป็นราคาอุดมคติของนาง อย่างไรเสียตอนขายเครื่องเทศหนแรก เถ้าแก่ตั้งใจจะมาให้ฟันราคาอยู่แล้ว เป็นการซื้อขายระยะยาวแบบนี้เขาไม่ยอมโดนฟันไปตลอดหรอก
ที่นางขอ 5 ตำลึงเงิน ก็เพราะรู้ว่าไม่ว่าจะเรียกราคาเท่าไหร่ เถ้าแก่ก็ต้องต่ออยู่ดี
ของราคา 4 ตำลึงเงิน ต้นทุนไม่ถึง 200 เหรียญ….พอคิดได้แบบนี้จางซิ่วเอ๋อก็พยักหน้า “ได้ ตกลงตามที่ท่านพูด”
จางซิ่วเอ๋อจึงให้ทั้งเครื่องเทศและปลาที่ตัวเองนำมา เถ้าแก่ก็ให้เงินมาทั้งหมด 1 ตำลึงเงินบวกอีก 160 เหรียญทองแดง
นอกเหนือจากนี้เขายังเลี้ยงข้าวนางด้วย
ส่วนของที่นางจะซื้อเหรอ? เถ้าแก่สั่งให้เสี่ยวเอ้อไปทำให้ ถึงเวลาจางซิ่วเอ๋อจ่ายเงินอย่างเดียวก็พอ
อย่างไรเสียนางก็รู้ราคาของพวกนั้น จึงไม่กลัวเสี่ยวเอ้อโกงตำลึงนาง
เถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีรู้สึกปลื้มปริ่มมาก ยกอาหารมาให้เต็มโต๊ะ ถึงแม้เดี๋ยวนี้จางซิ่วเอ๋อจะไม่ขาดเนื้อ แต่อาหารมื้อใหญ่ขนาดนี้ก็ยังไม่เคยได้กินเลยจริง ๆ
นางนึกไปถึงชุนเถาและซานหยาที่บ้าน พวกนางคงไม่เคยได้กินของแบบนี้ตลอดชีวิต
พอคิดได้แบบนี้จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่วันนี้พกตำลึงมาน้อยไปหน่อย ซื้ออาหารทั้งโต๊ะนี่ไม่ไหวแน่ ๆ
…………………………………………………