ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi - ตอนที่ 10 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (10)
- Home
- ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi
- ตอนที่ 10 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (10)
เหอหรูกู้ผู้นี้ เจ้าของร่างเดิมตันฝูเซิงเคยพบแล้วหลายครั้งครา เพราะเหตุนี้ตันหวายจึงมีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเช่นเดียวกัน
เหอหรูกู้คือพระโอรสองค์สุดท้องของฮ่องเต้พระองค์ก่อน กำเนิดจากฮองเฮาในเวลานั้น องค์ชายผู้มีสิทธิโดยชอบธรรมอย่างองอาจผ่าเผย บัดนี้อายุเพียงสิบสองสิบสามปี กลับไม่ด้อยไปกว่าบรรดาพี่ชายของเขาเลย เสียดายแต่ยามเหอจินหมิงบุกวังหลวงเขายังเยาว์วัยเกินไป ไม่สามารถกระทำการอะไรได้
ตันหวายหรี่ตา ครุ่นคิดในใจเงียบๆ ว่าทำไมจวินเฉิงถึงได้แอบนัดพบกับเหอหรูกู้กลางดึก
คนหนึ่งคือเจ้าครองแคว้นผู้มีกำลังพลจำนวนมากอยู่ในมือ อีกคนหนึ่งก็องค์ชายซึ่งเคยมีสิทธิขึ้นครองราชย์มากที่สุด พวกเขาแอบไปมาหาสู่กันกลางดึกลับหลังฮ่องเต้ คิดทำการอะไรอยู่ไม่ต้องบอกก็รู้แก่ใจ
ตันหวายถูกจวินเฉิงพาตัวกลับมา จวินเฉิงเดินผ่านทางลัดที่ไม่มีอยู่ในความทรงจำเจ้าของร่างเดิมแม้แต่น้อย ก่อนจะมาถึงห้องเก็บฟืนหลังจ้อยในตำหนักเย็นโดยสวัสดิภาพ
“ทางลัดในพระราชวังมีมากมาย ล้วนแต่ตกทอดกันมาทุกยุคทุกสมัย ถนนทุกสายที่เราเดินผ่าน ล้วนเคยเกิดเรื่องราวที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้” จวินเฉิงกล่าวอธิบาย “ตอนข้ายังเล็กเคยอาศัยอยู่ในพระราชวังหลายเดือน จับพลัดจับผลูมาพบถนนสายนี้เข้า”
ตันหวายยืนอยู่หน้าประตู ถามว่า “จะเข้ามานั่งสักหน่อยไหมขอรับ?”
ตันหวายกล่าวพลางขยิบตารัวๆ ให้จวินเฉิง
จวินเฉิงชะงักไป ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร แต่ก็ยังพยักหน้ารับ
จวินเฉิงแทบจะถูกตันหวายฉุดลากเข้าไป ตันหวายชะโงกหน้ามองซ้ายมองขวา สุดท้ายจึงค่อยปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ
“พวกท่านจะวางแผนก่อกบฏหรือ?” ตันหวายหลุดปากกล่าวออกไป
จวินเฉิงเม้มริมฝีปาก ไม่ได้ตื่นตระหนกลนลาน และไม่ได้ขุ่นเคืองที่ถูกเปิดโปง เพียงแค่มองเขาอย่างสงบเยือกเย็น
ตันหวายถูกมองจนรู้สึกละอาย จึงเปลี่ยนคำถามว่า “ทำไมท่านถึงไม่ฆ่าข้า?”
จวินเฉิงคิ้วคมกระตุก น้ำเสียงเจือแววขบขัน “เจ้าอยากให้ข้าฆ่าหรือ?”
กล่าวจบจวินเฉิงก็หยิบจอกชาเล็กเก่าชำรุดบนโต๊ะขึ้นมาหมุนเล่นในมือ “หรูกู้ยังเด็ก ฝีมือยังไม่พอ ย่อมไม่รู้ว่าเจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ข้านั้นไม่เหมือนกัน”
จวินเฉิงเหลือบตาขึ้นมอง “เจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้ยินอะไรหรือไม่ ได้ยินมากน้อยเพียงใด ข้ารู้หมดทุกอย่าง”
ตันหวายพยักหน้าพลางลูบคางตนเอง “พวกท่านคิดวางแผนก่อกบฏกันจริงๆ”
จวินเฉิงลุกขึ้นยืน เดินมาอยู่ตรงหน้าตันหวาย ยกนิ้วชี้ขึ้นเชยคางเขาแล้วโน้มลงมากล่าวใกล้ๆ “เจ้าคิดจะทำอะไร? หืม?”
ตันหวายกะพริบตาปริบ มองใบหน้าที่ประชิดอยู่ตรงหน้าพูดอะไรไม่ออกสักคำ
ชิบหาย!
นี่เขาโดนแทะโลมอยู่เหรอเนี่ย? ตันหวายสั่นสะท้าน
เขายังโดนเชยคางอย่างกับผู้หญิงอีกต่างหาก? ถึงแม้คนคนนี้จะหน้าตาเหมือนไป๋เยว่ไม่มีผิดก็เถอะ แต่ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายหยามกันไม่ได้ จริงอยู่ที่ตันหวายชอบไม้ป่าเดียวกันแล้ว แต่ก็ยอมให้ตัวเองแทะโลมคนอื่นได้ฝ่ายเดียว ไม่ยอมให้ตัวเองถูกแทะโลมเป็นเบี้ยล่างอย่างเด็ดขาด
ตันหวายเอียงคอหลบด้วยสีหน้าไม่สะทกท้าน คว้ามือจวินเฉิงมาจับไว้พลางลูบไปมา
“ก่อกบฏแล้วพาข้าไปด้วยได้หรือไม่? ข้าทำได้หมดทุกอย่าง”
จวินเฉิง “…”
จวินเฉิงเคยพบตันฝูเซิงมาก่อน เขาเคยมาเยือนฉางอันสองครั้ง ช่างบังเอิญที่ได้พบตันฝูเซิงทั้งสองหน
ครั้งแรกตันฝูเซิงอายุราวสิบสองสิบสามปีเท่านั้น ทว่าติดนิสัยชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ รักสนุกเสเพล เรียกใช้เหอจินหมิงในเวลานั้นเหมือนหมูเหมือนหมา ครั้งที่สองคือเมื่อสองปีก่อน เหอจินหมิงในตอนนั้นยังไม่บุกยึดวังหลวง เป็นเพียงองค์ชายน้อยที่ไม่ได้รับความโปรดปราน แต่ตันฝูเซิงที่กำเริบเสิบสานก็เกาะติดอยู่ข้างกายคนผู้นั้น สายตาและหัวใจล้วนมีเพียงคนผู้นั้น
ฮองเฮาในเวลานั้นคือพี่สาวของเขาเอง ในวังไม่มีใครกล้ายุแหย่เขา แต่ก็ไม่มีใครจ้องมองเขาเพียงคนเดียวเช่นนี้เลย ตอนนั้นเขามองเห็นภาพนี้จากมุมกำแพง จู่ๆ ก็รู้สึกอิจฉาองค์ชายผู้ไม่เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งผู้นั้นขึ้นมา
ยามนี้มือของเขาถูกตันหวายกุมไว้ในมือ ก็พลันทำให้เขาบังเกิดภาพลวงตา ราวกับว่าผู้ที่อยู่ในสายตาเขามีเพียงตนมาโดยตลอด
ตันหวายตกอยู่ในความมืดมิดกะทันหัน มือของเขาถูกจวินเฉิงกุมไว้ในมือกลับตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ดวงตาถูกมืออีกข้างของจวินเฉิงปิดเอาไว้
ตันหวาย “จวินเฉิง?”
จวินเฉิงก้มหน้าลง พอมองริมฝีปากอิ่มของเจ้าที่ขยับพูดอยู่ตรงหน้าแล้ว จู่ๆ ก็นึกกระหายขึ้นมา
“ได้ยินว่าเจ้าคิดจะยั่วยวนข้า?”
“หือ?” ตันหวายงสับสนงงวย
“เจ้าทำสำเร็จ” กล่าวจบจวินเฉิงก็จับมือตันหวายแล้วออกแรงเล็กน้อย ก่อนโน้มหน้าลงไปแตะริมฝีปากของตันหวายอย่างแผ่วเบา ยามผละออกมา ยังแลบลิ้นไล้เลียอย่างไม่หวังดีอีกด้วย