ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi - ตอนที่ 176 บำเพ็ญเพียรนอกกระแส ศิษย์น้อยผู้แสนดีชำระแค้น (25) / ตอนที่ 177 บำเพ็ญเพียรนอกกระแส ศิษย์น้อยผู้แสนดีชำระแค้น (26)
- Home
- ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi
- ตอนที่ 176 บำเพ็ญเพียรนอกกระแส ศิษย์น้อยผู้แสนดีชำระแค้น (25) / ตอนที่ 177 บำเพ็ญเพียรนอกกระแส ศิษย์น้อยผู้แสนดีชำระแค้น (26)
ตอนที่ 176 บำเพ็ญเพียรนอกกระแส ศิษย์น้อยผู้แสนดีชำระแค้น (25)
ภายในห้องอันมืดสลัว เฟิงสือหลี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่ามีใครคนหนึ่งหมอบฟุบอยู่บนอกของตน
เพราะว่านอนหงายราบอยู่ เฟิงสือหลี่จึงมองเห็นเพียงเส้นผมยาวที่ปล่อยสยายของคนผู้นั้น
หัวใจพลันสงบนิ่งผ่อนคลายลง เฟิงสือหลี่ลูบไล้เส้นผมของตันหวายอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นรูม่านตาก็หดวูบ เพ่งมองปอยผมสีขาวแทรกอยู่ในเรือนผมสีดำ
หัวใจราวกับถูกบางอย่างบีบรัดในฉับพลัน แม้ผู้ฝึกวิชาเซียนเช่นพวกเขาจะมีวันแก่ชรา แต่เทียบกับคนธรรมดาสามัญแล้วย่อมช้ากว่าหนึ่งในหมื่นส่วน ตันหวายเพิ่งอายุร้อยสิบกว่าปี จะมีผมหงอกขาวขึ้นมาได้อย่างไรกัน
อาจเป็นเพราะตื่นตระหนกเกินเหตุ เฟิงสือหลี่จึงไม่อาจควบคุมกำลังจนปลุกให้ตันหวายสะดุ้งตื่น
ชักมือกลับมาจากศีรษะของตันหวายอย่างแข็งทื่อ เฟิงสือหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ซือจุน”
ตันหวายงัวเงียตื่นขึ้น ยังคงเห็นเฟิงสือหลี่เป็นเงาอันพร่าเลือน พอขยี้ตาถึงค่อยมองเห็นท่าทีห่างเหินของคนตรงหน้าได้ชัดเจน
ตันหวายกะพริบตาปริบพลางคลี่ยิ้มเบาบาง ก่อนจะผุดลุกขึ้นจากเตียง พยักหน้าตอบรับเฟิงสือหลี่แล้วเดินจากมา
ยามตันหวายก้าวออกจากห้องมายืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ กลับยิ่งดูแก่ชราลงไปอีกสิบปี
(ท่านเจ้าของร่าง ท่านแน่ใจหรือ?) ระบบคับข้องใจ (ท่านไม่ได้…ทำไปเพราะความรู้สึกส่วนตัวจริงๆ น่ะหรือ?)
การเปลี่ยนแปลงภารกิจอย่างกะทันหัน ทำให้ระบบไม่รู้เลยว่าภารกิจที่แท้จริงคืออะไร
ตันหวายพยักหน้าอย่างอิดโรย ก่อนเอ่ยขึ้นช้าๆ “ความรู้สึกส่วนตัวอาจจะมีบ้าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือภารกิจ”
“เฟิงหลิวหลียึดติดอยู่เพียงสองอย่าง อย่างหนึ่งคือสำนักจู๋กวงอีกอย่างคือเฟิงสือหลี่ หากภารกิจเปลี่ยนแปลงเพราะเฟิงสือหลี่ออกจากพรรคมารด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าภารกิจกอบกู้สำนักจู๋กวงสำเร็จแล้ว” ตันหวายกล่าวอย่างระโหยโรยแรง ร่างกายของเขาในตอนนี้กำลังทรุดโทรมลงอย่างต่อเนื่อง
“เฟิงสือหลี่ก้าวลงนรกไปครึ่งขาเพื่อสละวิถีมาร ถ้าผมเป็นเฟิงหลิวหลี ผมคงยอมตายเสียเองดีกว่าปล่อยให้เฟิงสือหลี่นอนรอวันตาย เพราะฉะนั้น…ภารกิจต้องหมายถึงเรื่องนี้แน่นอน!”
สิ้นเสียงกล่าวของตันหวาย ระบบก็ได้รับข้อมูลจากศูนย์บัญชาการ ก่อนจะลิงโลดดีใจจนแทบโห่ร้องออกมาบัดเดี๋ยวนั้น
ตันหวายพลันพบว่าในหัวของตนปรากฏตัวอักษรสว่างเรืองรองเรียงกันเป็นแถวยาวเหยียดว่า (ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าของร่าง ภารกิจในโลกสุดท้ายเสร็จสิ้น ต้องการเข้าสู่การนับเวลาถอยหลังสามวันหรือเข้าสู่ระบบประเมินผลทันที?)
ตันหวายตะลึงงัน ไม่อาจอธิบายว่าในใจรู้สึกอย่างไร จบแล้ว…แค่นี้เลยหรือ?
เขากลับโลกความเป็นจริงได้แล้วหรือ?
“กลับไปโลกความจริงเดี๋ยวนี้” ตันหวายตอบอย่างเด็ดขาดหนักแน่น
ระบบตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าในโลกสุดท้ายตันหวายเลือกที่จะกลับไปทันที
[จากผลการประเมินของศูนย์บัญชาการ ท่านเจ้าของร่างได้คะแนนเฉลี่ยรวมแปดสิบห้าคะแนนซึ่งผ่านกำหนดเกณฑ์การฟื้นคืนชีพ ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าของร่าง]
ตันหวายยืนอยู่กลางที่โล่งขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา สัมผัสได้ถึงเสียงที่ดังก้องกังวานจากทั่วทุกทิศ หัวใจพลันเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความประหม่ากังวล
(ท่านเจ้าของร่าง!) ระบบร่ำลาอย่างใจหาย (ท่านเป็นเจ้าของร่างที่เรานำทางได้ราบรื่นที่สุดแล้วนะ)
คราวนี้เสียงพูดของระบบไม่ได้ดังอยู่ในหัวของตันหวาย แต่กลับก้องสะท้อนท่ามกลางโลกสีขาวโพลนแห่งนี้
เสียงของระบบฟังดูเหมือนเสียงเด็กหนุ่มอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี อ่อนเยาว์กว่าตันหวายเสียอีก ตันหวายประหลาดใจเล็กน้อย
ตันหวายคลี่ยิ้มกว้าง “คุณเคยนำทางเจ้าของร่างมาหลายคนเหรอ?”
(อ๋อ ไม่เยอะนักหรอก ท่านเป็นคนที่สาม)
“งั้นหรือ” ตันหวายกะพริบตาถี่รัว “ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมเดินทางกันมา ต่อไปคุณต้องได้เจอเจ้าของร่างที่ดียิ่งกว่านี้แน่ๆ”
ระบบนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพ่นหัวเราะ (ทำไมจู่ๆ ถึงทำซึ้งใส่กันเล่า เมื่อครู่เราเห็นว่าท่านได้ผลประเมินสูงทีเดียว หากไม่ใช่เพราะท่านกับเฟิงสือหลี่แอบมีอะไรในกอไผ่จนถูกเฟิงหลิวหลีหักคะแนน ท่านก็คงได้ผลประเมินสูงกว่านี้)
ตันหวาย “…ได้คะแนนเยอะแล้วมีประโยชน์อะไร กินได้เหรอ?”
(…)
ระบบสูดลมหายใจลึก ยิ้มตอบว่าไม่ได้ จากนั้นก็กล่าวงึมงำขึ้นว่า “ช่วยอะไรสักอย่างหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ช่วยอะไร?”
(เราตายมานานมากแล้ว และไม่รู้ว่าในโลกความจริงผ่านไปนานแค่ไหน หากท่านกลับไปยังพอมีเวลา ช่วยไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของเราแทนหน่อยได้หรือเปล่า?)
ตันหวายกะพริบตาเป็นเชิงตอบรับ
ระบบผ่อนลมหายใจ พอแจ้งที่อยู่กับข้อมูลเบื้องต้นของครอบครัวตนเองให้ตันหวายรับทราบแล้วก็หายวับไปทันที
[ท่านเจ้าของร่างปฏิบัติภารกิจสำเร็จ ดำเนินการปล่อยออกจากระบบภายในสามสิบวินาที สามสิบ ยี่สิบเก้า…หนึ่ง สิ้นสุดการนับถอยหลัง ตันหวายฟื้นคืนชีพ!]
—
กลิ่นยาฆ่าเชื้อคลุ้งกระจายทั่วโรงพยาบาล ตันหวายเอนพิงอยู่บนเตียงผู้ป่วย ถือโทรศัพท์ของตนไว้ในมือพลางเปิดอ่านข่าวสารช่วงนี้อย่างเบื่อหน่าย
แม้จะใช้ชีวิตอยู่ในระบบมาเนิ่นนานถึงเพียงนั้น แต่ในโลกความเป็นจริงเพิ่งจะผ่านไปแค่หนึ่งปีกว่า
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีมักจะมีผู้ดูแลมานวดให้กับเขาทุกวัน ดังนั้นแม้กระทั่งการรักษากายภาพบำบัดเขาก็ผ่านไปได้อย่างสบายๆ
ตอนที่เขาเพิ่งฟื้นขึ้นมาแม่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่ พอร้องไห้จนหนำใจแล้วถึงค่อยแต่งหน้าแต่งตัวออกไปเที่ยว
ตามที่แม่บอกเอาไว้ก็คือ ตัวเขาขัดขวางเส้นทางการค้นพบตนเองของแม่มาตลอดหนึ่งปี ตอนนี้ต้องชดเชยคืนมาเป็นเท่าตัว ฉะนั้นไม่ทันรอให้เขาออกจากโรงพยาบาล แม่ของเขาก็เก็บกระเป๋าขึ้นเครื่องบินไปเยือนไอซ์แลนด์เรียบร้อยแล้ว
ตันหวายค่อนข้างจะเคยชิน แต่สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงคือผู้ดูแลที่คอยมาหาเขาในโรงพยาบาลทุกวันกลับเปลี่ยนเป็นไป๋เยว่ ชายในดวงใจที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการถึงมาก่อน
สำหรับชื่อของไป๋เยว่ ครั้งหนึ่งตันหวายเคยคิดว่าพ่อแม่ของไป๋เยว่คงรู้ว่าลูกชายมีพลังเป็นแสงสว่างนำทางให้แก่ผู้อื่น ไม่อย่างนั้นจะยืนกรานตั้งชื่อนี้ไปทำไมกัน
ตอนที่ 177 บำเพ็ญเพียรนอกกระแส ศิษย์น้อยผู้แสนดีชำระแค้น (26)
ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกผลักเปิดจากด้านนอกโดยไม่ทันตั้งตัว ตันหวายสะดุ้งเฮือกพลางรีบซุกโทรศัพท์เอาไว้ใต้หมอน ทำทีเป็นว่าทุกอย่างปกติเรียบร้อยดี
ดวงตาของไป๋เยว่ทอประกายไหววูบ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไร มือข้างหนึ่งถือดอกไม้ช่อใหญ่ ส่วนมืออีกข้างหิ้วกล่องอาหารเดินเข้ามาหา
ไป๋เยว่นั่งลงบนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปยังขาของตันหวาย นิ่งชะงักไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ยังไม่มีโอกาสกล่าวขอบคุณกับคุณเป็นเรื่องเป็นราวเลย ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ ผมคงไม่รอดชีวิตกลับมา”
ตันหวายยิ้มแหยอย่างเก้อเขิน จะพูดว่าตนช่วยชีวิตเขาเพราะอารมณ์ชั่ววูบก็ไม่ใช่ ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่ตนแอบชอบมาตั้งนานแล้ว
ก่อนหน้านี้ไป๋เยว่ไม่รู้จักเขา ถึงแม้จะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และไป๋เยว่เป็นรุ่นพี่ของเขา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่มีอะไรมากไปกว่าตันหวายแอบรักไป๋เยว่เพียงข้างเดียว
ไป๋เยว่ที่เพิ่งเลิกงานแต่งกายด้วยชุดสูทเรียบหรู ชุดสูทสีดำสนิทกับห้องพักผู้ป่วยสีขาวอมฟ้าช่างดูไม่เข้ากันเอาเสียเลย
ตันหวายเขินอายจนทำตัวไม่ถูก หลุบตาลงตอบว่า “ผม…ไม่เป็นไร ก็แค่…เอ่อ…”
ตอนนี้ตันหวายอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ สักฉาด พูดบ้าบออะไรกันเนี่ย ขายขี้หน้ายอดหัวกะทิแห่งเอกจิตรกรรมอย่างเขาเสียเหลือเกิน
ไป๋เยว่หัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ต้องขอบคุณล่ะนะ” พูดจบก็ชี้ไปทางกล่องอาหารบนโต๊ะพลางกล่าว “แกงจืดเต้าหู้หัวปลา รสอ่อนกำลังดี คุณทานตอนร้อนๆ จะอร่อยกว่า”
ตันหวายขอบคุณฟ้าดินทันใด ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องประจันหน้ากับไป๋เยว่โดยไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว
กล่องอาหารแบบญี่ปุ่นถูกห่อมาอย่างดี ตันหวายใช้ช้อนตักน้ำแกงเข้าปากตัวเองทีละน้อย พอไม่ทันระวัง ช้อนก็พลิกร่วงหลุดจากมือ น้ำแกงไหลล้นลงมาตามมุมปากจนถึงปลายคาง
ตันหวายพลันหน้าแดงก่ำ ไป๋เยว่เหมือนมองเห็นภูตมะเขือเทศตัวโตนั่งอยู่ตรงหน้าตน
ภูตมะเขือเทศยังคงตั้งตัวไม่ติดจากความอับอายที่ตนเองกินหกเลอะเทอะ ทว่าไป๋เยว่กลับการกระทำเร็วกว่าความคิด ดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดคราบน้ำแกงบนคางตันหวายจนสะอาดอย่างว่องไว
ตันหวายอึ้งงัน รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
ไป๋เยว่ตะลึงงันไปเช่นกัน มองดูการกระทำของตนอย่างตกใจเล็กน้อย สุดท้ายจึงค่อยผละมือออกโดยไม่พูดไม่จา จ้องมองตันหวายราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
วันนี้เขาพอมีเวลาว่างเลยมาเยี่ยมเจ้าหนุ่มน้อยที่ช่วยชีวิตเขาไว้สักหน่อย เดิมทีคิดว่าเจ้าหนุ่มน้อยตอนหลับก็น่ามองอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนตื่นจะยิ่งดูดีขึ้นไปอีก
ไป๋เยว่ถอนหายใจ ก่อนถามโพล่งขึ้นว่า “รอคุณออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะครับ”
“หือ?” ตันหวายเงยหน้าขึ้นอย่างงงงวย พอตั้งสติได้ก็รีบส่ายหน้าดิก “ไม่ต้องครับๆ แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว”
ไป๋เยว่หรี่ตา กล่าวอย่างจริงจังว่า “หมายความว่าคุณตัน จะไม่ยอมให้โอกาสผมจีบคุณสักครั้งเลยหรือครับ?”
ตันหวายสมองหยุดทำงานโดยฉับพลัน ประมวลผลอยู่ครึ่งวันกว่าจะกำจัดไวรัสที่ชื่อว่าไป๋เยว่ออกไปได้
“ถ้าอย่างนั้น คุณตันจะยอมให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหม?”
“ให้ๆๆ!” ตันหวายพยักหน้ารัวราวกับตีกลอง “ให้สิครับ!”
~
ตันหวายสงสัยเรื่องหนึ่งมาตลอดว่า ไป๋เยว่ที่อยู่ในระบบตกลงแล้วคือไป๋เยว่ตัวจริงหรือไม่
ถ้าหากใช่ เพราะเหตุใดไป๋เยว่ในโลกความเป็นจริงถึงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับระบบเลย ทั้งยังใช้ชีวิตเป็นปกติสุขอยู่ในโลกความเป็นจริงมาโดยตลอด?
ตอนที่เพิ่งฟื้นคืนชีพตันหวายเคยหยั่งเชิงถามไป๋เยว่ น่าเสียดายที่ไป๋เยว่กลับมีปฏิกิริยางุนงง ไม่เข้าใจว่าระบบและชื่อคนที่ตันหวายพูดถึงคืออะไรแม้แต่น้อย
ตันหวายปิดปากเงียบในที่สุด แต่ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะค้นหาความจริง
ก่อนที่จะนัดพบกับไป๋เยว่เป็นครั้งแรก ตันหวายต้องจัดการเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คือการไปเยี่ยมครอบครัวของระบบ H3883
ถึงอย่างไรก็ร่วมงานกับระบบ H3883 มาตั้งนาน ตันหวายย่อมรู้สึกผูกพันอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ระบบเดิมมีชื่อว่าซือเซี่ย ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะน่าฟัง เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยวัยสิบแปดปี
ตามคำบอกเล่าของเขา ตอนเขายังมีชีวิตมักจะเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร เพราะไม่ชอบสุงสิงกับใคร เขาจึงใช้เวลาว่างนอกห้องเรียนทั้งหมดไปกับการท่องเที่ยว และกลายเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวผู้โด่งดัง
น่าเสียดายที่ครั้งหนึ่งระหว่างปีนเขา ท้องฟ้ามืดสนิทจนเขาพลัดตกจากหน้าผาโดยไม่ตั้งใจ อีกทั้งทำภารกิจในระบบไม่สำเร็จ จึงต้องกลายมาเป็นระบบของศูนย์บัญชาการ ติดแหงกอยู่ในวัยสิบแปดปีชั่วนิรันดร์
ตอนที่ตันหวายมาถึงหมู่บ้านหรูหราแห่งนี้ก็อดตื่นตะลึงไม่ได้ นี่มันจะกว้างขวางเกินไปแล้ว มิน่าล่ะไอ้หนูซือเซี่ยถึงมีเงินไปเที่ยวมากมายขนาดนั้น แถมยังได้เขียนบล็อกท่องเที่ยวด้วย
เขาลองเสิร์ชเวยป๋อของซือเซี่ยดู ดังไม่ใช่เล่นเลย แฟนคลับติดตามเป็นล้านคน มีหลายคนรบเร้าให้เขาอัพเดตบ้าง โดยไม่รับรู้เลยว่าเขาได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว
คนที่เปิดประตูให้ตันหวายคือแม่บ้านของตระกูลซือ คุณป้าถามด้วยสีหน้างุนงงว่าเขาเป็นใคร ตันหวายตอบว่าเขาเป็นเพื่อนของซือเซี่ยเลยอยากแวะมาเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของเขา
แม่บ้านเชิญตันหวายเข้าไปข้างใน ก่อนจะแจ้งให้คุณนายรับทราบ หรือก็คือคุณแม่ของซือเซี่ยนั่นเอง
คุณแม่ของซือเซี่ยแลดูเปล่งปลั่งสดใส ทว่าบนหว่างคิ้วมักจะทอแววโศกเศร้าให้เห็นจางๆ
เมื่อเห็นตันหวายเธอก็ดีอกดีใจอย่างยิ่ง ชงชาต้อนรับตันหวายอย่างอบอุ่นพลางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คุณเป็นคนที่สามแล้วที่มาเยี่ยมฉันแทนเขา”
ตันหวายตะลึงงันไปชั่วขณะ พลันฉุกคิดขึ้นได้ว่าเจ้าของร่างสองคนก่อนคงจะถูกซือเซี่ยไหว้วานมาเช่นกัน
เจ้าของร่างออกมาแล้วย่อมไม่สามารถกลับเข้าสู่ระบบได้อีก พอมาคิดดูซือเซี่ยคงกลัวว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งอาจจะลืม จึงต้องไหว้วานฝากฝังมาทีละคน
คิดถึงตรงนี้ ตันหวายก็รู้สึกเจ็บปวด ซือเซี่ยอาจไม่มีวันรับรู้เลยว่ามีใครเคยมาเยี่ยมคุณแม่ของเขาบ้างหรือเปล่า ทำได้เพียงไหว้วานเจ้าของร่างที่ผ่านภารกิจคนแล้วคนเล่าตลอดไป