ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 540
บทที่ 540 ม้วนเอกสารที่ลี้ลับ
“คุณพ่อ!”
บัดนี้ เฉินจิ้นตงกำลังเรียกอยู่นอกห้องลับ
“มีอะไรเหรอจิ้นตง?”
เฉินเตี๋ยนชางกล่าวถาม
“เมื่อสักครู่นี้ พ่อบ้านพบเห็นกล่องโบราณอันหนึ่ง ด้านบนมีจดหมายหนึ่งฉบับบอกว่าให้เสี่ยวเกอเปิดอ่านด้วยตัวเอง!”
เฉินจิ้นตงถือกล่องเดินเข้ามา
อันนี้เป็นกล่องโบราณอันนี้ เป็นรูปสี่เหลี่ยม ด้านบนมีจดหมายบังไว้
บนจดหมายเขียนว่า ผู้รับ เฉินเกอ
“ใครเป็นคนส่งมา?”
เฉินเตี๋ยนชางถาม
“ไม่ทราบครับ ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าพบโดยบังเอิญ ผมยังไปถามเจ้าเวินโดยเฉพาะ กล้องวงจรปิดของเขาก็ไม่เห็นมีเบาะแสอะไรเลยครับ!”
เฉินจิ้นตงยังคงมีความตึงเครียดอยู่บ้าง
เพราะสำนักจิตที่เป็นคนของพ่อ ทุกคนต่างอยู่เหนือยอดฝีมือทั้งหลาย และพวกเขาได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัยของตระกูลเฉิน แต่ว่ายังมีคนเข้าบ้านตระกูลเฉินได้อย่างพลการ
“อืม?ช่วงนี้มีเรื่องแปลกๆเยอะมาก หรือจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ?”
เฉินเตี๋ยนชางมีสีหน้าสงสัย
“เสี่ยวเกอ ในเมื่อกล่องไม้นี้มอบให้หลาน หลานก็เปิดมาดูสิ!”
เฉินเตี๋ยนชางหยุดแล้วพูดต่อ
“อืม!”
เฉินเกอเปิดกล่องด้วยความสงสัย ด้านในกล่องมีม้วนเอกสารโบราณอยู่นิ่งๆม้วนหนึ่ง
เมื่อดูอย่างละเอียดก็พบว่าเหมือนแผนที่ทะเลทรายที่ใช้ในการทหาร
ในม้วนเอกสาร เหมือนยังมีเม็ดทรายเล็กๆหลงเหลืออยู่
ทุกจุดได้เขียนชี้แจ้งอย่างละเอียด
สิ่งที่ทำให้เฉินเกอประหลาดใจก็คือ ตำแหน่งสุดท้ายเหมือนจะอยู่ในวังใต้ดินตรงกลาง ซึ่งได้ตั้งวางโลงศพหินขนาดใหญ่ไว้โลงหนึ่ง!
และภาพม้วนเอกสารนี้ ถึงแม้จะสลับซับซ้อน แต่เหมือนจะกำลังแสดงโลงศพหินให้คนอื่นดูอย่างนั้น
“คุณปู่ครับ เป็นแผนที่แผ่นหนึ่งครับ!”
เฉินเกอดูเสร็จก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ใครเป็นคนส่งกันนะ?
“ดูจากตำแหน่งแล้ว สิ่งทีวาดนี้น่าจะอยู่ที่หาดทรายมรณะทางตะวันตกเฉียงเหนือ เขาให้แผนที่นี้แก่เสี่ยวเกอทำไมกันนะ?และยังมีภาพโลงศพหินนี้อีก ในม้วนเอกสารจงใจแสดงออกมา ดูท่าแล้ว โลงศพหินน่าจะเป็นโลงศพอมตะ!”
เฉินเตี๋ยนชางพูดเรียบๆ
“โลงศพอายุยืน?”
เฉินจิ้นตงถามด้วยความสงสัย
“อืม โลงศพแบบนี้ ปู่เคยเห็นในภาพสุริยัน มีประวัติมาหลายพันปีแล้ว เป็นสิทธิบัตรของประเทศหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก ร่ำลือว่าศพที่เก็บอยู่ในโลงนี้ ร่างศพยังคงเหมือนเดิมตลอดกาล!”
เฉินเตี๋ยนชางพูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เคยมีคนมากมายอยากจะครอบครองโลงศพอมตะ แต่นานจนขนาดนี้ก็ยังไม่มีใครเห็นมาก่อน แปลกจังเลย ใครเป็นคนมอบของขวัญชิ้นโบว์แดงให้พวกเรากันนะ?เขามีเจตนาอะไรกันนะ?”
คุณโม่บอกผมว่า ตอนที่หาเบาะแสของไท่หยางเหมิงที่เมืองหนานหยาง มีคนแอบช่วยพวกเขาอยู่ลับ ตอนนี้มีคนส่งแผนที่เส้นทางการเดินทัพ มีความเป็นไปได้ไหมครับทั้งสองเรื่องนี้จะเป็นคนเดียวกัน?มีคนหนึ่งคอยแอบช่วยเหลือเราอยู่ตลอดเวลา?”
เฉินจิ้นตงพูดพลางมองไปที่เฉินเกอพร้อมกับเฉินเตี๋ยนชาง
เห็นได้ชัดว่าเฉินเตี๋ยนชางไม่เคยรู้จักคนอย่างนี้มาก่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินจิ้นตง
มีความเป็นไปได้อยู่ทางเดียวก็คือเฉินเกอ
“อาจารย์ของผมฉินโป๋?แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะครับ เขาไม่มีเหตุผลที่จะแอบอยู่ข้างหลัง เขาอยากจะช่วยเหลือผม คงจะมาแสดงตนแน่ๆครับ!”
เฉินเกอก็คิดไม่ตกจริงๆ
ตอนนี้มีความเป็นไปได้คนเดียวคือฉินโป๋
แต่ฉินโป๋ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะมาเจอเขานิ?
“อืม หยุดพูดถึงปัญหาเรื่องก่อน เสี่ยวเกอ เปิดจดหมายดูว่าด้านในเขียนอะไรไว้บ้าง?”
เฉินเตี๋ยนชางถาม
เฉินเกอเปิดจดหมายออก
ด้านในเขียนคำง่ายๆแค่สองประโยค
เมื่อทั้งสามคนเห็นสองประโยคนี้ต่างก็ต้องหยุดชะงัก
“เกิดปรากฏตการจันทรุปราคาในยามฟ้าใส สายน้ำไหลย้อน” “ดอกทองร่วงโรยถึงคราชีพดับสูญ”
จันทรุปราคาในยามฟ้าใส?ยามฟ้าใสจะมีพระจันทร์ได้อย่างไรกัน?
ทำไมสายน้ำถึงไหลทวนกระแสได้ล่ะ?
เฉินเกอรู้สึกแปลกใจจริง
ส่วนประโยคสุดท้ายมีความนัยที่เข้าใจได้ง่ายกว่า
น่าจะหมายถึงตอนดอกทองร่วงโรย จะเป็นเวลาตาย
“อันนี่กำลังหมายถึงผมเหรอ?”
เฉินเกอพูดเองเออเอง
“ดูเหมือนว่าพลังวิชาของคนนี้พวกเราไม่สามารถจะคาดเดาได้เลย เหมือนเขาจะรู้เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา!บนโลกนี้มีคนยอดฝีมืออย่างนี้อยู่จริงๆเหรอ?”
แม้กระทั่งเฉินเตี๋ยนชางก็กล่าวด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“แล้วคุณพ่อครับ เสี่ยวเกอล่ะครับ?ดูเหมือนว่าคำทำนายของภาพสุริยันเป็นความจริงแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่เช่นนั้นคนลึกลับท่านนี้จะส่งสองประโยคนั้นมาทำไม?”
เฉินจิ้นตงรีบถาม
“อืม ตอนนี้นอกจากทำตามที่ม้วนเอกสารบอกก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เขาอยากจะให้พวกเราไปหาโลงศพอมตะ หรือเป็นเพราะรอให้เสี่ยวเกอเกิดเรื่องนั้นแล้ว ให้เก็บร่างของเสี่ยวเกอไว้ที่โลงอายุยืนนี้?แต่คำทำนายของภาพสุริยันคือเสี่ยวเกอต้องถูกฉีกร่างตาย!”
เฉินเตี๋ยนชางส่ายหัว
“แต่……ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่าแล้ว ดูจากสองเรื่องนี้แล้ว คนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด เสี่ยวเกอ ในเมื่อเขาอยากให้หลานไปหาโลงศพอมตะ คิดว่าน่าจะมีเหตุผลของเขา หลานคิดว่ายังไง?”
เฉินเตี๋ยนชางถาม
“ฮาฮา ยังไงซักผมก็อยู่ได้ไม่นานแล้ว ในเมื่อเขาอยากให้ผมไปหา ผมก็ลองไปหาดู พอดีเลย ตอนนี้ผมอยากจะฝึกฝนให้ความสามารถของผมพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
อันนี้ก็เป็นโอกาสออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์เหมือนกัน ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ผมก็จะมีคุณสมบัติไปเข้าร่วมงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”
เฉินเกอกล่าว
เฉินเกอเชื่ออย่างหนักแน่นว่า งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์คือจุดสำคัญที่จะไขความลับของไท่หยางเหมิงได้ คำตอบทั้งหมดเหมือนจะรวบรวมอยู่ที่งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์
ตอนนี้ตนห่างจากปรมาจารย์แท้จริงแค่เพียงครึ่งก้าว ไม่ว่าจะยังไงเขาจะเข้าร่วมให้ได้!
ถ้าเป็นเช่นนี้ ถึงคำทำนายจะเป็นจริงก็คุ้มค่าแล้ว
“ก็ดี ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะมีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น!”
เฉินเตี๋ยนชางถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
ปู่หลานทั้งสามหารือกันถึงเที่ยงคืน
วันรุ่งขึ้น
เฉินเกอเตรียมออกเดินทาง
คนทั้งตระกูลเฉินร่วมตัวกันอยู่ที่เดียวกัน
เพื่อมาส่งเฉินเกอ
บนเกาะ คนสำนักจิตกำลังเข้ายามรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
“จะต้องสังเกตทุกเรื่องบนเกาะอย่างเป็นพิเศษ นายท่านสั่งการว่าตอนนี้อยู่ในช่วงคับขัน พวกนายต้องตั้งใจเป็นพิเศษ”
ตรงชายฝั่ง เวินจื้อจ้ายกำลังสั่งการลูกน้องของตนอยู่
จากนั้นก็ให้พวกเขาลงไปทำหน้าที่ของตน
เวินจื้อจ้ายยืนสองมือห้อยหลังอยู่ที่ชายฝั่ง กำลังมองไปยังทะเลที่กว้างขวาง
ไม่รู้ช่วงนี้เป็นอะไร ถึงแม้จะดูเหมือนจะเงียบสงบ แต่กลับรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
โดยเฉพาะเช้าวันนี้ เวินจื้อจ้ายรู้สึกกระวนกระวายกังวลชอบกล
เขากำลังจ้องมองทะเลอยู่
ทันใดนั้น เขาได้ยินมีเสียงเท้าเบาๆส่งมาจากด้านหลัง
เวินจื้อจ้ายเอียงคอไปมองเล็กน้อย “มีอะไร?”
เขาคิดว่าลูกน้องมาหา
“ที่นี่ก็คือบ้านตระกูลเฉินเหรอ?”
คิดไม่ถึงว่าด้านหลังมีเสียงชายชราที่ไม่คุ้นเคยส่งมา
หัวใจเวินจื้อจ้ายเต้นแรง รีบหลังหน้าไปมอง
คนตรงหน้าเป็นชายชราที่ผอมแห้ง ผมขาวหงอก ใบหน้าเหี่ยวย่น
โดยเฉพาะมองเขาใส่เสื้อผ้าธรรมดาแต่สง่างามก็กลับเห็นเขาขาดแขนไปหนึ่งข้าง
เวินจื้อจ้ายรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
เขาข้ามมาได้อย่างไรกัน?ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเขาเมื่อไหร่?
“ท่านคือใคร?มาหาคนตระกูลเฉินบนเกาะด้วยเรื่องอะไรครับ?”
เวินจื้อจ้ายเห็นเขาไม่ธรรมดา จึงกล่าวคำนับแล้วพูดอย่างนอบน้อม
“ฉัน……ปรมาจารย์โม่ชางหลง!”