ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 544
บทที่ 543 เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันในหนึ่งปี
เฉินเกอจมอยู่กับมัน ไม่ทันได้รู้สึกตัวก็ผ่านไปแล้วถึงเจ็ดวัน
ปัง!
ตามมาด้วยรอยแตกของหินขนาดใหญ่
พั่วจวินยังคงวนเวียนอยู่บนท้องฟ้า
เมื่อความคิดของเฉินเกอเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันถึงค่อยบินกลับมาที่มือของตน
“พั่วจวินเดิมมีพลังโจมตีที่รุนแรง ความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าปรมาจารย์คนหนึ่ง บวกกับฉันที่เป็นปรมาจารย์ครึ่งระดับในตอนนี้ หากพบกับโม่ชางหลงเข้าให้ ก็น่าจะต่อสู้กับเขาได้! ”
เฉินเกอกล่าวในใจ
สำหรับการใช้ใบมีดยาวทั้งสามประเภทที่แสดงอยู่บนพั่วจวิน เฉินเกอเชี่ยวชาญกับมันแล้ว แต่เฉินเกอไม่ชอบอาวุธอย่างดาบยาวมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเท่าไหร่”
เขาอยู่บนภูเขานานมากแล้ว
เฉินเกอกำลังมองหาโลงศพอมตะ
เขาไม่ล่าช้าอีกต่อไป และออกเดินทางต่อไปยังทางตะวันตกเฉียงเหนือ
โชคดีที่ในตอนเย็น ในที่สุดเฉินเกอก็เดินออกจากป่าอันไม่สิ้นสุดบนภูเขาได้
เขามาถึงเมืองเล็กๆ
ที่นี่ มีร่องรอยของทะเลทราย เมื่อสอบถามผู้คนในเมืองเล็กแห่งนี้ เขาก็พบว่าตอนนี้ตนเองมาถึงขอบทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว
คล้ายกับตำแหน่งที่เฉินเกอคาดการณ์ไว้
เนื่องจากในตอนนี้ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ตก เขาใกล้จะมาถึงทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว บวกกับตนเองก็เดินทางมาอย่างยาวนานยิ่ง
เฉินเกอหาโรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง จากนั้นจึงซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะสมสักสองสามชิ้น และพักผ่อนลงชั่วคราว
เพิ่งซื้อของเสร็จ
เขากลับได้ยินเสียงร้องดังขึ้นจากมุมหนึ่งของเมือง
“พวกคุณต้องการอะไร? ”
“ไม่มีอะไร เห็นสาวงามจากต่างถิ่นสองคน พวกเราก็แค่อยากจะเชิญมาดื่มสักแก้วสองแก้ม แสดงความชื่นชม!”
“พวกแกหลีกไป!”
ผู้หญิงหนึ่งในนั้นผลักผู้ชายเหล่านั้นออก และคิดจะจากไป
“เฮ้เฮ้เฮ้! อย่าเพิ่งไปสิคนสวย!”
โดนผู้ชายเหล่านั้นมาขวางเอาไว้อีกแล้ว
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพราะพวกเขาเห็นผู้หญิงสวยถึงสองคนอีกทั้งยังมาจากต่างถิ่น ดังนั้นจึงมีความคิดบางอย่าง
เรื่องแบบนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่วินาทีนี้ฝีเท้าของเฉินเกอกลับหยุดลง
“ทำไมถึงได้คล้ายเสียงของเธอ?”
ใช่ ยิ่งได้ฟัง เฉินเกอก็ยิ่งรู้สึกคิดถึงมากเท่านั้น
ดังนั้นเฉินเกอจึงเดินตามเสียงมาและหยุดลงที่มุมหนึ่ง
เมื่อเขามองดู หนังตาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
เธอมาที่นี่ได้ยังไง?
เฉินเกอประหลาดใจ
แต่เขาเห็นว่ามีผู้ชายสองสามเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
เฉินเกอขมวดคิ้ว จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไป
“เพี๊ยะ!”
วัยรุ่นเหล่านั้นกำลังเตรียมตัวใช้กำลังลากไป
ในขณะนี้ เขาถูกคนตบไหล่เอาไว้
เมื่อมองย้อนกลับไป ก็มองเห็นเป็นผู้ชายสวมหมวกและหน้ากากคนหนึ่ง
“เด็กน้อย ผู้คุมคนไหนทุจริตถึงได้ปล่อยนายออกมา? อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
เด็กหนุ่มเอ่ยเตือนอย่างเย็นชา
“ปล่อยพวกเธอไป! ”
เฉินเกอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างออกไป
“อยากเล่นบทฮีโร่กอบกู้สาวงาม? ฉันว่านาย….อ๊าก!!!”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เฉินเกอก็บีบข้อมือของเขาโดยตรง
ในพริบตา เสียงกระดูกร้าวก็ดังขึ้น
หลายคนที่เหลือเมื่อมองเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงเริ่มลงมือ
ปึกปึกปึก!
ในไม่ช้า หมัดหลายหมัดก็พุ่งเข้าใส่หน้าอกของเฉินเกอ
แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมผู้ชายเหล่านั้นถึงได้กำหมัดของตนและกรีดร้องดังขึ้น
หมัดที่ชกลงไปอย่างรุนแรงเมื่อครู่นี้ ราวกับกำลังชกลงบนภูเขาใหญ่ จนทำให้พวกมันรู้สึกราวกับกระดูกกำลังจะแตก
ทุกคนมองเฉินเกอด้วยความหวาดกลัว
ร่างกายแบบนี้คืออะไร?
“หากยังไม่ไป พวกนายตาย!”
เฉินเกอกล่าวอย่างเย็นชา
ในเวลาเดียวกัน บางคนกลืนน้ำลายลงเอื๊อก ในขณะที่อีกหลายคนปิดข้อมือของตนเองไว้และหนีไปด้วยความสับสน นั่นเพราะพวกเขาเพิ่งอ่านอารมณ์จากดวงตาของเด็กหนุ่มนั่น คือเจตนาฆ่า! มันช่างน่าหวาดกลัวเข้ากระดูก
จนพวกเขาต้องวิ่งหนีไปด้วยความตกใจ
หญิงสาวทั้งสองมองเฉินเกอด้วยความขอบคุณ
เฉินเกอกดปีกหมวกลง
“ขอบคุณพี่ชาย!”
หญิงสาวกล่าว
เฉินเกอส่ายหัว “ไม่เป็นไร พวกเธอรีบกลับไปเร็วๆ เถอะ ”
เขากล่าวพร้อมกับก้มหน้าลง
ในขณะที่เฉินเกอกำลังจะหันหลังกลับและจากไป
“โอ้ย เท้าของฉัน! ”
หญิงสาวหนึ่งในนั้นเอามือปิดข้อเท้าของตัวเองไว้ เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ขัดขืนเมื่อครู่นี้ทำให้เธอเท้าแพลง
“เป็นอะไรไหม?”
“เป็นอะไรไหม? ”
เฉินเกอและหญิงสาวอีกคนนั่งยองๆ พร้อมกันแล้วเอ่ยถาม
แต่กลับเป็นหญิงสาวเท้าแพลงที่ประหลาดขึ้นมาใจเล็กน้อย
“ฉันโอเค แต่แค่มันเจ็บมาก เหมือนจะเดินไม่ได้! ”
หญิงสาวกล่าว
“งั้นแบบนี้แล้วกัน ฉันประคองคุณเอง! ”
สวมใส่แว่น ท่าทางดูดี หญิงสาวที่ให้ความรู้สึกราวกับหญิงสาวจากตระกูลชั้นสูงเอ่ยขึ้นอย่างเร่งรีบ
แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าข้อเท้าของเธอบาดเจ็บมากเกินไป
หลังจากก้าวไปไม่กี่ก้าว เธอก็ขยับต่อไปไม่ได้
“จะต้องเดินไปถึงไหน ผมช่วยคุณก่อนได้!”
เฉินเกอเอ่ย
“อืมอืม แต่ว่าพี่ชาย คุณช่วยแบกเธอกลับที่พักที่พวกเราอยู่ก่อนได้ไหม ฉันกลัวว่าอีกเดี๋ยว คนพวกนั้นจะกลับมาอีก! ”
หญิงสาวสวมแว่นพูดขึ้นอย่างอ่อนนุ่ม
“ไม่มีปัญหา! ”
พูดจบ เขาก็แบกเธอขึ้นมา
พูดตามตรง การแบกเธออีกครั้ง ยังคงทำให้เฉินเกอมีความรู้สึกมากมาย
“คุณกำลังจะไปไหน? ”
“โรงแรมเป่ยชาง! ”
“บังเอิญจริง ฉันเองก็อยู่ที่นั่น! ”
“พี่ชาย คุณมาเที่ยวเหรอ?”
“ใช่!”
“พวกเธอล่ะ มองดูแล้ว ดูเหมือนนักข่าว! ”
เฉินเกออดฝืนหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งงสองสาวตกใจขึ้นมาพร้อมกัน “คุณ….คุณรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นนักข่าว?”
“ดูจากนิสัยท่าทางของพวกคุณแล้วเหมือนมาก!”
เฉินเกอเอ่ย
“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณน่าสนใจมาก! ”
หญิงสาวสวมแว่มท่าทางสง่าเอ่ยขึ้ย
“พี่ชาย คุณมาจากไหนหรือ?”
หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของเฉินเกอเอ่ยถาม
“หืม? สำคัญหรือ”
“ไม่ไม่ไม่ ฉันแค่คิดว่าคุณดูเหมือนเป็นเพื่อนในสมัยก่อนของฉัน เพียงแต่ว่า เขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าคุณ และไม่ได้เก่งกาจเท่าคุณ! ”
หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังกล่าว
จากนั้นเธอก็เอ่ยเสียงเบา “ฉันจำได้ชัดเจน ว่าครั้งหนึ่งฉันเองก็เคยข้อเท้าแพลง เฮอๆ นั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน อีกทั้งเขาก็แบกฉันเอาไว้บนหลังของเขา! ”
“เขาเป็นแฟนของคุณหรือ? น้ำเสียงของคุณ ดูเหมือนจะมีความรู้สึกพิเศษบางอย่าง!”
ใบหน้าของเฉินเกอแดงขึ้นเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่า ฉันไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ได้เป็นแฟนกับเขา! ”
หญิงสาวกล่าว
“มีอะไรโชคดีโชคไม่ดีกัน เป็นเขาที่ไม่ได้โชคดีต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้น คุณสวยขนาดนี้ คิดจะหาแฟนสักคนจะหาไม่ได้หรือไง?”
เฉินเกอเอ่ย
“ใช่ พี่ชายพูดถูก ฉันเองก็ไม่ควรจะดูถูกตัวเอง พวกเราไม่ได้ติดต่อกันมาปีนึงแล้ว สมควรที่จะลืมเขาได้แล้ว หาใหม่อีกสักคน!”
สาวแว่นที่อยู่อีกด้านหนึ่งเอ่ย
หญิงสาวที่อยู่บนหลังส่ายหัว “เขา ไม่ใช่คนที่ฉันคิดจะปล่อยวางก็วางลงได้!”
“เฮ้อ จะพูดกับเธอยังไงดี!”
สาวแว่นพูดไม่ออก
ส่วนเฉินเกอ ก็ไม่มีคำพูดใดๆ อีกแล้ว
ไม่นานนัก ก็มาถึงโรงแรม
ชั้นหนึ่งของโรงแรมเป็นร้านอาหาร
มีกลุ่มคนกำลังทานอาหารอยู่ในนั้น
และมองเห็นว่าหญิงสาวทั้งสองคนกลับมาแล้ว
พวกเธอน่าจะรู้จักกันหมด และรีบวิ่งเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น เท้าบาดเจ็บหรือ?”
ผู้อาวุโสที่เป็นหัวหน้าถามขึ้นมาเช่นกัน
“ฉินหยา เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
และชายหนุ่มคนหนึ่งในนั้น เวลานี้กำลังแสดงความใส่ใจมาถึงตัวของเฉินเกอ
เขาเอ่ยกับเฉินเกอที่กำลังแบกหญิงสาว
บทที่ 544 ขึ้นรถเถอะ
“คุณชายลี่ พี่ชายคนนี้เป็นคนช่วยเราเอาไว้!”
ฉินหยาค่อยๆ ลงมาและเอ่ยกับชายหนุ่ม”
” คุณชายลี่อะไรกัน เสี่ยวหยาผมบอกคุณกี่ครั้งแล้วให้เรียกฉันว่า ว่านหาว คุณชายลี่ คุณชายลี่ ห่างเหินเกินไปแล้ว! ”
หลี่ว่านหาวกล่าว
ฉินหยาไม่ได้พูดอะไร
แต่เธอมองไปที่เฉินเกอ “พี่ชาย ยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร?”
ไม่รู้ว่าทำไมเช่นกัน ตั้งแต่แรกเห็นพี่ชายคนนี้ ในใจของฉินหยาก็มีความรู้สึกสนิทสนมขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
ความรู้สึกใกล้ชิดนี้ ก็ทำให้ ฉินหยาเองยังรู้สึกเหลือเชื่อ
นานมากแล้วที่เธอไม่เคยมีความรู้สึกใดๆ ผู้ชาย
แต่ ยกเว้นเขา
ราวกับเธอได้เจอญาติที่หายไปนาน
“นั่นสิ วันนี้พี่ชายช่วยพวกเราเอาไว้ ยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร!”
และสาวแว่นคนนั้น ก็เอ่ยถามยิ้มๆ เช่นกัน
“ช่างเถอะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ!”
เฉินเกอกดปีกหมวกลง จากนั้นจึงหันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน
สายตาของสาวแว่น อดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความผิดหวัง ปากของเธอยื่นออกมานิดๆ
“เมิ่งเสว่ เด็กคนนี้เป็นใครกัน กลางวันแดดจ้ากลับสวมหมวกสวมหน้ากาก ทำตัวเป้นเท่ไปทำไม!”
หลี่ว่านหาวเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้ฟังเรื่องราวจากเฉินเมิ่งเสว่ เด็กคนนี้เห็นชัดว่ามาเป็นฮีโร่กอบกู้ความงาม
นี่เป็นโอกาสที่เขารอแล้วรอเล่าก็มาไม่ถึง จนทำให้ในใจของหลี่ว่านหาวเป็น
ทั้งอิจฉาและหึงหวง
“หลี่ว่านหาว คุณมาพูดจาแบบนี้กับผู้มีพระคุณของฉันกับฉินหยาได้ยังไง? ”
เฉินเมิ่งเสว่เอ่ยอย่างไม่พอใจ
“ก็เป็นอย่างนั้นจริงนี่ เด็กผู้ชายคนนี้เห็นชัดว่าเป็นพวกชอบทำตัวเท่!”
หลี่ว่านหาวเอ่ย
“เอาล่ะเอาล่ะ อย่าเอะอะเสียงดัง เอาเป็นว่าไม่มีเรื่องก็ดีแล้ว พวกเธอไปทานอะไรสักหน่อย อีกสักครู่เมื่อปังกงท่านนั้นมาแล้ว พวกเราจะต้องเข้าไปในทะเลทรายแล้ว! ”
หัวหน้าอาวุโสแนะนำ
ทุกคนถึงค่อยหยุดลง
พวกฉินหยาและทีมงานมีรวมกันมากกว่ายี่สิบคน สิบสามคนเป็นผู้ชาย ที่เหลือเป็นผู้หญิง
ครั้งนี้เข้าไปในทะเลทรายเพื่อทำการสำรวจ มี ฉินหยาและ เฉินเมิ่งเสว่มาผู้สื่อข่าวที่ติดตามไปด้วย
ส่วนหลี่ว่านหาวเขาเป็นลูกชายของหัวหน้าผู้สนับสนุนกิจกรรมการสำรวจนี้
มีพลังและอำนาจ อีกทั้งในระหว่างกิจกรรมแลกเปลี่ยน เขาก็สนใจในตัวของฉินหยา จากนั้นก็ไม่อาจควบคุมได้อีก และเริ่มเปิดตัวตามจีบอย่างบ้าคลั่ง
ดังนั้นเมื่อต้องเข้าไปในทะเลทราย เขาเองก็ตามมาด้วย
“ปังกงท่านนั้นเติบโตมาในทะเลทราย พวกเราที่เป็นคนต่างถิ่นหากคิดจะเข้าไปในทะเลทรายยังไงก็หลีกหนีไม่พ้นเขา ทน่าแปลกอย่างยิ่ง ทำไมตอนนี้เขายังไม่มาอีก?”
หลังจากที่ชายชรานั่งลง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกับผู้ติดตามที่ตามมา
ในขณะที่เขากำลังพูด เสียงระฆังอูฐก็ดังขึ้นด้านนอกประตู
อูฐกว่ายี่สิบตัวพร้อมกับเกวียนหยุดลงอยู่ที่ประตู
“ไปกันเถอะ! ”
คนขับเป็นชายชราหน้าคล้ำผู้หนึ่ง มีหนวดเคราสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย
เขาตะโกนขึ้นที่หน้าประตูของโรงแรม
ในพริบตา คนด้านในก็เดินออกมากันหมด
ดูจากสายตาแล้วเหมือนจะไม่ได้มีแค่ยี่สิบคน ยังมีนักเดินทางอีกกว่าสิบยี่สิบคน รวมถึงรถที่เช่ารถของปังกงด้วย
พวกเขาวางสัมภาระและน้ำดื่มไว้บนตัวอูฐ
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ฝูงชนก็พร้อมที่จะออกเดินทาง
“ไปกันเถอะเสี่ยวหยา คุณบาดเจ็บ ผมจ่ายเงินเพิ่มไปแล้ว พวกเรากับศาสตราจารย์หยางสามารถไปนั่งบนรถได้ ไม่ต้องเดินแล้ว!”
เฉินว่านหาวเห็น ฉินหยากำลังลังเล และไม่หยุดหันไปมองทางชั้นสอง
ทันใดนั้นเขาก็อิจฉาขึ้นอย่างกะทันหัน “เสี่ยวหยา คุณคงไม่ได้กำลังรอเด็กขี้เก๊กคนนั้นอยู่หรอกนะ?”
“ฉัน….ฉันจะรอเขาทำไม? พวกเราไม่รู้จักกันสักหน่อย!”
ฉินหยาเอ่ย
“อย่างนั้นก็ดี รีบไปเถอะ ผมพยุงณเอง”
“ไม่เป็นไร เมิ่งเสว่ประคองฉันไปก็ได้แล้ว!”
เมื่อคณะเดินทางเตรียมตัวพร้อมแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าสู่ทะเลทราย
จากนั้นเฉินเกอถึงค่อยเดินออกมา
พูดตามตรง เขาไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอกับฉินหยาที่นี่หลังจากไม่ได้เจอกันมานานกว่าหนึ่งปี
เธอทำงานแล้ว อีกทั้งนิสัยใจคอยังดีขึ้นกว่าเดิมมาก
อันที่จริง เฉินเกอเองก็อยากจะบอกเธอเช่นกัน
เนื่องจากพวกเขาเจอกันมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว
แต่เมื่อเฉินเกอเอ่ยหยั่งเชิงไปประโยคหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ลืมตนเอง
ในปีนั้น เขาทำผิดต่อเธอมากแล้ว เฉินเกอไม่ต้องการถ่วงเวลาเธอ เนื่องจากทั้งคู่แต่เดิมก็ไม่อาจเป็นไปได้
เมื่อครู่ เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งดีต่อเธอแบบนั้น ในใจของเฉินเกอถึงแม้จะมีความรู้สึกย่ำแย่อยู่บ้าง แต่เขาก็อวยพรให้ฉินหยาจากใจ
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ช่วยเธอรักษาแผลต่อ คงมีคนดูแลเธอเป็นอย่างดีแน่
หลังจาดแบกกระเป๋าสัมภาระ เฉินเกอก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อ
งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ยังเหลือเวลาอีกสามเดือน
ดังนั้นการเดินทางในครั้งนี้ ตนเองจึงมีความรีบร้อนอย่างยิ่ง
ไม่เพียงแต่จะต้องก้าวเข้าสู่ชั้นปรมาจารย์ แต่ยังต้องหาโลงศพอมตะด้วย
เขาจะล่าช้าไม่ได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าไปในทะเลทรายได้ไม่นาน
เฉินเกอก็เห็นว่า มีคนกลุ่มใหญ่กำลังขวางอยู่ตรงหน้าเขา
อีกทั้งยังมีการตีวงล้อมเอาไว้ด้วย
อาสาสมัครหลายคนที่มีปลอกแขนสีแดง ดูเหมือนจะกำลังหยุดฝูงชนไม่ให้เดินหน้าไปต่อ
“ทำไมไม่ให้เข้าไปล่ะ? ทะเลทรายเป็นของครอบครัวคุณหรือไง?”
นักเดินทางบางคนด่าขึ้น
“ขออภัยด้วย ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในทะเลทรายมีคนพบศพหลายศพ การตายของพวกเขาน่าสังเวชอย่างยิ่ง ดังนั้นในทะเลทรายจึงมีอันตรายอย่างยิ่ง ฉันขอแนะนำพวกคุณ ช่วงนี้อย่าเพิ่งเข้าไปในทะเลทราย หากมาเที่ยวเล่นแล้วต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้คงไม่คุ้ม!”
อาสาสมัครกล่าว
“คิดจะขู่ให้พวกเรากลัว นึกว่าพวกเราไม่รู้หรือไงว่านี่คือทะเลทรายแห่งความตาย พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อหาความตื่นเต้น อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาพุ่งตรงเข้าไป!”
มีนักเดินทางบางคนบุกเข้าไปโดยตรง
อาสาสมัครหยุดเอาไว้ แต่ก็ห้ามไม่อยู่ อย่างที่ผู้หญิงเมื่อครู่เอ่ย คนที่มาเที่ยวที่นี่ ก็เพื่อแสวงหาความตื่นเต้นทั้งนั้น!
“พี่ชาย ขอบคุณพวกคุณแล้ว แต่ว่าพวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเที่ยว พวกเรามาที่นี่เนื่องจากภารกิจในการวิจัย รบกวนพวกคุณช่วยเปิดทางให้อูฐของพวกเราเข้าไปด้วย”
ศาสตราจารย์หยางเองก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ในตอนนี้เขาขึ้นไปเอ่ย
“เห็นพวกคุณมาเป็นขบวนแบบนี้ ดูแล้วน่าเชื่อถือ ได้ ยังไงพวกเราก็ไม่ห้ามพวกคุณแล้ว ขอให้พวกคุณปลอดภัย!”
อาสาสมัครเปิดทาง
พวกศาสตราจารย์หยางเองจึงเข้าไปด้านใน
แต่ก็มีนักเดินทางจำนวนไม่น้อยที่ตกใจหวาดกลัวและเลือกที่จะล่าถอย
“หืม? พี่ชายคนนี้ ที่แท้คุณเองก็มา?”
ในเวลานี้เอง จู่ๆ เฉินเมิ่งเสว่ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยและโบกมือให้อย่างรีบร้อน
เฉินเกอทำเพียงพยักหน้า จากนั้นจึงเดินต่อไป
ฉินหยาเองก็มองดูชายหนุ่มอยู่ในรถ ทำไมยิ่งเห็นเขา ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย
แต่ว่า เขาไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเช่นนี้
“เข้าร่วมกับขบวนรถของพวกเราเถอะ เมื่อครู่มีคนบอกว่า ในทะเลทรายแห่งนี้อันตราย ในคณะเดินทางของพวกเรายังมีนักเดินทางอีกหลายคน คนยิ่งเยอะกำลังยิ่งมาก พวกเราไปด้วยกันเถอะ?”
เฉินเมิ่งเสว่นั่งอยู่ในรถและเอ่ยถาม
“หึหึหึ เด็กคนนี้คงไม่ใช่นักเดินทางยากจนหรอกนะ ไม่มีอูฐมาช่วยแบกน้ำ อาศัยขวดน้ำของเขา คาดว่ายังไม่ถึงกลางทาง คงกระหายตายไปก่อน!”
หลี่ว่านหาวหัวเราะเยาะ
“พี่ชาย คุณเข้าร่วมกับขบวนรถของพวกเราเถอะ เรื่องเงินฉันช่วยคุณเอง!”
เฉินเมิ่งเสว่เอ่ยอย่างกังวล
เฉินเกอส่ายหัว
“ขอบคุณ แต่ฉันไม่ต้องการ”
เขาพูดเสียงเรียบ
“ฮ่าฮ่า ไม่รู้จักฟ้าสู่งดินต่ำ ในทะเลทรายแบบนี้ หากไม่มีปังกงในทะเลทราย ในสิบคน เก้าคนล้วนไปไหนไม่รอด ไม่ต้องการ? อย่างนั้นนายก็อย่ามาเสียใจทีหลัง ต่อให้มีคนยอมจ่ายเงินให้นาย ฉันก็ไม่ให้นายเข้าร่วมขบวนแน่!”
ปังกงด้านหนึ่งดื่มน้ำ ส่วนอีกด้านหนึ่งมองไปที่เฉินเกออย่างเย็นชา ที่แห่งนี้ ไม่มีใครกล้าบอกว่าไม่ต้องการเขา ชายชรามีความมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงขุ่นเคือง
“ออกเดินทาง! ”
เขาสะบัดแส้ใส่อูฐ จากนั้นขบวนก็เร่งเดินทางออกไป
เฉินเมิ่งเสว่และ ฉินหยาต่างมองไปที่ชายหนุ่มที่เดินตามด้านหลังอย่างเงียบๆ ด้วยความกังวล
ชายหนุ่มคนนี้ สวมชุดสูทรองเท้าหนัง มองดูแล้วเป็นคนสุภาพมีเอกลักษณ์
“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร? ทำไมถึงให้เขาแบกไว้?”
ชายหนุ่มมองดูเฉินเกออีกครั้ง ใบหน้ามีประกายความหึงหวงอย่างรุนแรงพาดผ่าน