ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 549
บทที่ 549 ความยุ่งเหยิงของฉินหยา
มีฝุ่นกระจายฟุ้งขึ้นมา
เฉินเมิ่งเสว่ ฉินหยาทั้งหมดเดินเข้าไปมองไปในกล่องหิน
พวกเธอมองเห็นเป็นดาบเล่มหนึ่งนอนสงบอยู่ในนั้น
แม้ว่าดาบยาวจะปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความแวววาวบนนั้นได้
ถึงจะอยู่ไกลออกไป ราวกับจะรู้สึกได้ถึงความเย็นของดาบ
“ดาบเมื่อพันปีก่อน ดูเหมือนว่ามันจะยังคมกริบเช่นเดิม! ”
เฉินเมิ่งเสว่เอ่ยขึ้น
เธอยิ้มฮี่ฮี่และคิดจะหยิบดาบขึ้นมา
แต่ฉินหยากลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก ดังนั้นเธอจึงหันกลับไปดูภาพจิตรกรรมฝาผนังดังเดิม
“หนักมาก! ”
เฉินเมิ่งเสว่คิดจะหยิบมันขึ้นมา แต่กลับพบว่าดาบเล่นนี้ กลับไม่สามารถขยับได้เลย ราวกับว่ามันโตขึ้นจากพื้นผิวมิปาน
“ไม่หนักนี่! ”
เฉินเกอยิ้มเย็น
เขาขยับมือเล็กน้อย และขยับดาบที่มีฝุ่นเกาะ ดูเหมือนมันจะเป็นดาบอ่อน
แต่กลับคมกริบอย่างยิ่ง
บนดาบ มีคำสองคำ: “กระบี่ชิงหยู!”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทันทีที่ดาบตกอยู่ในมือ เขาก็มีความรู้สึกพิเศษกับมันอย่างยิ่ง
“หรือว่า กระบี่ชิงหยูนี้ ก็เป็นอาวุธวิเศษเช่นกัน?”
เฉินเกอประหลาดใจ
แต่เมื่อดูจากหน้าตาของมัน เขากลับดูไม่ออกถึงพลังวิญญาณเลยสักนิด!
อย่างไรก็ตาม ในใจของเฉินเกอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว
เขาเพิ่งเรียนรู้ดาบยาวทั้งสามประเภทจากพั่วจวิน ตอนนี้ ก็มีดาบยาวคมกริบเช่นนี้อยู่ ไม่รู้ว่านี่คือเรื่องบังเอิญหรืออย่างไร!
“พวกคุณรีบมาดูเร็วเข้า! บนภาพวาดพวกนี้ ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ! ”
ในเวลานั้นเองจู่ๆ ฉินหยาก็พูดขึ้นมา
“โอ้ย อย่ามัวแต่ศึกษาภาพจิตรกรรมฝาผนังบูชาเทพเจ้าอยู่อีกเลยเสี่ยวหยา ยังไม่มาประเมินราคาดาบเล่นนี้อีก! ”
เฉินเมิ่งเสว่อดไม่ได้
“ไม่ใช่ ฉันเห็นเนื้อหาด้านหลังของภาพฝาผนังด้านหลังดูเหมือนว่ามันไม่ได้มีเจตนาเพื่อบูชาเทพเจ้า! ”
“พวกคุณรีบมาดู! ”
ทันใดนั้นฉินหยาก็ชี้ไปที่ครึ่งหลังของภาพจิตรกรรมฝาผนัง
ตอนนั้นถ้าฉันนึกภาพสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่บนโลกถ้าฉันสามารถสร้างมันให้เป็นอาคารขนาดใหญ่ได้
“ถ้าหาก ฉันแค่พูดว่าถ้าหาก เอารูปเรือที่ถูกคนวาดขึ้นในตอนนั้น ไปจินตนาการถึงเรือขนาดมหึมาที่สามารถพาขึ้นไปสู่ท้องฟ้าด้านบนและขึ้นสู่ผืนแผ่นดินได้ เรื่องทั้งหมดนี้ ก็สามารถอธิบายได้แล้ว!”
“นั่นเพราะด้านหลังราวกับกำลังพูดถึง ในคืนก่อนการฝังศพของทหารสวรรค์ เรือลำมหึมาลำนี้ได้ปรากฏขึ้น และพาชายหนุ่มและหญิงสาวที่นี่ 300 คนไป กษัตริย์และพวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงกราบบูชา จากนั้นเรือลำนี้ก็หายไปในใต้พิภพทันที!”
“ผู้คนทั้งหมดล้วนคุกเข่าลง แต่ว่า ภาพจิตรกรรมฝาผนังเน้นให้เห็นขอทานชรา มีเพียงเขาที่เชิดหน้าชูตา มุมปากของเขายกยิ้ม ใบหน้าของดูน่าเกลียด แต่นี่ก็ดูเหมือนว่าเป็นการอธิบายถึงรอยยิ้มแปลกๆ ของเขาด้วยเช่นกัน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเชื่อมโยงกันได้แล้ว”
ฉินหยาเอ่ย
“พรูด ฉันพึ่งรู้ว่าฉินหยาเธอถึงจะเป็นคนที่มีจินตนาการมากที่สุดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่ศาสตราจารย์หยางก็อยากจะรับเธอเป็นลูกศิษย์ นี่มันเกือบ 10,000 ปีมาแล้ว แทบจะเป็นสมัยโบราณแล้ว จะมีเรือขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร? แต่ถ้าคนสมัยก่อนสามารถนึกขึ้นได้จริง มันก็ถือว่าสุดยอดมากๆ! ”
เฉินเมิ่งเสว่เอ่ย
“ฉันรู้ แต่ภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้ มักจะให้ความรู้สึกแปลกๆ กับฉัน! ”
“ฉันเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน!! ”
ในขณะนี้เฉินเกอจ้องมองที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้วพูด
ฉินหยามองกลับมาและยิ้มให้เฉินเกอ
“อ้อใช่ เสี่ยวหยา อย่างนั้นผู้หญิงชุดขาวคนนั้น ถูกส่งไปไหน?”
เมื่อเห็นว่า ฉินหยาและเฉินเกอสบตากันแบบนี้
จู่ๆ เฉินเมิ่งเสว่ก็รู้สึกไม่ชอบใจและรีบเข้าไปยืนกั้นระหว่างคนสองคน
“บนนั้นไม่ได้บอกไว้ แค่บอกว่าทั้งสองแยกจากกัน!”
“พี่เฉินเสวียนคุณคิดว่านี่คือการบูชาเทพหรือไม่?”
ฉินหยามองไปที่เฉินเกอและถาม
“โอ้ย คำถามนี้พวกเราค่อยไปคุยกันทีหลัง พี่เฉินเสวียน ฉันอยู่ในนี้หายใจไม่ออกอยู่บ้าง คุณพาพวกเราขึ้นไปได้ไหม?”
เฉินเมิ่งเสว่ขัดจังหวะการสื่อสารของทั้งสองคน
“ไม่มีปัญหา! ”
เฉินเกอพยักหน้า
ทั้งสามคน เมื่อปีนออกมาจากบ่อน้ำโบราณ ก็เป็นเวลาตอนดึกแล้ว ดวงจันทร์ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า
เฉินเกอนำทั้งคู่กลับไปที่อาคารที่ทรุดโทรมอีกครั้ง
พวกของศาสตราจารย์หยางตามไม่ทันเฉินเกอ ดังนั้จึงกลับมานานแล้ว
ทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้ง
นอกจากสองคนที่เสียชีวิตไปแล้ว มีเพียงหลี่ว่านหาวเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีไข้สูง และมีอีกหลายคนที่ไม่สบายเพราะความตกใจกลัว
นอกนั้นที่เหลือไม่เป็นไร
บวกกับหลังจากที่ต้องนอนพลิกไปมาทั้งคืน เมื่อมีเฉินเกออยู่ ทุกคนก็ล้วนผ่อนคลายลงและเริ่มพักผ่อน
เฉินเกอไม่ได้นอน เขาจุดกองไฟ ด้านหนึ่งเพิ่มฟืน ด้านหนึ่งปกป้องคนเหล่านี้
แน่นอนว่า ในขณะนี้ ยังมีสองสาวที่ยังไม่หลับ
ทั้งสองคนลืมตามองเฉินเกอที่นั่งอยู่ที่พื้นตรงประตู
ภายใต้แสงจันทร์ ส่งผลให้เงาร่างของชายหนุ่ม ดูสูงใหญ่ และทำให้คนเกิดเป็นความรู้สึกปลอดภัย
“เสี่ยวหยา เธอก็ยังไม่นอนหรือ?”
เฉินเมิ่งเสว่มองไปที่ ฉินหยาที่นอนอยู่ข้างๆ และถามเสียงเบา
“ยัง…..ยังไม่นอน! ”
ฉินหยาเอ่ยเสียงเบา
“ฉันเห็นแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเราฟื้นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ดวงตาของเธอไม่เคยขยับไปจากตัวพี่เฉินเสวียนเลย เธอชอบพี่เฉินเสวียน? ”
เฉินเมิ่งเสว่พูดอย่างหึงหวงอยู่บ้าง
“จะ….เป็นไปได้ยังไง?”
ฉินหยาเอ่ย
คนที่เธอชอบ คือเฉินเกอ เธอพบว่าไม่ว่าจะยังไงเธอก็ลืมเขาไม่ได้อยู่ดี
แม้ว่าพี่เฉินเสวียนและเฉินเกอจะคล้ายกันมาก แต่ว่า เขาไม่ใช่เฉินเกอที่ตนรัก!
ฉินหยาบอกตัวเองในใจอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่สามารถละสายตาจากพี่เฉินเสวียนได้ นั่นเพราะพวกเขาคล้ายกันมากเกินไป
“ฉันแค่เห็นว่าพี่เฉินเสวียนนั้นคล้ายกับเฉินเกออยู่บ้าง!”
ฉินหยากล่าวเบา ๆ
“คล้าย แต่ไม่ใช่! ” เฉินเมิ่งเสว่เอ่ย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินหยาก็โน้มตัวหันมาเล็กน้อย
“แล้วเธอล่ะ? เห็นได้ชัดเจน เธอชอบพี่เฉินเสวียนหรือ?”
ฉินหยาถามด้วยความเจ็บปวดในใจ
“อืม แม้ว่าฉันจะเคยได้พบกับสุภาพบุรุษที่หล่อเหลามากมาย แต่ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหน ที่เหมือนพี่เฉินเสวียน และทำให้ฉันหวั่นไหว หลายปีมานี้ ฉันเอาแต่รอมาตลอด ให้เขาคนนั้นปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้ ฉันพบว่าฉันเจอแล้ว!”
เฉินเมิ่งเสว่เอ่ย
“อ่อ!”
ในใจของฉินหยารู้สึกต่างๆ มากมาย ไม่ใช่แค่ความรู้สึกไม่สบอารมณ์
“ดังนั้นเสี่ยวหยา ฉํนจึงอยากถามเธอก่อน ในเมื่อพวกเราเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ในเมื่อเธอไม่ชอบพี่เฉินเสวียน อย่างนั้นฉันจะจีบเขา ได้ไหม? กว่าจะได้เจอเขานั้นไม่ง่าย นี่คือการตกหลุมรักครั้งแรกของฉัน!”
เฉินเมิ่งเสว่บีบมือของ ฉินหยาเบาๆ และขอร้องเธอ
ฉินหยาไม่รู้ว่าจะอธิบายอารมณ์ของเธออย่างไร
ตนเองรักเฉินเกอ เฉินเสวียนและเฉินเกอนั้นก็คล้ายกันมาก เขาเหมือนกับเฉินเกอที่ตนเอาแต่คอยคิดถึง
ทำไม?
เนื่องจากการกระทำบางอย่างของเฉินเสวียนคล้ายคลึงกับเฉินเกอมากเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนเองคล้ายจะนึกขึ้นได้ถึงวันที่เธอฟื้นขึ้นมา
เธอได้ยินเฉินเกอเรียกชื่อตน
ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือไม่ แต่นั่นเป็นเสียงของเฉินเกอจริงๆ
ยังมียังมีอีก!
ตอนที่เฉินเสวียนหน้าแดงขึ้นมาฉินหยาพบว่าเขาเหมือนกับเฉินเกออย่างยิ่ง ตอนที่เธอพบเฉินเกอครั้งแรก เขาไม่ได้หน้าแดงแบบนี้หรอกหรือ
ยังไม่พอ
ในห้องหิน เม้มริมฝีปากของเฉินเสวียนก็คล้ายกับเฉินเกออย่างมาก
เป็นเขา? หรือว่าเขามีเรื่องบางอย่างที่ต้องจงใจปิดบังตัวเองเอาไว้?
เขาพยายามหลอกตนเอง แต่เมื่อดวงตาคู่นั้นมองตนเองก็คล้ายกับการได้พบเจอกันอีกครั้งหลังจากแยกจากกันไปนาน
ผู้หญิงมักมีความสามารถในการสังเกตรายละเอียดได้ดีอย่างมาก และฉินหยาเองก็สังเกตอย่างละเอียดมาโดยตลอดเช่นกัน
เธอมีสัญชาตญาณแบบนี้เกิดขึ้น อีกทั้งยังแข็งแกร่งมาก
ดังนั้น เธอจึงไม่รู้ว่าจะตอบคำพูดของ เฉินเมิ่งเสว่อย่างไร