ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 582
บทที่ 581 ความลับในบ่ายวันนี้
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ท่านปู่ฟางและโจ๋วจงทาวก็ถูกส่งกลับไปที่อพาร์ตเมนต์
แต่ว่าตอนที่ส่งกลับไปถึง ท่านปู่ฟางป่วยหนัก ฟางหยีก็อยู่ในอาการหมดสติอย่างรุนแรง
เฉินเกอก็ไม่ทันที่จะทักทายโจ๋วจงทาว ก็ได้เขียนใบสั่งยาใหม่ให้เขาทันที เพื่อให้โจ๋วจงทาวรักษาทั้งสองคน
หลังจากนั้น เฉินเกอก็ออกไปถนนข้างนอกเลย พูดตามหลักการแล้ว เซ่งจู้น้อยท่านนั้น ก็น่าจะมาแล้ว
เดินอยู่บนถนน ถนนในเวลานี้ คึกคักยิ่งนัก
ผู้คนต่างดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแห่งความสุขและความตื่นเต้น
ลัทธิอูกู่นี้ แค่ได้ยินชื่อ ก็ทำให้คนรู้สึกถึงความคิดที่ชั่วร้าย
ได้ทำอะไรกันแน่ ถึงสามารถให้ผู้คนมากมายมาบูชาพวกเขา?
เฉินเกอแอบสงสัยในใจ
ในไม่ช้า ก็มาถึงหน้าประตูวิลล่าตระกูลหยุนของหยุนหลิน
วิลล่าตระกูลหยุนซึ่งเป็นสถานที่ต้อนรับสำหรับการมาเยือนของเซ่งจู้น้อยในคืนนี้ ที่นี่ยิ่งถูกล้อมรอบหนาแน่นมาก
และลูกศิษย์ลูกหาของตระกูลหยุน จำนวนไม่น้อย ยิ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู ทำหน้าที่ต้อนรับแขกคนสำคัญ
“คนคนนั้น ทำไมนายเข้ามาตามอำเภอใจเลย ใครให้นายเข้ามา?”
และตอนที่เฉินเกอเดินเข้าไป ก็ถูกชายหนุ่มและหญิงสาวกลุ่มหนึ่งห้ามไว้
“หยุนหลิน ไม่ได้บอกกับพวกคุณว่าฉันจะมาหรือ?”
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“นายถือเป็นตัวอะไรกัน ถึงกล้าเรียกชื่อลุงใหญ่ของฉันโดยตรง แขกในวันนี้ เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงหน้าตาทางสังคมกันหมด ล้วนเป็นผู้อาวุโสที่อายุเกินครึ่งร้อยปี! ไอ้หมอนี่คนที่ฉวยโอกาสในเหตุการณ์ชุลมุนอย่างนาย ฉันเห็นมาเยอะแล้ว!”
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ตะโกนใส่เฉินเกออย่างเคร่งขรึม
“อย่าพูดกับเขาอย่างนี้ ดูท่าทางของเขา น่าจะมาจากต่างถิ่น อาจเป็นเพียงว่าได้เห็นตระกูลหยุนมีผู้คนเข้าออกจำนวนมาก และยังดูยิ่งใหญ่อลังการขนาดนั้น เลยอยากเข้ามาดูเท่านั้น นายอย่าดุแบบนี้!”
และในเวลานี้เอง หญิงสาวที่หน้าสวยงาม มองไปที่เฉินเกอแล้วพูดขึ้น ยังส่งยิ้มให้เฉินเกอ
จะพูดยังไงดี เมื่อหญิงสาวตัวได้เห็นหุ่นของเฉินเกอนั้นดียิ่งนัก โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตา ยิ่งเหมือนคนที่มีอัธยาศัยมาก รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาดูดีทำให้คนรู้สึกถึงความสง่า
จึงถือว่ามองถูกตา
ดังนั้นจึงช่วยเขาพูดนิดหน่อย
นี่ก็เหมือนกับสถานการณ์ที่ผู้ชายบางคนได้เห็นผู้หญิงสวย ก็เต็มใจที่จะช่วยเธอ
“นายอยากเข้าไปไหม?”
หญิงสาวมองไปที่เฉินเกออีกครั้ง ถามด้วยรอยยิ้ม
เธออายุยี่สิบกว่าปี มัดผมหางม้า ยิ้มอ่อนหวาน
แต่ว่าตามเฉินเกอไม่ได้ตอบกลับเธอ
“อย่างนี้แล้วกัน ข้างในต้องการลูกมือพอดี นายตามฉันเข้ามา!”
พูดจบ หญิงสาวทำเหมือนเป็นผู้ปกครองใหญ่ ดึงเฉินเกอไว้ แล้วเดินเข้าไป
“ฮึ่ม น้องเล็กก็ใจดีแบบนี้แหละ ปกติลูกแมวลูกหมาตัวหนึ่งใกล้จะตายก็ต้องร้องไห้ เมื่อกี้ต้องเป็นเพราะว่า ฉันด่าไอ้หมอนั่นโหดร้ายเกินไปแน่นอน จึงทำให้เธอเกิดความสงสาร ช่างไม่เหมือนคนของตระกูลหยุนเลยสักนิด
ชายหนุ่มคนนั้นพูดขึ้น
และหยุนฉิง ก็ได้พาเฉินเกอเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว
“ก็คือที่นี่ คนนี้คือลุงหยุน ฉันได้บอกกับเขาแล้ว มีอะไรที่ต้องการช่วยเหลือ นายก็ช่วยเหลือหน่อยก็พอแล้ว ฉันจะออกไปต้อนรับแขกแล้ว!”
หยุนฉิง ยิ้มให้เฉินเกอและโบกมือเล็กน้อย แล้วก็จากไป
“ยัยเด็กนี่ จิตใจไม่เหมือนกับคนของตระกูลหยุนที่ตัวเองเคยพบเจอเลยสักนิด เป็นมิตรมากเกินไปแล้ว!”
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะอย่างจนปัญญา รู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย
ที่จนปัญญาเพราะว่า เพราะเธอเป็นมิตรมากเกินไปเป็นมิตรมากจนตัวเองรู้สึกละอายที่จะบอกเธอ ว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อจะฆ่าคน!
บางคน ก็ยากที่จะปฏิเสธ
“นี่นาย คือลุงหยุนที่เรียกนายมาใช่ไหม? เข้ามา เทน้ำให้พวกเราดื่ม!”
และในเวลานี้ ด้านนอกคฤหาสน์ มีโต๊ะและเก้าอี้จัดไว้มากมาย
หนึ่งในนั้น มีชายหญิงวัยรุ่นไม่กี่คน กำลังดื่มน้ำพูดคุยกัน พวกเขาพูดกับเฉินเกออย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
เพราะว่า เมื่อกี้ตอนนี้หยุนฉิงพาเขาเข้ามา และได้มอบหมายให้กับลุงหยุนเป็นทำหน้าที่รับผิดชอบงานบ้าน พวกเขาก็รู้แล้วว่า นี่เป็นคนงานที่มาใหม่
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธเล็กน้อย
แต่เพราะความเป็นมิตรของหยุนฉิงในเมื่อครู่ ตัวเองจึงไม่ได้ปฏิเสธเธอ ซึ่งก็เท่ากับว่าได้ตอบรับเธอแล้ว
และไม่เหมาะที่จะเกิดโทสะ
ก็เลยจ้องมองไปที่ประตูพร้อมกับเดินเข้าไป หยิบถ้วยชาขึ้น เทน้ำให้กับพวกหญิงสาวที่แต่งหน้าจัดจ้านอย่างเย็นชา
“หมอนี่ คิดไม่ถึงว่าหน้าตาดูดีไม่น้อย แต่ว่าไม่ใช่สเปคที่ฉันชอบ ก็มีแค่หยุนฉิง ที่ชอบสเปคอย่างนาย!”
หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น
“นายคงไม่ใช่หนุ่มหน้ามนของเฉิงเอ๋อร์นะ?”
หญิงสาวอีกคนถามขึ้น
“หืม เขาเนี่ยนะ คู่ควรที่จะเป็นหนุ่มหน้ามนของ เฉิงเอ๋อร์เหรอ? ถุ้ย!”
ก็มีหญิงสาวอีกคนพูดอย่างดูถูก
พวกเธอวิพากษ์วิจารณ์เฉินเกอก่อน จากนั้นก็ดึงหัวข้อกลับมา
“ฮ่าๆๆ ตอนนี้ฉันมีความสุขมากจริงๆเลย ในที่สุด ก็มีคนเป็นแพะรับบาปให้ฉันแล้ว!”
หญิงสาวหนึ่งในนั้น ที่มีอายุมากหน่อย รุ่นราวคราวเดียวกันกับเฉินเกอได้พูดขึ้น
“แพะรับบาปอะไรอ่ะ พี่หยุนเฟย?”
พวกเธอถาม
“เฮ้ย! ที่จริงมีบางเรื่อง ที่พวกเธอไม่รู้เลย เอาล่ะ ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว พูดให้พวกเธอฟังก็ไม่มีอะไรเสียหาย?”
พวกสาวๆทั้งหลาย ต่างก็ขยับหูเข้าไปด้วยความสงสัย
“จริงๆแล้ว ตระกูลหยุนของเรา แอบแลกเปลี่ยนลึกลับอย่างหนึ่ง กับเซ่งจู้น้อยแห่งลัทธิศาสนามาโดยตลอด!”
“แลกเปลี่ยนอะไร?”
“นั่นก็คือทุกๆปี จะมีการแสวงหาสาวงามหลายสิบคนให้ เซ่งจู้น้อย ในนั้นมีไม่กี่คน ก็เป็นคนของ ตระกูลหยุน ด้วย!
หยุนเฟยพูด
“อะไรนะ! นี่มันเรื่องจริงเหรอ?”
“ยังจะเป็นเรื่องของปลอมหรือ พ่อบอกฉันหมดแล้ว สาวงามที่สรรหามาในครั้งนี้ เดิมทีหนึ่งในนั้นคือฉันเอง แต่ไม่คาดคิดว่า สามเดือนที่แล้ว มีสาวสวยจากตระกูลฟางมาอีกคนใช่ไหม ฮ่าๆ คุณพ่อเพื่อปกป้องฉัน ก็เลยขายเธอออกไป!”
หยุนเฟย พูดขึ้น
“นี่…..ยากที่จะจินตนาการได้เลย ว่าเซ่งจู้น้อย จะเป็นคนแบบนี้จริงๆ!”
“ใช่เลย ตอนแรกคิดว่าเซ่งจู้น้อย บริสุทธิ์ไร้มลทิน แต่กลับน่ารังเกียจอย่างนี้ นี่เป็นความลับใหญ่จริงๆ ถ้าถูกเปิดเผย เขาต้องเจอหายนะแน่ๆ คนในเกาะโม่เต่าต้องห้ามเรื่องอย่างนี้มากที่สุด!”
“วันนี้ฉันเป็นเพราะอารมณ์ดี ที่จริงแล้ว เรื่องนี้ในสายตาของ ตระกูลหยุนของเรา หรือบางคนในเกาะโม่เต่า ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นความลับแล้ว!”
หยุนเฟยพูดขึ้น
“ที่จริงในสมัยก่อน ฉันก็ได้ยินข่าวลือมาบ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่ถือเป็นความลับจริงๆ!”
หญิงสาวคนหนึ่งก็พูดขึ้น
“แต่ว่านะ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่พวกเธอไม่รู้ พ่อของฉันได้ปิดบังทั้งตระกูลแล้ว มีเพียงฉันได้เห็นเท่านั้น!”
หยุนเฟย พูดเสียงเบาอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ก็มีความเสียใจเล็กน้อย
“พี่สาว พวกคุณกำลังพูดถึงอะไร?”
ในเวลานี้ หยุนฉิงเดินเข้ามาพร้อมกับพวกคุณชายสองสามคนที่อยู่ด้านประตู หัวเราะและนั่งลง
ในขณะเดียวกัน หยุนฉิงยังโบกมือทักทายกับเฉินเกอ
“เฉิงเอ๋อร์ พวกเธอนั่งลงก่อน อย่าเพิ่งขัดจังหวะ พี่หยุนเฟยกำลังบอกความลับกับเรา!”
“ความลับอะไร?”
“นั่นก็คือบ่ายวันนี้ เกิดเรื่องบางอย่างหนึ่ง หยุนหล้าง น้องชายที่ไม่เอาไหนของฉัน เกิดเรื่องขึ้นแล้ว และพวกเธอรู้จักอาจารย์โม่ไหม?
หยุนเฟยพูดขึ้น
“รู้จักแน่นอน!”
“อาจารย์โม่และน้องชายของฉัน ถูกคนหามกลับมา พวกเขาได้เข้ามาทางประตูหลัง ตอนนั้นฉันกำลังคิดที่จะวิ่งออกไปเล่นทางประตูหลังพอดี เลยเห็นเข้าโดยบังเอิญ!”
ตระกูลหยุนรู้หมดเลยว่า ความสัมพันธ์ของหยุนเฟยและหยุนหล้างไม่ดีนัก
เนื่องจากหยุนหล้างเป็นลูกชายคนเดียว ลูกชายทายาทหนึ่งเดียว หยุนหลินเลยรักเอาใจเขามากเป็นพิเศษ จนละเลยหยุนเฟย
“ให้ตายเถอะ หยุนหล้างได้รับบาดเจ็บได้ยังไง และความสามารถของอาจารย์โม่ เราทุกคนก็เคยเห็น ในเกาะโม่เต่า ใครจะรับมือเขาได้”
ทุกคนต่างรู้สึกเหลือเชื่อ แม้แต่ชายหนุ่มหลายคน ก็ถามด้วยความตกตะลึง
“เรื่องนี้ก็ไม่รู้แล้ว แต่ได้ฟังคุณพ่อคุยกับพวกคนรับใช้ เหบทที่ 582 เซ่งจู้น้อย
“คุณชายเฉิน?”
หญิงสาวทั้งหลายต่างประหลาดใจ
“ชื่อนี้ดูเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน แต่ก็จำไม่ได้จริงๆ!”
“ฮึ่ม! ฉันได้ไปค้นหาโดยเฉพาะ พูดออกมา พวกเธอตกตะลึงเกือบตาย!”
หยุนเฟยพูดขึ้น
“เป็นยังไง?”
“ฉันได้ยินคนพูดว่า คุณชายเฉินคนนี้ มีที่มาที่ยิ่งใหญ่มาก ทรัพย์สินที่มี เหนือจินตนาการของคนธรรมดาเลยจริงๆ พูดสั้นๆก็คือ เธอสามารถขอเงินเท่าไหร่ เขาก็สามารถให้เงินเธอเท่านั้นในทันที!”
หยุนเฟย พูดด้วยแววตาอิจฉา
“จริงๆเหรอ? ยังมีคุณชายไฮโซแบบนี้ด้วย?”
พวกผู้ชายก็พูดด้วยความอิจฉาและเกลียดชังในทันที
“แน่นอนอยู่แล้ว! ไม่เพียงแต่ร่ำรวย คุณชายเฉินท่านนี้ ยังมีความสามารถยิ่งนัก ไม่ใช่คุณชายเสเพลของตระกูลอย่างพวกนาย ที่สามารถเทียบเท่าได้!”
หยุนเฟยอดไม่ได้ที่จะมองไปทางน้องชายทั้งหลาย ส่ายหัวเบาๆ
“เทียบไม่ได้ก็เทียบไม่ได้ เราก็ไม่กล้าเทียบกับเขา!” พวกชายหนุ่มก้มหน้าลง
“ที่จริงฉันกลับรู้สึกว่า คนคนหนึ่งต่อให้จะมีเงินมากมาย เขาก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวลใดๆโดยสิ้นเชิง ตราบใดที่เป็นคน ไม่ว่าเขาจะมีเงินหรือไม่มีเงิน ก็จะมีความกังวลทั้งนั้น บางทีคุณชายเฉินท่านนั้น ก็มีความกังวลที่คนธรรมดาอย่างพวกเราไม่มี พวกนายก็ไม่ต้องรู้สึกละอายใจ!”
หยุนฉิง ยิ้มอย่างอ่อนหวานในขณะนี้
คำพูดของเธอ ดูเหมือนจะสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจตลอดเวลา ดุจดั่งอาบสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ดีขึ้นมากในทันที
ส่วนเฉินเกอมองไปที่หยุนฉิง ก็ยิ่งดูยิ่งรู้สึกชอบ เคยเห็นผู้หญิงอย่างหยางเสว่และจ้าวยีฟานจนชิน อย่างหยุนฉิงแบบนี้ หายากในโลกแล้วจริงๆ
ใช่เลย ต่อให้คุณมีทรัพย์สินของครึ่งหนึ่งในโลก แล้วสามารถเป็นยังไงได้?
ก็ยังเหมือนกัน คุณไม่สามารถเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง เปลี่ยนโชคชะตาของตระกูลได้ แม้แต่ผู้หญิงที่ตัวเองรัก ก็ไม่สามารถปกป้องได้
ตราบใดที่ยังเป็นคน ก็จะมีความกังวล!
เฉินเกอกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดนี้ ก็เลยทำให้ใจลอย
ในตอนที่รินชาให้หยุนเฟย น้ำชาก็ล้นออกมาอย่างไม่ทันระวัง หกลงบนเสื้อผ้าของหยุนเฟยทั้งหมด
“อ๊ะ! ไอ้สารเลวๆ!”
หยุนเฟยถูกลวกจนลุกขึ้นยืนทันที ราวกับสุนัขจิ้งจอกที่โดนเหยียบหาง
“ไอ้สารเลว นายตาบอดหรือไง?”
หยุนเฟยจ้องมองไปที่เฉินเกอ ตะคอกอย่างโกรธแค้น
และเป็นเพราะเสียงตะคอกนี้ ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากในที่งาน
และหยุนเฟย ยิ่งอารมณ์ขึ้น ยกฝ่ามือขึ้นกำลังจะตบหน้าเฉินเกอ
ในสายตาของเธอ ผู้ชายคนนี้ เป็นเพียงคนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้ กล้าที่จะล่วงเกินตัวเองต่อหน้าผู้คน อารมณ์ฉุนเฉียวของหยุนเฟยขึ้นมาแล้ว ก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ!
แต่เมื่อฝ่ามือของหยุนเฟยหยุดห่างจากใบหน้าของเฉินเกอครึ่งเซนติเมตร ทันใดนั้น ก็มีพลังอย่างหนึ่งส่งเข้ามา เจ็บปวดดั่งเช่นโดนเข็มทิ่มแทง ผ่านทะลุฝ่ามือของตัวเอง
ทันใดนั้น ฝ่ามือของหยุนเฟยก็เลือดไหลไม่หยุด
ราวกับโดนตีใส่กระบองเพชร
“เจ็บมาก! เจ็บมาก! มือของฉัน!”
หยุนเฟยกุมฝ่ามือของตัวเองไว้ แล้วเริ่มร้องไห้
“ไอ้หมอนี่ นายกล้าเอาเข็มแทงพี่หยุนเฟยของเรา นายหาที่ตาย!”
พวกผู้ชายก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นึกว่าเฉินเกอลอบทำร้าย เลยโมโหในทันที
ยังจะลงไม้ลงมือ
“หยุดนะ พวกนายทำอะไรอยู่!”
ทันใดนั้นเอง เสียงที่มีความตื่นตระหนกและโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้น ตะโกนห้ามปรามพวกคนที่กำลังจะลงไม้ลงมือในทันที
และฝูงชนในงานก็เงียบลงในทันทีเช่นกัน
เพราะว่า คนคนนี้ก็คือหยุนหลิน หัวหน้าของตระกูลหยุน
หยุนหลิน เห็นเฉินเกอที่ยืนมือไขว้หลัง ท่าทีเรียบเฉย
สีหน้าขาวซีด รีบวิ่งพุ่งเข้าไปอย่างร้อนรน
“เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!”
ตบหน้าสามครั้งที่เสียงดังฟังชัดย่างต่อเนื่อง
ตบจนสายหนุ่มทั้งสายเกือบล้มทั้งยืน
“พ่อ พ่อทำอะไร พวกเขาทั้งสามแค่แก้แค้นให้ฉันเท่านั้น พ่อดูไอ้หมารับใช้นี่ ทำให้มือของฉันถลอกแล้ว!”
หยุนเฟยได้เห็นน้องชายลูกพี่ลูกน้องทั้งสามโดนตี โกรธจนกระทืบเท้า
“เพี้ยะ!”
และหยุนหลินก็พลิกมือตบหน้าหยุนเฟยอีกครั้ง
“ช่างกล้านัก! หมารับใช้อะไรกัน ฉันว่าพวกแก จะตายยังไงก็คงไม่รู้ตัว!”
ปากของ หยุนหลิน สั่นกระตุก
หยุนเฟยโดนตบจนร้องไห้
“พ่อ เพราะอะไร? ไอ้หมารับใช้นี่ทำร้ายฉัน!”
หยุนเฟยพูดอย่างไม่พอใจ
“เพี๊ยะ!”
เป็นการตบหน้าที่ดังก้องอีกครั้ง “ตัวสารเลว ยังกล้าพูดจาโอหังยังไม่รีบขอโทษคุณชายเฉิน!”
หยุนหล้างตักเตือนอย่างโหดเหี้ยม
จากนั้นก็มองไปที่เฉินเกอ โค้งคำนับด้วยความเคารพ “คุณชายเฉิน ลูกสาวเบาปัญญา เกือบจะล่วงเกินคุณชายเฉิน หวังว่าจะให้อภัย!”
“ห๊า?”
หยุนเฟยไม่คาดคิดว่า คุณพ่อถึงกับโค้งคำนับให้คนรับใช้คนนี้
และพวกหนุ่มสาวก็ล้วนตกตะลึงหมด
มองฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อ
“เห็นแก่หน้าของน้องเฉิงเอ๋อร์ คนนี้ ฉันไม่ถือสากับพวกเขาหรอก แต่เตือนลูกสาวของคุณหน่อย ต่อไป อย่าตบหน้าคนอื่นง่ายๆ!”
เฉินเกอพูดอย่างเย็นชา
มองไปที่หยุนเฟย
หยุนเฟยหน้าแดงทันที “คุณ……คุณคือคุณชายเฉิน? คุณชายเฉินผู้ลึกลับ ที่มาจากเมืองหนานหยาง?”
เธอกลืนน้ำลายเข้า
เป็นดั่งเทพเจ้ามหาเศรษฐีในตำนาน ก็คือเขา?”
“ยัยตัวดี โชคดีที่คุณชายเฉินไม่ถือสากับแก พวกแกทั้งหลาย ยังไม่รีบขอโทษคุณชายเฉิน!”
หยุนหลินรีบพูดขึ้น
คนอื่นบอกเพียงว่าเฉินเกอเป็นคุณชายมหาเศรษฐี แต่ว่า ความสยองของเขา มีเพียงผู้ที่เคยประสบด้วยตัวเองเท่านั้น ที่จะเข้าใจ!
“ขอ……ขอโทษค่ะ!”
แม้ว่าจะรู้สึกไม่น่าเชื่อ แต่หยุนเฟย ดูจากท่าทีของพ่อ ก็รู้ว่าท่านนี้เป็นตัวจริง ในขณะนี้ หยุนเฟยหน้าแดง ก้มหน้าลง แล้วขอโทษเฉินเกอ
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาคู่สวยอดไม่ได้ที่จะกลอกลูกตาไปมา แอบสังเกตสีหน้าของเฉินเกอที่มองดูตัวเอง
บางที ความขัดแย้งในครั้งนี้ อาจสามารถจุดประกายแห่งความรักกับคุณชายเฉิน ผู้มีทรัพย์สมบัติมากมายนับไม่ถ้วน
แต่เธอคิดผิดแล้ว เฉินเกอไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ!
ก็ได้หันสายตาไปที่อื่น ซึ่งทำให้หยุนเฟย ผิดหวังยิ่งนัก
ส่วนพวกคนที่เหลือ ยิ่งไม่กล้าออกเสียง
มีเพียงหยุนฉิง เท่านั้น ที่กะพริบดวงตาที่กลมโต มองไปที่เฉินเกอด้วยความสงสัย
ในขณะนี้เอง ผู้คนด้านนอก ก็ส่งเสียงดังโวยวายกะทันหัน
ความสนใจของเฉินเกอและหยุนหลิน ก็หันไปด้านนอกทันที
ก็ได้เห็นว่า กำลังมีกลุ่มคนสามสิบสองคน ที่สวมชุดแปลกประหลาด แบกเกี้ยวไว้ กำลังเดินมาทางนี้
เกี้ยวใหญ่มาก
ราวกับห้องนั่งเล่นห้องหนึ่ง
ด้านบนมีเก้าอี้ตัวใหญ่วางไว้ บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำนั่งอยู่อย่างสง่า
ด้านข้างเกี้ยว ยังมีผู้อาวุโสสองท่านตามมา
ขณะที่พวกเขาเดินมาตามทาง ผู้คนบนถนน ต่างก็โค้งคำนับให้กับพวกเขา
ขบวนแบบนี้ เฉินเกอได้เห็นเป็นครั้งแรก นี่ดูมีอำนาจยิ่งกว่าการเดินทางของจักรพรรดิในสมัยโบราณ มีถึงสามสิบหกคนแบกเกี้ยว
“เขาก็คือเซ่งจู้น้อย?”
เฉินเกอพูดอย่างเย็นชา
“ใช่ครับ คุณชายเฉิน!”
หยุนหลินเช็ดเหงื่อแตกตรงหน้าผาก ตอนนี้เขาอึดอัดมากที่สุด
แทรกกลางระหว่างเทพแห่งความตายทั้งสอง หากไม่ระวังเพียงนิดเดียว ก็จะถูกกวาดล้างทั้งตระกูล เขาไม่กล้าล่วงเกินใครทั้งนั้น
ในขณะนี้ โค้งคำนับให้กับเซ่งจู้น้อย พร้อมตอบคำถามของเฉินเกอด้วยความเคารพ
ส่วนคนที่เหลือ ต่างก็โค้งคำนับต้อนรับเซ่งจู้น้อย พูดให้ชัดก็คือ ก้มหน้าลง 45 องศา
ชายอาวุโสสองคนข้างเกี้ยวทั้งสองฝั่ง เมื่อเห็นการกระทำของทุกคน ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
แต่ว่า ตอนที่พวกเขามองไปทางด้านเฉินเกอ
คิ้วก็ขมวดพร้อมเพรียงกัน โดยไม่ได้นัดหมาย
เพราะเฉินเกอก็กำลังมองพวกเขาอย่างเย็นชา พร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋าไว้….มือนจะพูดถึงคุณชายเฉิน คุณชายเฉินท่านนั้น ดูเหมือนจะมีที่มาที่ยิ่งใหญ่มาก!”
หยุนเฟยพูดด้วยเสียงต่ำ