ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 622
บทที่ 622 เขาคือตัวช่วย
“ฉันเข้าใจนาสยนะ แล้วฉันยังจะเอาอารมณ์ไหนไปเที่ยวผู้หญิงอีก แต่ครั้งนี้ที่ฉันมานั้น เพียงแค่อยากให้ผู้หญิงคนนี้ช่วยฉันด้วยความเต็มใจเท่านั้นเอง”
เฉินเกอพูดพร้อมกับส่ายหน้า
และก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเลือดจุดจื้อหยินด้วย เพราะไม่อยากให้ไป๋เสี่ยวเฟยรู้สึกเป็นห่วงแทนตัวเอง
เขาและหยงหาวช่วยตัวเองมาก็มากแล้ว ตอนนี้ สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้นมากแล้ว เฉินเกอจึงไม่อยากให้พวกเขาเข้ามายุ่งกับเรื่องที่ไม่ดี ๆ ของตัวเองอีก
จึงได้แค่เล่าภาพรวม ๆ ให้กับ เสี่ยวเฟยฟัง
“ฮ่า ๆ ๆ ที่จริงมันเป็นแบบนี้หรอกหรือครับ เรื่องนี้ไม่ยากครับ พี่ไม่รู้หรอ เรื่องการตามจีบผู้หญิงนี้ ผมนี่ชำนาญนัก”
ไป๋เสี่ยวเฟยพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ
เฉินเกอนิ่งไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ตามจีบ แค่เพียงต้องการอยากจะให้เธอช่วยฉันด้วยความเต็มใจ”
“ผมเข้าใจครับ มันก็เหมือน ๆ กับการตามจีบนั่นแหละ”
“ดีเลย ที่เจอกับนาย ฉันรู้ว่านายมีลูกเล่นเยอะ ช่วยฉันคิดหาวิธีหน่อยสิ ฉันเองค่อนข้างที่จะรีบ ตอนนี้เธอกำลังเข้าใจผิดอีกด้วย ฉันเองเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี”
เฉินเกอเองก็ถึงคราวที่ตัวเองนั้นแก้ไขปัญหาไม่ได้เหมือนกัน
การเที่ยวผู้หญิง สำหรับเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะถนัด และสามารถทำได้
สมัยเรียน เมื่อครั้งก่อนนั้น เฉินเกอเป็นเพียงนักเรียนที่ดูซื่อ ๆ และดูมีปมด้อยคนหนึ่ง เมื่อทุกครั้งที่ได้พูดกับเพื่อนนักเรียนผู้หญิง หน้าก็จะแดงทันที
และต่อมา เลยได้คบหากับหยางเสว่โดยบุพเพที่บังเอิญ
ดังนั้น ตอนนี้จึงทำให้เฉินเกอไม่มีประสบการณ์ใด ๆ ที่เกี่ยวกับความรัก ที่จะทำให้ผู้หญิงอย่างเฉินหนานไว้เนื้อเชื่อใจได้ และเรื่องนี้จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขามาก
“นี่มันไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่ว่านะครับพี่ ตอนนี้ผมเองก็เจอเข้ากับปัญหาที่แก้ยากอยู่เหมือนกันครับ เพราะภารกิจในตอนนี้นั้น คือต้องตามจับหมอนั่น แต่ดูเหมือนว่าเขานั้น จะจับยากยิ่งกว่าปลาไหล ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหน เขาก็หนีรอดไปได้ทุกครั้ง”
“และ ตอนนี้พวกเราได้ล้อมกำลังไว้ในจินหลิงแล้ว แต่ก็ยังจับเขาไม่ได้อยู่ดี”
ไป๋เสี่ยวเฟยพูดขึ้นพร้อมกับอาการหมดหวัง
เขานั้น มีความรู้สึกที่จริงใจกับเฉินเกอ
ซึ่งเฉินเกอเอง ก็ไม่ได้สงสัยอะไรแต่อย่างใด
ตอนนี้ ก็พอจะมองออกว่า ไป๋เสี่ยวเฟยนั้น ถูกโจรนั่นปั่นหัวเอาจนแทบหมดปัญญา
จากนั้น เลยพูดขึ้นว่า “เมื่อสักครู่ ฉันเห็นฝีมือนายก็ดีอยู่นะ โจรมันเป็นใครหรอ ทำไมจับไม่ได้สักที แถมยังหลบหนีการจับกุมได้ทุกครั้งอีก”
เมื่อพูดอย่างนี้ออกมา ไป๋เสี่ยวเฟยก็มีสีหน้าที่เขินอาย และแดงขึ้นมา
ฝีมือดีที่ไหนกัน เมื่อสักครู่ที่เจอกับพี่นั้น ยังรับมือพี่ไม่ได้เลย
และในตอนนั้นเสี่ยวเฟยได้พูดขึ้น
พูดถึงเรื่องนี้ ไอนี่มันเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นโจรบ้ากาม มีคดีมาแล้วไม่น้อย เนื่องจากคนที่ตามจับเขานั้นคนไม่พอ ย้ายพวกเรามาช่วยทางนี้ด้วยแล้ว
“ที่จริงแล้ว หาตัวเขาเจอนั้นมันไม่ยากหรอก แต่ยากตรงที่จับตัวเขานี่แหละ และแผนในการจับเขาตอนนี้คือ วางร่างแหไว้ จากนั้น ค่อยต้อนเขาเข้าแห”
“ได้ เพียงแค่บอกที่อยู่ของเขามา ส่วนเรื่องนี้ ฉันจัดการให้ เดี๋ยวฉันจะช่วยนายจับเขาเอง”
เมื่อหลังจากที่เฉินเกอได้ฟังแล้ว ก็เลยได้พูดขึ้น
“เชี่ย จริงหรอ พี่จะยอมช่วยหรอครับ”
ไป๋เสี่ยวเฟยพูดขึ้นด้วยอาการดีใจ
“ก็แค่ช่วยจับโจร นี่มันเป็นการตอบแทนสังคมนะ ฉันจะนิ่งดูดายได้อย่างไรกัน”
เฉินเกอพูดพร้อมรอยยิ้ม
และในเวลานี้
วิทยุสื่อสารของไป๋เสี่ยวเฟยก็ดังขึ้น
มีข่าวรายงานมา
“หมายเลขหนึ่ง หมายเลขหนึ่ง ตอนนี้เจอเบาะแสของหวางเหมิงแล้ว เขาอยู่ที่ถนนสายหลัก จินหลิง หยวนเป่ย ตอนนี้เขาได้จับผู้หญิงสองคนไว้ แล้วยังขโมยรถ และได้ขับไปทางถนนหนานเจีย และข้างบนก็ได้สั่งมาว่า ให้พวกนายรีบนำกำลังไปช่วยสกัดจับที่ถนนหนานเจีย ทราบแล้วเปลี่ยน”
“รับทราบครับ”
เมื่อได้ฟังดังนั้นแล้ว ไป๋เสี่ยวเฟยและเพื่อนอีกสองคนจึงได้รีบลุกขึ้น
“พี่เฉิน ตอนนี้เจอตัวเขาแล้ว”
“ดี งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
ในเมื่อเบาะแสของเฉินหนานได้หาเจอแล้ว เฉินเกอเอง ก็ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะหนีไปอีก
และตัวเองก็ต้องการให้เฉินหนานนั้น ให้อภัยแก่ตัวเองภายในเวลาอันสั้นด้วย แล้วก็มอบเลือดจุดจื้อหยินหยดหนึ่งให้ตัวเองด้วย
คงไม่ต้องพูดไปไกลหรอก เป็นความคิดของเสี่ยวเฟยล้วน ๆ
แน่นอนว่า ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องนี้หรอกนะ ที่ทำให้เฉินเกอนั้น ยอมที่จะช่วยเสี่ยวเฟย
แต่เมื่อเห็นพ้องเพื่อนมีทุกข์ เฉินเกอเองไหนจะทนดูได้ จึงต้องช่วยเหลือกันเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้
แผนการวางร่างแหก็เป็นอย่างนี้
เมื่อหลังจาก ที่พยายามทำให้โจรเข้าใกล้ร่างแหให้มากที่สุดแล้ว
จากนั้นก็รีบกระตุกร่างแห
และจุดที่จะเผด็จศึกครั้งนี้ ก็คือถนนหนานเจีย
เสี่ยวเฟยขับรถไปด้วยความเร็ว และใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นก็ถึงยังถนนหนานเจีย
ในขณะเดียวกันนั้น รถและคนจำนวนมาก ต่างมุ่งไปยังถนนหนานเจีย
เพราะว่าที่ถนนหนานเจียนั้น มีกำลังเพียงห้านาย ซึ่งดูเหมือนจะไม่พอ
“เป็นอย่างไรบ้าง”
หลังจากที่ลงจากรถแล้ว ไป๋เสี่ยวเฟยก็ได้ไปรวมกับพวกเขา
“ตอนนี้รู้แล้วว่าตำแหน่งของหวางเหมิงอยู่ที่ไหน เดี๋ยวอีกสักพัก เขาคงจะมาถึงยังถนนหนานเจีย พวกเราคอยสกัดจับเข้าอยู่ที่นี่แหละ ทำไมมาเพียงแค่สามคนล่ะ ไม่ใช่นายบอกว่า จะมียอดฝีมือมาช่วยหรอกเหรอ”
หัวหน้าที่เป็นผู้หญิงรูปร่างสูง ได้พูดขึ้น
เธอมองที่ไป๋เสี่ยวเฟยและก็ได้ถามขึ้น
และเฉินเกอ ในเวลานี้ก็ได้เดินลงมาจากรถ เมื่อครู่ ตอนที่เขาอยู่บนรถนั้น เขากำลังสำรวจสภาพแวดล้อมอยู่
หากถ้าต้องการสกัดจับเขา ต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมให้ดี เดี๋ยวโจรบ้ากามมันจะมีทางไปทางอื่นอีก
ถึงแม้ว่าเฉินเกอจะฝีมือดี และก็ยังมีความมั่นใจสูงแล้วด้วยนั้น
แต่ว่า จากที่เสี่ยวเฟยได้บอกไว้นั้น โจรคนนี้ค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์
เฉินเกอเอง เลยไม่กล้าที่จะชะล่าใจเท่าไร โดยเฉพาะกับเรื่องที่จะช่วยเพื่อนด้วยแล้ว ยิ่งต้องใส่ใจให้มาก ๆ
อีกอย่าง ตอนนี้ตัวเองก็ไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ ไม่อย่างนั้น ต่อให้โจรคนนั้นหนีไปไกล ๆ หลาย ๆ กิโลเมตร ตัวเองก็จะตามทันภายในเวลาไม่นาน
เมื่อทำการสำรวจเรียบร้อยแล้วนั้น เฉินเกอก็ได้เดินลงมา
“เฉินเกอ เป็นนายได้ยังไง”
เพียงแค่เห็นเฉินเกอลงจากรถ ยืนอยู่ข้างๆผู้หญิงที่ชื่อไป๋เสี่ยวเฟย อดไม่ได้ที่จะแปลกประหลาดใจสุดขีด
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีวัยรุ่นคนหนึ่ง นัยน์ตาทั้งสองลุกเป็นไฟเดินมาที่ข้างๆผู้หญิงคนนั้น
“หูฮุ่ยหมิน และเฉินจุนเหวินหรอ”
เฉินเกอมองไปยังพวกเธอ พร้อมกับคิดในใจ
โลกนี้ ทำไมเล็กอย่างนี้
ยังจำได้ว่า ครั้งล่าสุดที่เจอกัน ก็คือเมื่อ หนึ่งปีกว่า ๆ ที่แล้ว ซึ่งตัวเองได้ปลอมตัวเป็นอะซานเมื่อตอนที่ไปจัดการกับตระกูลซือถู
และภารกิจของหูฮุ่ยหมินกับเฉินจุนเหวินในตอนนั้นคือ ตรวจสอบคดีต่าง ๆ ที่ตระกูลซือถูได้กระทำไว้
ในตอนนั้น เมื่อหลังจาก ที่ตัวเองได้ช่วยคนเรียบร้อยแล้ว
ก็ได้จุดไฟเผาตระกูลซือถูทิ้งไป
ในขณะเดียวกันนั้น ก็ได้แสดงหลักฐานความผิดเอาไว้ จากนั้น เฉินเกอก็นำผลงาน ความดีความชอบมอบให้แก่หูฮุ่ยหมิน
และก็ยังได้ติดประกาศที่หูฮุ่ยหมินเป็นคนเขียนเองเอาไว้ด้วย
ถือว่าเป็นการช่วยเพื่อนแล้วกัน
หลังจากนั้น ก็ไม่ได้เจอกันเลย ส่วนหูฮุ่ยหมินต่อมาเป็นอย่างไร เฉินเกอเองก็ไม่ได้ติดตามข่าวคราวเลย
และคิดไม่ถึงว่า เธอจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นด้วย
ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กับเขา ก็คือเฉินจุนเหวิน
ทั้งสองคนต่างรู้สถานะของเฉินเกอ โดยเฉพาะเฉินจุนเหวิน ที่หน้าแตกกว่าใคร ๆ
ในเวลานี้ได้เจอกับเฉินเกอนั้น จึงรู้สึกละอายกับสิ่งที่ได้ทำไปเมื่อครั้งก่อน ตอนที่ยังเป็นเด็กนักเรียน
“เฉินเกอ ไม่เจอกันนานเลย หลังจากที่ฉันได้กลับมา ถึงได้ยินว่านายออกจากบ้านนายมาแล้ว หลังจากนั้น ก็เกิดเรื่องร้าย ๆ เข้า คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ นายจะยังปลอดภัยดี”
หูฮุ่ยหมินมองที่เฉินเกอแล้วพูดขึ้นด้วยอาการแปลกใจ
แต่เพียงแค่ ไม่ได้รู้สึกตกใจ เหมือนกับตอนที่รู้สถานะที่แท้จริงของเฉินเกอ
แล้วก็ได้พูดขึ้น ด้วยสถานะที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านาย ว่า
“ตอนนี้ นายทำงานอะไรหรอ”
“ไม่ได้ทำงานหรอก แค่กลับมาทำธุระนิดหน่อย เลยถือโอกาสช่วยเสี่ยวเฟยด้วยเลย”
เฉินเกอมองไปยังเธอแล้วพูดขึ้น
“ช่วยหรอ”
ในขณะนั้นทำเอาหูฮุ่ยหมินและเฉินจุนเหวินถึงกลับมีอาการตกใจ
จากนั้น ก็ได้มองไปยังไป๋เสี่ยวเฟย แล้วพูดขึ้นว่า “เขา ไม่ใช่ว่า เป็นคนที่นายเรียกให้มาช่วยหรอกมั้ง”