ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 624
บทที่ 624 เหนือมนุษย์
จริง ๆ นะ หากไม่ใช่ว่าเห็นกับตา ใครก็ไม่มีทางที่จะเชื่อว่า มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ
คนปกติ จะมีพลังงานที่จะสามารถดึงบานประตูรถยนต์ออกได้ที่ไหนกัน และเป็นรถที่กำลังขับด้วยความเร็วอย่างบ้าระห่ำ
แล้วคนอย่างนี้ จะต้องมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหน ถึงจะสามารถจัดการเขาได้
บนโลกนี้ ไม่มีใครทำได้หรอก
หูฮุ่ยหมินยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่เมื่อก่อนเคยอ่อนแอ ๆ คนนั้น และในแต่ละวัน คิดหาแต่วิธีหาเงินเพื่อซื้อข้าวกิน ในช่วงสมัยมัธยมปลายนั้น วันนี้ จะกลายเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคุณชายก็เถอะ
แต่ว่า ฝีมือเขานั้น ดั่งกับเทพ
ในเวลานี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินจุนเหวินเลย
เขานั่งข้าง ๆ หูฮุ่ยหมิน เหตุการณ์เมื่อสักครู่เขาได้เห็นหมดแล้ว
โดยเฉพาะสายตาของหูฮุ่ยหมินที่มองเฉินเกอในตอนนี้นั้น ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ราวกับว่า เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ยังไม่เคยมีความรักมาก่อน ในแต่ละวัน เธอนั้นใฝ่ฝันอยากจะเจอกับชายที่เป็นดั่งวีรบุรุษ และวัยรุ่นหญิงแรกแย้มทุกคนนั้น ต่างก็มีความคิดแบบนี้ อยากจะเจอกับชายในอุดมคติของตัวเอง
และตอนนี้ เฉินจุนเหวินก็รับรู้ได้ จากสายตาของเธอที่มองยังเฉินเกอ ว่าในที่สุดเธอก็เจอกับชายในอดุมคติแล้ว
เมื่อก่อนเฉินจุนเหวินคิดว่า ชายในอุดมคติของหูฮุ่ยหมินคือตัวเอง
โดยแก่นแท้แล้ว ตัวเองก็ได้รับรางวัลชนะเลิศจากเทควันโด้
ก็ใช่
ความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ ตอนนี้ในใจของเฉินจุนเหวินนั้น กำลังแผดเผา
อีกอย่างในเวลานี้ เฉินเกอสามารถยกหวางเหมิงที่มีสภาพเละเหมือนโจ๊กขึ้นได้ด้วยมือข้างเดียว
และปัญหาอันตรายนี้ก็ได้ถูกจัดการละแก้ไขแล้ว โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
เพียงแค่ว่า เป็นเพราะที่เกิดเหตุนั้น อยู่ใกล้กับโรงเรียนอนุบาล ผู้ปกครองที่มารับเด็กก็มีจำนวนมาก
และตอนนี้ก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว
จึงทำให้คนที่อยู่ ณ ที่เกิดเหตุนั้น มีจำนวนมากไปด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจำเป็นต้องใช้แล็คซีนกั้นเขตเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้นหรอ”
“พ่อครับ เรื่องอะไรหรอครับ”
เด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ เขย่าแขนของพ่อตัวเอง พร้อมมกับได้ถามขึ้น
และก็มีผู้ปกครองบางรายได้ถามขึ้นเช่นกัน
“แล้วจะเป็นเรื่องอะไรได้ล่ะ ก็คือโจรบ้ากามอย่างหวางเหมิงผู้ที่องอาจทำเรื่องผิดกฎหมายมากกว่าสิบคดีในจินหลิง ตอนนี้ติดกับแล้ว โดยถูกชายหนุ่มคนหนึ่งจับเอาไว้ได้”
“โอ้ว พวกคุณเห็นไหมว่าหนุ่มคนนั้น จับโจรได้ยังไง เหมือนกับยอดมนุษย์ยังไงยังงั้น”
ผู้ปกครองชาย พูดขึ้นด้วยอาการตื่นเต้นจนตัวสั่น เพราะอยากจะบอกกับทุกคนในโลกว่า เหตุการณ์ที่เขาได้เห็นเมื่อสักครู่ เป็นเหตุการณ์ที่น่าระทึกขวัญมาก และก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นบนโลกนี้
ส่วนผู้ปกครองหญิง ในเวลานี้แม้กระทั่งลูก ๆ ก็ไม่ห่วงแล้ว รีบวิ่งเข้ามาถ่ายคลิปวีดีโอเฉินเกอเพียงอย่างเดียว
“ยอดมนุษย์”
“ยอดมนุษย์”
เด็ก ๆ ต่างก็ตะโกนร้องเรียกเฉินเกอ
“ทำได้ดีมาก”
และก็มีผู้ปกครองบางคน ที่กล่าวชมเขาที่สามารถจับโจรชั่วได้
ผู้คนเหล่านั้น ต่างก็ยกย่องเฉินเกอ
หวางเหมิงถูกเฉินเกอโยนลงกับพื้น ส่วนไป๋เสี่ยวเฟยจึงรีบเข้าไปจับเขาไว้ในทันที
“ผีหลอก วันนี้ฉันโดนผีหลอกแล้ว”
อาการตกใจของหวางเหมิงเหมือนจะยังไม่ดีขึ้น ในขณะที่ถูกจับขึ้นรถคุมคังไป ก็มองยังเฉินเกอแล้วก็พูดไม่หยุด
“พี่เฉิน สุดยอดเลย พี่ไม่รู้หรอกว่า เมื่อครู่ที่ตามพี่มานั้น ใจของผมเต้นแทบจะกระเด็นออกมา”
ไป๋เสี่ยวเฟยมองเฉินเกออย่างชื่นชม
เมื่อเฉินจุนเหวินเห็นว่าหูฮุ่ยหมินอยากจะเข้าไปพูดอะไรกับเฉินเกอ เธอก็ดูมีอาการและสีหน้าที่เขินอายทันที
จากนั้น เลยพูดขึ้นด้วยอาการหึงว่า
“โอเค ในเมื่อโจรก็จับได้แล้ว พวกเราก็ควรเก็บกำลังกลับได้แล้ว หูฮุ่ยหมิน เธอกลับขึ้นรถไปก่อน”
เฉินจุนเหวินได้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้น
แต่ว่า หูฮุ่ยหมินดูเหมือนจะไม่ได้ยิน
จากนั้น เธอก็ได้เดินเข้าไปหาเฉินเกอ
“เฉินเกอ นาย นายไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม เมื่อครู่นี้ มันอันตรายมากเลยนะ”
หูฮุ่ยหมินพูด
“ไม่นะ”
เฉินเกอตอบกลับด้วยอาการนิ่ง ๆ
หูฮุ่ยหมินอยากจะพูดแสดงความเป็นห่วงหน่อย แต่ก็พูดไม่ออก และก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
อีกอย่างเมื่อสักครู่นี้ ตัวเองก็ได้พูดดูถูกเฉินเกอไว้มาก เพราะคิดว่า เขาจะมาสร้างความวุ่นวาย
หากจะพูดไปแล้ว จากที่ได้รู้จักกันจนถึงตอนนี้ คือตั้งแต่ช่วงสมัยมัธยมปลายและการได้เจอกันที่ร้านเหล้า หรือไม่ว่าจะเป็นเจอกันที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ก็ได้รู้สถานะที่แท้จริงของเฉินเกอแล้ว
ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ หูฮุ่ยหมินก็ยังคงคอยพูดจา ถางถางและดูถูกเขามาโดยตลอด
และ จนกระทั่งวันนี้ ก็มีเฉินเกอ คนที่ตัวเองไม่เคยรู้จักมาก่อน มายืนอยู่ต่อหน้า
หูฮุ่ยหมินใจเต้นรัว ๆ
แถมเธอยังมีความรู้สึกที่ปลาบปลื้มเฉินเกอด้วย และจิตใจข้างในก็ศิโรราบโดยดี
ต่อหน้าหูฮุ่ยหมินนั้น เฉินเกอเองก็ไม่อยากจะโอ้อวดสักเท่าไร เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากจะได้เกียรติหรือความภาคภูมิใจจากเธอนัก
ในเวลานี้ เหมือนกับว่า เขาคิดอะไรขึ้นได้
หันหลังกลับไป มองยังไปผู้หญิงสองคนที่กำลังติดอยู่ในรถ
เพราะตอนที่เขาอยู่บนหลังคาของรถนั้น เฉินเกอได้ยินเสียงร้องอย่างทรมานของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
และก็ไม่ใช่ใครอื่น ซึ่งก็เป็นเหยาหยวนหยวนและเฉินหนานนั่นเอง
โดยเฉพาะ ในเวลานี้ เขาจึงมีความรู้สึกแปลก ๆ ชอบกล ๆ
จึงทำให้เฉินเกอรีบวิ่งเข้าไปดูในรถ
การกระแทกเมื่อครู่
ในเวลานี้ เหยาหยวนหยวนและเฉินหนาน ต่างก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้น แหลกไปแล้ว
ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สองคน อีกอย่างก็ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยด้วย จึงทำให้เธอทั้งสองคนกระเด็นลอยไปข้างหน้า ถึงแม้ว่าจะชนเข้ากับที่นั่งในรถก็เถอะ
แต่ว่า แรงกระแทกขนาดนี้ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสองคน ไหนจะสามารถทนได้
ในเวลานี้ เหยาหยวนหยวนนั้น ส่งเสียงร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมา เธอแทบจะไม่เหลือคาบของผู้หญิงที่ดูสวยและสงบเสงี่ยมเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรแล้วนะ พวกเธอออกมาก่อนนะ”
เฉินเกอเดินเข้าไปที่เข้า มองที่เธอทั้งสองแล้วก็ได้พูดขึ้น
นี่มันช่างบังเอิญจริง ๆ
“ขอบใจนายมากนะ”
เฉินหนานกอดที่ไหล่ตัวเองไว้ จากนั้น ก็สาง ผมของตัวเอง แล้วมองไปยังเฉินเกอแล้วพร้อมพูดขึ้น
ไม่มีอะไรที่สามารถปรับปรุงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนให้ดีขึ้นมากกว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้ว
สำหรับเฉินหนาน เมื่อก่อนเธอเองรู้สึกเกลียดเฉินเกอ แต่ตอนนี้ เธอกลับรู้สึกประทับใจในตัวเขาแล้ว
ผู้หญิงทั้งสอง ต่างก็เป็นผู้ประสบภัย
และจากนั้น ตำรวจก็ได้เข้ามาสอบปากคำ แล้วก็ให้พวกเธอได้กลับไปพักผ่อน
ด้านไป๋เสี่ยวเฟยและคนอื่น ๆ ยังมีเรื่องอีกเยอะที่ต้องจัดการ เฉินเกอเลยให้เขากลับไปจัดการธุระให้เสร็จก่อน
จากนั้น เฉินเกอก็ได้ส่งผู้หญิงทั้งสองคนกลับมหาวิทยาลัย แต่ครั้งนี้ เฉินหนานไม่ได้ปฏิเสธ และยอมเชื่อฟังแต่โดยง่าย
แต่ว่า เฉินหนานนั้น มีสีหน้าที่เหนื่อยล้ามาก เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อครู่มา
และเฉินเกอเมื่อเห็นดังนั้นแล้ว จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องเลือดจุดจื้อหยินแต่อย่างใด
เดี๋ยวเธอจะรู้ว่า ที่เขาช่วยตัวเธอไว้นั้น ก็เพื่อเลือดจุดจื้อหยิน
เดี๋ยวมันจะเป็นการทำให้ไก่ตื่นเสียก่อน
“เฉินเกอ เรื่องในวันนี้ ขอบคุณนายจริง ๆ เรื่องเมื่อก่อนที่ฉันทำไม่ดีกับนาย ฉันก็ขอโทษด้วยแล้วกัน”
เฉินหนานมองที่เฉินเกอแล้วพูดขึ้น
เฉินเกอถึงกลับตะลึงอยู่เล็กน้อย
ในใจก็คิดว่าไป๋เสี่ยวเฟยนี่เจ๊งจริง ๆ ที่ยังเดาถูกอีกว่าผู้หญิงคนนี้ จะแสดงการขอบคุณกับตัวเอง
เมื่อครู่ตอนที่ได้แยกย้ายกับไป๋เสี่ยวเฟยนั้น ไป๋เสี่ยวเฟยก็ได้บอกกับเฉินเกออยู่สองสามประโยค แค่พูดสองสามประโยคนี้ออกไป ไม่จำเป็นจำต้องขอช่องทางการติดต่อของเธอเลย
เมื่อคิดถึงประโยคเหล่านั้นที่เขาได้บอกกับตัวเอง จากนั้น เฉินเกอก็ได้พูดออกมา ตามอย่างที่เขาได้บอกไว้ว่า
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอบคุณหรอก ที่พวกเราเจอกันบ่อย ๆ แบบนี้ ก็คงเป็นเพราะวาสนาที่มี ไม่แน่ว่า อาจจะเป็นลิขิตฟ้ากำหนดไว้แล้วก็ได้ ที่ทำให้ฉันได้ช่วยเธอในวันนี้”
เฉินเกอพูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
และเมื่อเฉินหนานได้ฟังดังนั้นแล้ว จังหวะการหายใจก็เร็วขึ้น
ใบหน้าเริ่มมีอาการแดงก่ำ
จากนั้น ก็มองที่เฉินเกอ แล้วก็ส่งรอยยิ้มให้เขา
แต่ว่า เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอพยักหน้า “งั้น เดี๋ยวพวกเรากลับไปพักผ่อนก่อนนะ แล้วค่อยเจอกันอีก”
เมื่อพูดจบ สายตาของเธอก็มองค้างที่ใบหน้าของเฉินเกอ