ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 628
บทที่ 628 ที่นั่งใหม่
ชายกำยำหลายคนเหล่านั้น ทันใด เมื่อยืนล้อมเฉินเกอไว้แล้ว ก็อยากที่จะลงมือเลย
คล้ายราวกับว่า เรื่องอื่น ๆ ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกันนี้ ก็ลงมือกับคนอื่นมาเยอะ
และผู้หญิงคนนั้น ก็เลยอยากจะใช้โอกาสที่พวกเขานั้นจับเฉินเกอไว้ แล้วตัวเองก็จะเข้าไปตบปากเขาสักสองสามที เพื่อระบายอารมณ์สักหน่อย
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ชายกำยำที่เป็นหัวหน้านั้น เมื่อจู่โจมเข้าไป
เฉินเกอยกเท้าขึ้นข้างหนึ่ง แล้วถีบที่ไปท้องของเขาอย่างรวดเร็ว
และเขาคนนั้น มีรูปร่างสูงใหญ่ น้ำหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัมเห็นจะได้
และกระเด็นลอยไปไกล เกือบยี่สิบกว่าเมตร
ตกกระทบลงยังรถแฮมเมอร์เข้าอย่างจัง
ดังขึ้นสนั่น จนกระจกรถแฮมเมอร์นั่น แตกกระจายเต็มพื้น
“อะไรกัน”
ผู้หญิงคนนั้นตกใจมาก เลยไม่ได้ที่จะร้องกรี๊ดขึ้น
และชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกตกใจไม่แพ้กัน
รู้เพียงว่าเขานั้น เหมือนกับคนจน ๆ คนหนึ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เขาจะมีฝีมือที่เก่งกาจขนาดนี้
ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือ ยืนนิ่ง ๆ และไม่กล้าที่จะบุกเข้าไป
เพราะว่าเมื่อครู่ที่เขาขยับนั้น ทำเอาคนที่บุกเข้าไปคนแรกนั้นถึงกลับนอนตัวขด และที่ปากก็มีน้ำลายไหลฟูมออกมา แค่เท้าเดียว เกือบจะทำให้คนคนหนึ่งถึงแก่ความตาย
มีใครกล้าอีกไหม
เฉินเกอดูเวลา ตั้งแต่ที่รถเกิดอุบัติเหตุถึงตอนนี้ และรวมกับสภาพรถติดบนท้องถนนด้วย และตอนนี้ก็เก้าโมงสี่สิบนาทีแล้ว ซึ่งเลยเวลานัดมานานแล้วด้วย
เฉินหนานคงจะรอนานมากแล้วล่ะ
สิ่งที่ผู้หญิงไม่ชอบมากที่สุดคือ ผู้ชายที่มาไม่ตรงกับเวลานัด
ซึ่งเมื่อวานไป๋เสี่ยวเฟยก็ได้บอกไว้แล้ว
และก็ทำให้เฉินเกอคิดถึงวันนั้น วันที่ซูมู่หานรอตัวเองอยู่นาน และสุดท้ายตัวเองก็ไม่ได้ไปตามนัด
หากว่าไปไม่ทัน ความรู้สึกที่ดี ๆ ที่ได้ทำให้เธอนั้นประทับใจ ก็จะคงมลายลงสิ้นไป
เฉินเกอดูเป็นกังวลเอามาก
ไม่ได้ ต้องไปให้ได้
สายของเฉินเกอ เริ่มดูมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
จากนั้น ก็มองไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนนิ่งด้วยอาการตกใจ
แล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้น และได้โทรไปหาหลี่เจิ้นกั๋ว
“ประธานหลี่ ตอนนี้คุณช่วยให้คนส่งเฮลิคอปเตอร์มารับหน่อย ฉันต้องไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิด ตอนนี้หากไม่มีมัน ฉันเดินทางไปไม่สะดวก อ๋อ ใช่แล้ว ตอนนี้นะ”
หลังจากที่พูดจบ เฉินเกอก็วางสายในทันที
รถติดขนาดนี้ ตัวเองคงรอต่อไปไม่ได้แล้ว
หากว่าใช้วิชาล่องหน เฉินเกอคงไปถึงนานแล้ว
แต่ว่า ตอนนี้ไม่สามารถที่จะใช้วิชาเหล่านั้นในที่โจ่งแจ้งได้เท่าไร
หากว่าเดินไป อย่างไรก็คงสายอยู่ดี
ไม่มีทางอื่นแล้ว เฉินเกอจึงจะต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปเท่านั้น
“เฮลิคอปเตอร์หรอ”
และคนที่เดินผ่านไปผ่านมาข้างถนน ต่างก็ได้ยินในสิ่งที่เฉินเกอพูดในโทรศัพท์
พวกเขาเองก็กลัวในฝีมือของเฉินเกอ จึงไม่กล้าพูดกันเสียงดังเท่าไร
แต่ก็เอามือกุมปากไว้แล้วคุยซุบซิบกัน แล้วมองเฉินเกออย่างกับเป็นคนโง่คนหนึ่ง
“ไอ้คนนี้มันบ้าไปแล้วหรอ แถมยังจะให้ใครส่งเฮลิคอปเตอร์มาให้อีก”
“หรือว่าฝีมือเก่งขนาดนี้ แล้วฝึกวิชา จนตัวเองนั้นบ้าไปแล้ว”
คนเหล่านั้นก็ได้หัวเราะขึ้น
ส่วนชายวัยกลางคน เมื่อได้สติกลับมาแล้ว
แม่ง ตัวเองใช้ชีวิตในวงการนี้ก็นานหลายปี แล้วจะมาโดนไอ้เด็กเมื่อวานซืนทำให้กลัวอย่างนั้นหรือ
เป็นไปไม่ได้
ชายวัยกลางคนส่งสัญญาณผ่านสายตา
ในตอนที่เฉินเกอนั้น กำลังโทรศัพท์อยู่
ให้ลูกน้องที่เหลืออยู่ ยืนล้อมเขาเอาไว้
และในมือต่างก็มีมีดพกที่ทั้งแหลมและคมถืออยู่
เตรียมที่จะแทงเฉินเกออยู่ทุกเมื่อ
และจากนั้น ก็รอฟังชายวัยกลางคนออกคำสั่ง แล้วทั้งสี่คนถึงจะได้จู่โจมเข้าไป
ตอนนี้ พวกเขาต่างพร้อมที่จะปะทะเข้าไปแล้ว
ชายวัยกลางคนโกรธจนตามีอาการแดง และในขณะที่กำลังจะออกคำสั่งนั้น
วื่น ๆ ๆ !
ในทันใดนั้น ข้าง ๆ หู ก็มีเสียงของเฮลิคอปเตอร์ที่บินมาดังขึ้น
ราวกับเวทมนตร์ ทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้น มีอาการตัวสั่นไปตาม ๆ กัน
เมื่อล็อคสถานที่ที่จะจอดได้แล้ว
“เป็นเฮลิคอปเตอร์จริงเหรอนี่”
คนที่อยู่ข้าง ๆ ถนนเหล่านั้นได้พูดขึ้น
และบนท้องถนน ก็มีผู้คนจำนวนมากได้ลงมาจากรถ แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้า เฮลิคอปเตอร์ลำนี้ มันช่างเหมือนกับเหยี่ยวนักล่าที่มีลำตัวขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น จากนั้นก็เตรียมลงจอด
และลมที่พัดหมุนอยู่บริเวณรอบ ๆ นั้น แทบจะทำให้ริมฝีปากของคนนั้น กระพือได้
และเฮลิคอปเตอร์ที่มีลักษณะดั่งเหยี่ยวสีดำลำนี้ ก็เริ่มส่องหาพิกัดตำแหน่งของเฉินเกอ
ยิ่งไปกว่านั้น มันลงจอดที่ตำแหน่งด้านบนของรถที่เฉินเกอได้เจอไว้
โอ้ว!
ชายวัยกลางคนและผู้หญิงคนนั้น ต่างก็มีสภาพที่ยืนอึ้งจนตาค้าง
เพราะว่าเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ ได้เขียนตัวหนังสือขนาดใหญ่ไว้ว่า บริษัทการค้าจินหลิง กรุ๊ป
เขาเป็นคนของบริษัทการค้าจินหลิง กรุ๊ป และก็คงจะมีตำแหน่งที่สูงด้วย
เชี่ย!
โหดสุด ๆ !
ชายวัยกลางคนเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด
“คุณเฉินครับ”
ด้านบนของเฮลิคอปเตอร์ มีหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงเรียกลงมา
แล้วก็ยกตำแหน่งที่นั่งขับให้ อย่างนอบน้อม
“อืม นายขับรถกลับไปด้วย ส่วนพวกนั้น ไปสืบมาว่าพวกมันเป็นใคร จะได้สั่งสอนพวกมันสักหน่อย”
เฉินเกอวางโทรศัพท์ลง แล้วก็ได้สั่งการขึ้น
“ไม่ต้องห่วงครับ คุณเฉิน”
หนุ่มคนนั้นพยักหน้า
และในขณะที่เฉินเกอกำลังจะไปนั้น
ก็มองไปเห็นชายกำยำที่กำลังถือมีดอยู่ในมือ ซึ่งมีดด้ามนั้นก็กำลังจะมาประชิดกับเอวของตัวเองแล้ว
เฉินเกอเหลือบไปมอง เหงื่อของเขาก็ไหลออกมาเป็นสาย แทบไม่กล้าที่จะขยับ
สีหน้าของเขานั้น ดูเจื้อน ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณ……คุณเฉิน”
เผี๊ยะ!
เฉินเกอตบไปที่บ้องหูเขาหนึ่งดอก ทำให้เขานั้นลอยกระเด็นไปไกลมาก
“โตขนาดนี้แล้ว พกมีดเล่มเล็ก ๆ ไว้ขู่ใครหรอ”
เฉินเกอแทบไม่ต้องพูดอะไรแล้ว
ส่วนเรื่องที่เหลือนั้น ลูกน้องของเขาก็จะจัดการเอง
เฉินเกอขับเฮลิคอปเตอร์จากไป อย่างสง่าผ่าเผย
หลงเหลือแค่คนอื่นซึ่งมีอารมณ์กังวลตื้นเต้นร้อนใจ เดินไปเดินมาอยู่นั้น ร้องโศกเศร้าอย่างไม่หยุด
ภาพที่ มันช่าง สุดๆไปเลย!
เมื่อเฉินเกอขับเฮลิคอปเตอร์ไป แน่นอนเลยว่าไม่มีอุปสรรคใด ๆ จะมากีดขวางได้
ไม่นาน ก็ถึงยังโรงแรมหลงเถิง
เพียงแต่ว่า เฉินเกอไม่ได้นำเฮลิคอปเตอร์จอดไว้ด้านล่าง แต่เขานั้น นำเฮลิคอปเตอร์ไปจอดที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรม
จากนั้น ก็ได้วิ่งตามทางหนีไฟลงมายังด้านล่าง
แล้วก็โทรศัพท์หาเฉินหนาน และจึงได้รู้ว่าเฉินหนานนั้น กำลังรอตัวเองอยู่ที่ประตูด้านหน้าโรงแรม
“เฉินเกอ นายออกมาจากด้านในได้อย่างไรกัน”
หลังจากที่เฉินเกอได้วิ่งมาแล้วนั้น เฉินหนานก็ได้เห็นว่าเฉินเกอเขา ได้วิ่งออกมาจากด้านในของโรงแรม จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยอาการแปลกใจ
“อืม ๆ ฉันออกมาจากด้านหลัง”
เฉินเกอจึงได้อธิบายให้พอเสร็จ ๆ ไป
เฉินหนานเองก็เข้าใจ เขาคงกลัวว่าประตูของโรงแรมส่วนหน้านั้นจะมีแขกพิเศษจำนวนมาก ดังนั้น เขาอาจจะรู้สึกไม่ดีได้ ตัวเขาเองเลยต้องเข้ามาทางประตูหลังของโรงแรม
“เขาหรอ”
หวางกุ้ยฟางเมื่อเห็นเฉินเกอ ก็มีสีหน้าที่รู้สึกไม่ค่อยพอใจ
ในเวลานี้ เธอเองก็กำลังบ่นลูกสาวอยู่ ซึ่งก็ยังบ่นไม่เสร็จด้วยนะ
หากตามความต้องการของเธอแล้ว คนคนนี้จะเป็นคนที่ช่วยลูกสาวของตัวเองไว้หรือไม่ มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อย่างมาก ถ้าครอบครัวของตนผ่านวิกฤตทางธุรกิจครั้งนี้ไปได้ แล้วค่อยเอาเงินให้เขาก็ได้
และก็ไม่เห็นว่าจะต้องติดค้างบุญคุณอะไรกัน
ให้เขามาร่วมงานวันเกิดของลูกสาวตัวเอง แล้วมันหมายความว่าอย่างไร
หวางเผิงมองเฉินเกอด้วยสีหน้าที่โกรธจัด
แท้ที่จริงแล้ว คนที่หนานหนานกำลังรออยู่นั้น ก็คือไอ้หมอนี่เองเหรอ
เธอไม่ใช่แค่ได้ชิญตัวเองมา แถมยังเชิญเขามาอีกด้วย
ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ เฉินเกอก็ได้กลายเป็นศัตรูทางหัวใจของหวางเผิงแล้ว
และเมื่อคิดถึงท่าทีและสายตาของเฉินหนานที่กำลังมองหาเฉินเกอนั้น หวางเผิงก็ยิ่งปวดใจแทบจะบ้า
เพราะว่า ตัวเองนั้นเก่งและโดดเด่นขนาดนี้ และเงินก็มีตั้งมากมาย ยังไม่อยู่ในสายตาของเฉินหนานอีกเหรอ
“นายมาก็ดีแล้ว นี่มันใกล้จะสิบโมงแล้ว พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ”
เฉินหนานมองที่เฉินเกอแล้วพูดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ม
“ให้ใครเข้าไปนะ ให้เขาเข้าไปเหรอ หนานหนาน สมองแกมีปัญหาแล้วเหรอนี่”
หวางกุ้ยฟางด่าขึ้นอย่างไม่เกรงใจใคร
นี่มันไม่ใช่เป็นการกระตุ้นให้หวางเผิงรู้สึกโกรธหรอกเหรอ
หากว่าหวางเผิงไม่พอใจในเรื่องนี้ แล้วไม่สนใจเธอ แล้วครอบครัวตระกูลเฉินของเราจะทำอย่างไรล่ะ นี่มันเป็นการเสียโอกาสในการฟื้นตัวได้เลยนะ
แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อเฉินหนานได้พาเฉินเกอเข้าไปในงานแล้ว
หวางกุ้ยฟางรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
เหลือแค่หวางเผิงคนเดียวที่กำลังรู้สึกโกรธอยู่
“ได้ แก สามารถทำให้เฉินหนานทำอย่างนี้กับแกได้ ฉันตามจีบเธอมาเกือบครึ่งปี แม้แต่จะคุยกันดี ๆ กับฉันเธอก็ยังไม่เคยเลย แต่ตอนนี้ พวกเธอเพิ่งรู้จักกันแค่สองวัน”
มันช่างเป็นการดูถูกกันมากเสียจริง ๆ
หวางเผิงกัดฟันแน่น จากนั้น ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา……