ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 682
บทที่ 682 ไปหาซูโร่ซี
“ฟังดูแล้วก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ ผมจะถามคุณไม่กี่คำถาม คุณแค่ตอบผมมาตามความจริงก็พอ หลังจากเสร็จเรื่อง ผมจะคิดอีกทีว่าจะปล่อยพิษกู่โหดใส่ตัวคุณหรือไม่!”
เฉินเกอยิ้มอย่างเย็นชา
“นาย……นายรีบถามเลย ขอเพียงแค่ฉันรู้ ฉันจะบอกนายจนหมดเลย ขออย่างเดียวให้นายไว้ชีวิตฉันก็พอ!”
ตอนนี้กู่เฟิงหวังแค่เพียงมีชีวิตรอด พูดตามตรง เขานั้นรู้สึกกลัวไปหมดเมื่อได้ยินพิษชนิดนี้ที่เฉินเกอพูดถึง ทั้งที่เดิมทีเขาก็จะใช้อำนาจของยายมาทำให้เฉินเกอกลัว แต่เขานั้นกลับไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งเจ้าคนนี้ยังมีวิธีการที่แสนโหดร้ายอีกด้วย
เจ้าสารเลวนี่!
ในใจของกู่เฟิงโกรธจนอยากจะฉีกเนื้อของเฉินเกอ
ในตอนนี้ ไม่เพียงแค่บอกเฉินเกอเรื่องการถอนพิษของบุปผาผีและวิธีการใช้งานเครื่องรางบุปผาผี แต่ยังต้องตอบคำถามของเฉินเกออีก
“สิ่งที่นายถาม ฉันก็ตอบไปจนหมดแล้ว สิ่งที่นายไม่ได้ถามฉันเองก็บอกไปหมดแล้ว ตอนนี้ไว้ชีวิตฉันได้แล้วสินะ?”
กู่เฟิงเงยหน้าขึ้นมาถามเฉินเกอ
“ไว้ชีวิตคุณ?ปัญหาของพวกเราก็ถือว่าหมดกันแล้ว แต่เรื่องที่นายตัดแขนซีนซีน บัญชีนี้ ผมยังไม่ได้สะสางกับคุณ ! ดังนั้นพิษกู่โหดอันนี้ก็ยังต้องให้กับนายอยู่ดี!”เฉินเกอพูดพลันยิ้ม
“ไอ้ชั่ว เฉินเกอ แกกล้าหลอกฉันนั้นหรอ?” หน้าผากของกู่เฟิงปรากฏเส้นเลือดขึ้นมาพร้อมกับตะโกนใส่เฉินเกออย่างโมโห “ก็หลอกคุณไง คุณคิดจริงๆหรอว่าผมจะปล่อยคุณไป ! เด็กโง่เอ๊ย!” เฉินเกอยิ้มออกอย่างเยือกเย็น เทถ้วยน้ำในมือแล้วพิษกู่โหดก็ฝังเข้าไปในร่างกายของกู่เฟิง
“ไอ้ชั่ว ฉันจะฆ่านาย จะแล่เนื้อของนายให้เป็นชิ้นๆ รีบถอนมันออกไป!”กู่เฟิงดิ้นรนอย่างหมดหวัง ทั้งความกลัวและความโกรธคละเคล้ากันอย่างรุนแรง จนกู่เฟิงรู้สึกสูญเสียตัวเองไปแล้ว
“ถอน?คุณรู้ไหมว่าทำไมมันถึงได้ชื่อว่าพิษกู่โหด?” เฉินเกอพูด
“ทำไม?”
“ถึงแม้ว่าในวิชาพิษกู่เวทย์มันจะไม่ใช่สิ่งที่โหดร้ายที่สุด แต่มันกลับมีสุดยอดที่สุด ทำไมถึงเป็นแบบนี้หน่ะหรอ ก็เพราะว่าเดิมทีแล้วมันไม่มีทางถอนได้ไง ในวิชาพิษกู่เวทย์บันทึกไว้เพียงวิธีการทำมันขึ้นมา แต่กลับไม่มีวิธีแก้ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะถอนมันออกไปได้ และก็คุณอย่าคิดจะใช้พลังภายในและเจินชี่นะ พิษพวกนี้ผมยังไม่ได้กระตุ้นมัน แต่ถ้าเกิดมันได้รับกลิ่นไอพลังภายในมันก็จะกระตุ้นตัวเองให้ออกฤทธิ์ได้โดยอัตโนมัติ เกิดคุณโดนพิษมันแล้ว จะโทษว่าผมไม่เตือนไม่ได้นะ ! ดังนั้นต่อไปต่อให้คุณจะหายอดฝีมือถอนพิษได้ แต่อย่าใช้เจินชี่บังคับมันเด็ดขาด !”
เฉินเกอพูดด้วยรอยยิ้ม
“อะไรนะ?ไม่มีทางถอนพิษ?แก!แก!”
กู่เฟิงแค้นจนต้องกัดฟัน แต่ในเวลานี้ทำได้เพียงโกรธไม่กล้าพูดอะไรมาก
จึงทำเพียงกำขี้ดินบนพื้นอย่างแน่น ในเมื่อร้องขอชีวิตแล้วไร้ประโยชน์ แล้วพิษนี้ก็ฝังเข้าไปในตัวของตัวเองแล้ว เพียงแค่เฉินเกอพูดคำเดียวก็ทำให้เขาโมโหแล้ว เกิดถึงเวลานั้นจริงๆก็ตายได้น่าสมเพชเกินไป
“คุณชายเฉิน ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ!เอ๊ะ เจ้าเด็กนี้ยังไม่ตายนี่หน่า!”
ลี่ป้ากลับมาพร้อมกลับร่างที่คืนสภาพดังเดิม แล้วก็เดินมาเตะกู่เฟิงอยู่หลายที
“ไม่ฆ่าเจ้าสารเลวนี้ จะเก็บมันไว้ทำไม ?”ลี่ป้าถาม
“ยังไงก็ยังมีประโยชน์ อีกสักครู่สะกดขอบเขตพลังลมปราญณ์ของแล้วเอาไปขังไว้ในห้องใต้ดินลี่ป้า นายอยู่เขตโกโรโกโสปกป้องมู่มู่กับพวกชาวบ้าน ถึงแม้ว่าฉันจะให้กู่เฟิงส่งข้อความให้ตระกูลกู่เปลี่ยนเป้าหมายแล้ว แต่เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด นายอยู่ที่นี่เถอะ! ” เฉินเกอพูด
“ได้ครับคุณชายเฉิน แล้วคุณจะไปทำอะไรที่ไหน?”
“ฉันต้องไปหาซูโร่ซี ฉันคนเดียวก็พอแล้ว !”
เฉินเกอพูดจบก็หันหลังกลับ เขาจะไปหาสองพี่น้องสุ่ยเกินก่อน
“เด็กน้อย ไป ไปอยู่ห้องใต้ดินซะ!”
แล้วลี่ป้า ก็ยกกู่เฟิงขึ้นมา
กู่เฟิงก็เหมือนลูกเจี๊ยบตัวหนึ่ง ที่แม้แต่จะตดก็ยังไม่กล้า
ด้านใงเฉินเกอนั้น พอถึงตอนบ่าย หลี่สุ่ยเสียก็ติดต่อกับซูโร่ซี พร้อมกับบอกว่าจะมีคนเข้าไปพบเธอ ซูโร่ซีนั้นไว้วางใจในตัวของหลี่สุ่ยเสียมาก ถึงตอนนี้งานจะยุ่งมากแต่ก็ตอบตกลงไป
เฉินเกอและสองพี่น้องสุ่ยเกิน ทั้งสามคนก็รีบไปที่ยังเมืองไท่บริษัทของซูโร่ซีทันที จากการคาดการณ์ของเฉินเกอ บนร่างกายของซูโร่ซี นั้นมีลมปราณญ์ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ร่างกายของเธอสามารถใช้เป็นร่างสิงของพี่ชุดขาวได้
“คุณเฉินใช่หรือเปล่าคะ?ได้ยินสุ่ยเสียบอกว่าคุณมีเรื่องจะมาพบฉัน ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรคะ?”
ซูโร่ซีดูราวกับสาววัยประมาณยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด ผิวขาวนวล รูปร่างหน้าตาสะสวย ดูแล้วเหมือนกับประธานสาวผู้ทรงอิทธิพลจริงๆ
“ผมอยากให้ประธานซูไปที่ที่หนึ่งกับผม ยืมตัวประธานซูไม่ถึงสามวัน แน่นอนว่านี่คือการทำข้อตกลง ผมได้ยินสุ่ยเสียพูดว่าตอนนี้บริษัทของคุณกำลังประสบกับวิกฤต เรื่องการเงินแบบนี้ผมสามารถจ่ายให้คุณเป็นสิบเท่า!”
เฉินเกอพูดไปอย่างไม่อ้อมค้อม
ซูโร่ซีขมวดคิ้ว ก่อนจะยิ้มออกมา
“ขอโทษด้วยนะคะคุณเฉิน ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณ ยืมใช้? ฉันเกรงว่าฉันจะไม่สะดวกค่ะ!”
ซูโร่ซีกล่าวปฏิเสธโดยตรง
พร้อมกับความสงสัยที่อยู่ในใจว่าเจ้าคนที่ดูออกจะหล่อเหลาคนนี้เป็นใครกันแน่ คนสามารถยืมใช้กันได้ด้วยหรอ ? อีกทั้งเรื่องเงินของเธอนั้นก็ต้องการตั้งหนึ่งร้อยล้าน เขาเป็นใครถึงจะจ่ายสิบถึงสิบกว่าร้อยล้าน ? นี่สิบกว่าล้านที่ว่านี่จะเอาให้เธอจริงหรอ? ตอนนี้เองเธอจึงคาดว่าเฉินเกอเป็นพวกที่ไม่น่าเชื่อถือไปเสียแล้ว
ในตอนที่ซูโร่ซีลุกขึ้นยืนหวังจบบทสนทนาที่สุดแสนจะประหลาดนี้
“คุณชายเฉิน คุณเข้าไปไม่ได้ ! ท่านประธานกำลังคุยกับแขกอยู่!” ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะดังแทรกเข้ามาจากด้านนอก
“คุยกับเด็กน้อยคนหนึ่งสินะ หื้ม หลบไป ฉันอยากเจอโร่ซี!”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายเฉินเปิดประตูอย่างรุนแรง ด้านหลังของเขามีบอดี้การ์ดตามมาด้วยคนหนึ่ง และชายสูงอายุราวหกสิบกว่า ที่ไว้เคราแพะ สวมชุดจีนยาว พร้อมกับหมวกสักหลาด ถ้าไม่รู้ก็คงคิดว่าออกมาจากกองถ่ายแล้ว!
“โร่ซี ลูกน้องของคุณนี่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ผมมาก็ยังจะกันผมเอาไว้อีก นี่ไม่รู้หรือไงว่าผมกับประธานซูของพวกคุณได้ทำสัญญาแต่งงานกันแล้ว!”
คุณชายเฉินล้วงมือทั้งสองไว้ในกระเป๋ากางเกงพลันกล่าวด้วยเอ้อระเหยลอยชาย
“เฉินเถียหลิน ใครไปทำสัญญาแต่งงานกับคุณกัน คุณบ้าไปแล้วหรือไง ในพื้นที่สำนักงานของฉัน คุณคิดจะปล่อยข่าวเหลวไหลก็ทำได้เลยอย่างนั้นหรอ?”
ซูโร่ซีพูดด้วยความไม่พอใจ
เฉินเกอที่อยู่ข้างๆพอมองเห็นสีหน้าที่รังเกียจของซูโร่ซี เฉินเกอก็รู้ได้เลยว่าซูโร่ซีนั้นไม่ได้มีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้นกับเฉินเถียหลินเลยสักนิด
“โร่ซี ทำไมคุณถึงไม่ฟังเล่าว่าผมรีบมาหาคุณขนาดนี้ด้วยเหตุอะไร แม่ของคุณป่วยหนัก ผมก็เลยช่วยไปหาหมอเทวดามาให้แล้ว ซึ่งท่านนี้ก็คือหมอเทวดาเจินเหย้าหมิง แม่ของคุณนอนเป็นอัมพาตมานานหลายปีแล้ว และหมอเทวดาเจินเหย้าหมิงก็เคยรักษาผู้ป่วยอัมพาตมาหลายคนแล้วด้วย!”
เฉินเถียหลินพูดแนะนำ
แต่ซูโร่ซีที่พอได้ยินคำพูดนี้ก็เกิดความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ
เดิมทีเธอโกรธจอยากจะไล่เฉินเถียหลินออกไป แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ต้องกลืนคำพูดตัวเองลงไปอย่างช่วยไม่ได้
“เขา?”ซูโร่ซีมองไปยังหมอเทวดา
“คุณซู คุณชายเฉินนั้นมีใจที่มานะอย่างมาก เขาอดทนร้องขอผมอยู่เป็นเวลานาน ผมถึงได้ยอมออกจากเขามา!”อัจฉริยะเจินไขว้มือไว้ข้างหลังข้างหนึ่งพลันลูบเคราแพะของตัวเอง ราวกับเป็นคนที่สูงส่ง
“โร่ซี ตอนนี้คุณเข้าใจถึงน้ำใจที่ผมมีให้คุณแล้วใช่ไหม จริงด้วยเจ้าหนุ่มหน้าขาวนี่คือใครกัน?”
หลังจากที่เฉินเถียหลินพูดจบเขาก็หันหน้าไปมองเฉินเกออย่างไม่เป็นมิตร