ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 702
บทที่ 702 ทรยศ
เฉินเกอเห็นคนเหล่านี้ อดไม่ได้ที่ยิ้มเจื่อนๆพร้อมกันส่ายหัว
คิดๆแล้วมันก็เหมือนละคร หนึ่งปีก่อนนั้น หากตัวเองเห็นบอดี้การ์ดที่มากมายอย่างนี้มาล้อมรอบตัวเอง ต่อให้ปกติจะใจเย็นแค่ไหน ก็ยังคงรู้สึกประหม่า
แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เฉินเกอเพียงแค่ชี้นิ้วไปเรื่อย คนสิบกว่าคนนี้ ตายแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองตายยังไงเลย
แต่เห็นได้ชัด ขณะที่คนคนหนึ่งมีพลังที่มากกว่าคนปกติแล้วนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่น่ากลัว ก็จะไม่รู้สึกอะไรเลยอีกเลย และก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจด้วย
ตอนนี้ เถียเฉิงและไป๋เสี่ยวเฟยได้กลับมารักษาตัวที่จินหลิงแล้ว
แต่กลับหาพี่จื่อเยียนไม่เจอ เฉินเกอทำได้เพียงถามหาข้อมูลจากคนเหล่านี้
“พวกแกช้าก่อน!”
และในเวลานี้ ตู้ยีหนิงสั่งคำเดียวให้หยุด
“คุณหนูใหญ่ มีเรื่องอะไรครับ”
ชายวัยกลางคนถาม
“อาต๋านายรู้สึกไหมว่า ชายหนุ่มคนนี้เหมือนใครคนหนึ่ง?”
ตู้ยีหนิงยืนกอดอก จ้องมองเฉินเกอแล้วพูดขึ้นกะทันหัน
“เหมือนคนคนหนึ่ง? เหมือนใคร?”
หลี่ต๋าถาม
“นายรู้สึกหรือเปล่า หน้าตาของเขาเหมือนอาจูนคนใช้ที่ถูกฉันทำร้ายจนเสียชีวิต?”
ตู้ยีหนิงเกิดความสนุกขึ้นมา เดินวนหนึ่งรอบ จ้องมองเฉินเกอ
ยิ่งมอง เธอรู้สึกว่ายิ่งเหมือน
“คุณหนูใหญ่ เหมือนที่คุณหนูพูดเลย เหมือนคนใช้ของคุณหนูที่ชื่ออาจูน!”
หลี่ต๋าพยักหน้าแล้วพูดเสริม
“ฮ่าๆๆ ฉันว่าละ มองนายคนนี้แล้วถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เฮ้ย ตอนนั้นฉันพลั้งมืดฆ่าอาจูนตาย ถึงตอนนี้ยังรู้สึกละอายใจอยู่เลย เอางี้ เรารับเขาไว้ เก็บเขาไว้เป็นลูกน้องข้างกายของฉัน ดูท่าทางของเขา เหมือนจะลำบากทีเดียว ประทานที่กินอยู่ให้เขาดีกว่า!”
ตู้ยีหนิงกล่าว
เห่อๆ บำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าสามวัน จริงดังว่า เสื้อผ้าของเฉินเกอที่สวมใส่อยู่ดูน่าเวทนาทีเดียว
เพียงแต่ได้ยินคำพูดของตู้ยีหนิง ทำให้เฉินเกอยิ้มเจื่อนๆ
ดีเหมือนกัน ไม่มีใครเคยกล้าพูดคำพูดแบบนี้กับตัวเองมาก่อน?
ตั้งแต่วันที่ตัวเองกลายเป็นคุณชายเฉิน
“คุณหนูใหญ่ ผมแค่ต้องการตามหาเพื่อนที่ถูกคุณพาไปเท่านั้น หากคุณรู้ว่าพวกเขาอยู่ตรงไหน ขอความกรุณาช่วยพาฉันไปพบพวกเขาด้วย!”
เฉินเกอยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว
“บังอาจ คุณหนูใหญ่ให้แกมาเป็นคนใช้ ถือว่าให้เกียรติแกแล้ว แกยังไม่รู้จักเจียมตัว?”
หลี่ต๋าสายตาเย็นชา
“อาต๋าถอยไปก่อน นายบอกว่านายจะตามหาเพื่อนใช่มั้ย? ได้ ฉันรับปากนาย แต่นายต้องตามฉันไปก่อน รอให้ฉันเสร็จธุระแล้ว ฉันจะพานายไปเจอเพื่อนของนาย!”
และตู้ยีหนิงได้กลอกตาเล็กน้อย ขยิบตาให้หลี่ต๋าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เรื่องแค่นี้ จะพ้นสายตาของเฉินเกอได้อย่างไร
พูดตามตรง ในใจของตู้ยีหนิงคิดอะไรอยู่เฉินเกอรู้เกือบหมดแล้ว เพียงแต่ในตัวเธอยังมีเบาะแสของพี่จื่อเยียนและคุณลุงแน่นอน เฉินเกอยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง
ก็คือจัดการพวกเธอให้ราบคาบตรงนี้ บีบบังคับพวกเธอให้พูดความจริง
เพียงแต่ว่า หากเป็นเพื่อนของคุณลุงจริง และคนเหล่านี้ทนรับพลังของตัวเองไม่ไหว หากฆ่าผิดคน มันก็จะไม่ดี
คิดๆแล้ว เฉินเกอจึงตกลงรับปากเธอ ดูว่าเธอจะมาไม้ไหนแล้วค่อยว่ากันอีกที
“หากสามารถเจอกับเพื่อนของผมได้ ผมก็ตกลง!”
เฉินเกอกล่าว
“ฮ่าๆๆๆ ได้ ใช่แล้ว นายชื่ออะไร?”
ตู้ยีหนิงหัวเราะกล่าว
“เฉินเกอ!”
“ชื่อเหมือนผู้หญิงจัง เรียกนายว่าเฉินเกอเหมือนว่าฉันจะเสียเปรียบนะ เอางี้ละกัน ฉันจะเรียกนายว่าเสี่ยวเฉิน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายก็ติดตามฉัน คุณหนูใหญ่อย่างฉันจะให้นายได้เสวยสุขสวัสดิการในส่วนของอาจูน แต่ฉันไม่ทำร้ายนายอย่างแน่นอน ฮ่าๆๆ!”
ตู้ยีหนิงหัวเราะกล่าว
เธอปรากฏตัววันนี้ เหมือนมีธุระต้องจัดการสักอย่าง ไม่นานนัก เธอได้รวบรวมกำลังคน ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปวิลล่าทางทิศเหนือของเมือง
ระหว่างทาง เฉินเกอก็พอเข้าใจเรื่องราวหลักๆแล้ว
เป่ยโม่ทั้งเมือง ก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือน เหมือนได้เกิดเรื่องราวประหลาดขึ้น
ตระกูลที่มีอำนาจไม่น้อยต่างทยอยกันมาที่นี่ มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้
ตระกูลตู้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตู้ยีหนิงออกมาครั้งนี้ เป็นตัวแทนตระกูลตู้ เพื่อมาเจรจากับเหลยเหลาหู่ สำหรับจะเจรจาเรื่องอะไรนั้นก็ไม่อาจจะรู้ได้
เฉินเกอไม่มีกะจิตกะใจสนใจเรื่องของพวกเขา
ไม่นานนัก ขบวนของรถและคนของตู้ยีหนิงได้มาถึงด้านนอกวิลล่าตระกูลเหลย
ในวิลล่านั้น กระจัดกระจายด้วยบอดี้การ์ดของตระกูลเหลย
เหลยเหลาหู่นั้นถือเป็นคนมีอำนาจในท้องที่ เปรียบเสมือนมาเฟียที่มีอำนาจของถิ่น
เขาเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างค่อนข้างที่จะอวบ มีดวงตาที่เรียวเล็กเหมือนสระอิ
“คุณตู้ ผมนึกว่าการเจรจาครั้งนี้ ตระกูลตู้ของคุณจะไม่ออกหน้าเอง คิดไม่ถึง ครั้งนี้กลับเป็นคุณที่มาด้วยตนเอง ดี มีความกล้าหาญ คุณตู้ช่างสมกับที่เป็นฮีโร่หญิงจริงๆ!”
ดวงตาคู่นั้นของเหลยเหลาหู่กวาดมองตู้ยีหนิงด้วยสายตาที่เจ้าชู้แล้วกล่าว
“เหลยเหลาหู่ อย่าพูดไร้สาระ เรามาคุยกันตรงๆดีกว่า ฉันอยากจะถามว่า ข้อกำหนดอันเดิม ตระกูลทั้งสี่ตระกูลร่วมแรงร่วมใจ ออกคนออกแรง แล้วร่วมกันแบ่งปันวัตถุโบราณที่ค้นพบ แต่ทำไมแกมาเปลี่ยนใจ ทำให้ส่วนของตระกูลตู้เหลือแค่นิดเดียว อย่างนี้แกหมายความว่ายังไง?”
ตู้ยีหนิงก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เห่อๆ คุณตู้ช่างตรงเหลือเกิน คุณพูดไม่ผิด เดิมทีพวกเราได้วางแผนไว้ว่าจะแบ่งเท่ากัน แต่ว่าตระกูลสวี่ออกแรงมากที่สุด และเป็นคนที่ค้นพบแหล่งที่ซากเทพคนแรก และบ้านตระกูลตู้ ก็ไม่ได้ออกแรงอะไรมากมาย เพื่อความยุติธรรมอย่างแท้จริง ตระกูลที่เหลืออีกสองตระกูล ต่างได้ตกลงให้ตระกูลสวี่ ได้ส่วนแบ่งที่เยอะที่สุด!”
เหลยเหลาหู่กล่าวอย่างยิ้มๆ
“อย่ามั่ว เหลยเหลาหู่แกอย่าลืมนะ ตระกูลตู้เป็นคนที่เปิดประตูสถานที่ซากเทพนี้ หากไม่มีตระกูลตู้ บางทีพวกคุณทั้งสามตระกูลอาจจะยังยืนตากแดดอยู่ข้างนอกอยู่เลย?”
ตู้ยีหนิงตอบโต้อย่างโมโห
เฉินเกอที่อยู่ด้านข้างถึงแม้จะไม่ได้ยินทั้งหมด แต่ก็ได้ยินพอสมควร
แหล่งวัตถุโบราณ
“เฉินเกอคิดว่าคนกลุ่มนี้น่าจะค้นพบสถานที่ที่คล้ายกับสุสานโบราณ เดิมทีร่วมมือกันทั้งสี่ตระกูล ดังนั้นจึงต้องแบ่งเท่ากัน แต่มาตอนหลังเห็นได้ชัดว่ามีคนอยากจะโกง!
“เหลยเหลาหู่ แกอย่าลืมนะว่าตอนแรกใครเป็นคนที่ช่วยชีวิตคุณ แกมันไอ้คนเนรคุณ!”
ตู้ยีหนิงด่าด้วยความโมโห
“ฮึ่ม! ตู้ยีหนิง เห็นแก่มิตรภาพของเมื่อก่อน ฉันถึงได้เกรงใจเธออย่างนี้ ยัยเด็กน้อย อย่าให้มันเกินไปนะ ดูท่าวันนี้หากฉันไม่สั่งสอนเธอหน่อยละก็ เธอคงจะไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้!”
“ก็ดี ในเมื่อเธอมาโดนหาที่เอง ฉันก็ไม่ต้องไปตามจัดการให้เสียเวลา!”
ขณะนั้น เหลยเหลาหู่แค่โบกมือ ก็เห็นกลุ่มบอดี้การ์ดพุ่งเข้ามา หยิบอาวุธออกมา แล้วล้อมรอบกลุ่มของพวกเธอเอาไว้
“เหลยเหลาหู่ แกกล้าเหรอ!”
ตู้ยีหนิงกล่าวอย่างโกรธเคือง
พรึบ!
และเหลยเหลาหู่ก็ได้เดินเข้ามาโดยตรง มาถึงก็ตบหน้าของตู้ยีหนิงจนเสียงตบดังสะท้านที่ข้างหู
“อีผู้หญิงเน่า ทำไมฉันจะไม่กล้า!”
“อาต๋า ฆ่าพวกมันซะ!”
และตู้ยีหนิงก็คิดไม่ถึง เหลยเหลาหู่กล้าที่จะลงมือตบตัวเอง
ขณะนั้นจึงได้พูดอย่างโกรธเคือง
“ฮ่าๆๆๆ! อาต๋านั้นเป็นยอดฝีมือที่หาตัวได้ยาก พูดตามตรง ที่ฉันเกรงกลัวตระกูลตู้อย่างพวกแก ทั้งหมดเป็นเพราะเห็นแก่อาต๋า ผู้สืบทอดฝ่ามือทรายเหล็กรุ่นที่หนึ่งร้อยแปด! มันน่ากลัวเสียจริงๆ!”
เหลยเหลาหู่หัวเราะพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
“อาต๋า นายยังมั่วอึ้งอยู่ทำไม รีบฆ่ามันซะ!”
ตู้ยีหนิงคำรามใส่อาต๋าที่ยังอยู่โดยยอมไม่ขยับ
“เห่ย คุณหนูใหญ่ ผมบอกคุณหลายครั้งแล้ว ดีที่สุดให้อยู่บ้านดีๆ สถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่เวลาที่คุณหนูจะมาเอาแต่ใจแล้ว!”
อาต๋าส่ายหัวแล้วยิ้มเจื่อนๆ
ขณะนั้นได้พาบอดี้การ์ดสิบกว่าคน ค่อยๆเดินไปด้านหลังของเหลยเหลาหู่: “สำหรับคุณ ประธานเหลยถือว่าได้ให้เกรงใจคุณมากแล้วนะคุณหนูใหญ่!”
หลี่ต๋าส่ายหัวแล้วหัวเราะพูด
ไอ้คนทรยศ
ดวงตาของตู้ยีหนิงเบิ่งกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลี่ต๋ากับบอดี้การ์ดของตระกูลรวมหัวกันทรยศ!
มองดูบอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆจ้องมองตัวเองเหมือนเสือที่จ้องเหยื่อ
ถึงแม้ตู้ยีหนิงจะมีวรยุทธ์ แต่เวลานี้ ก็กลัวจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว…….