ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 722
บทที่ 722 ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันสักที
เฉินเกอหันหน้าไปมองก็เห็นมีสาวๆหลายคนที่แต่งตัวอย่างมีสไตล์และมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามยืนอยู่ตรงหน้า
หนึ่งในนั้นที่เป็นแกนนำกลุ่มทำให้ดวงตาของเฉินเกอต้องแดงแดงฉ่ำ
ซูมู่หาน!
ผู้หญิงตรงหน้า หากไม่ใช่ซูมู่หานแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ!
เฉินเกอเริ่มรู้สึกหายใจเร็วขึ้นมากะทันหัน
เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เฉินเกอรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาอยากเจอหน้ามู่หานใจจะขาด แต่ไม่รู้ว่าควรใช้อารมณ์ไหนและวิธีไหนไปเจอดี จนถึงบัดนี้มู่หานได้ปรากฏตัวต่อหน้าตนแล้ว
ทำให้สมองของเฉินเกอว่างเปล่า
เขาจ้องมองเธออย่างตกตะลึง เธอยังคงสวยเหมือนเดิม ยังคงมีจิตใจดีเหมือนเดิม และยังคงน่ารักเหมือนเดิม!
ซูมู่หานตกใจกับแววตาของเฉินเกอที่มองมา ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ในแววตานั้นเธอเห็นอารมณ์ที่แปลกประหลาดของผู้ชายคนนี้
“มู่หาน คนนี้คงจะเป็นบ้าแล้วมั้ง?”
เมื่อเห็นท่าทีของเฉินเกอ เพื่อนร่วมหอหญิงทั้งหลายของเธอต่างก็รู้สึกหวาดระแวง รีบดึงตัวมู่หานออกห่าง
“ใช่แล้ว เพื่อนดูแววตาของเขาสิ ไม่ใช่ว่าเห็นความสวยของมู่หานแล้วเอ๋อไปเลยนะ?”
ยังมีผู้หญิงกล่าวต่อ
แววตาเผยความรังเกียจยิ่งนัก
“มู่หาน ฉันว่าพวกเรารีบไปกันเถอะ!”
บรรดาสาวๆหมดอารมณ์จะดื่มชานมแล้ว ลากตัวซูมู่หานจากไป
ส่วนซูมู่หานจ่ายเงินเสร็จก็มองเฉินเกอที่จ้องอย่างไม่กะพริบสายตาแวบหนึ่ง กำลังจะถูกเพื่อนร่วมหอดึงตัวออกไป
“มู่หาน คุณอย่าไปนะ!”
เฉินเกอก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ เห็นซูมู่หานกำลังจะออกไปจึงรีบดึงข้อมือของซูมู่หานไว้
เขากลัวว่ามู่หานไปแล้วไม่รู้จะได้เจอกันอีกทีเมื่อไหน ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยก็เป็นได้
“หา!คุณจะทำอะไร?”
ซูมู่หานถูกเฉินเกอจับข้อมือไว้แน่นจนรู้สึกสะดุ้งตกใจ
พูดจากใจจริง เมื่อกี้เห็นแววตาของเฉินเกอแล้ว ถึงแม้เพื่อนร่วมหอจะมีอคติกับเขา แต่ในใจลึกๆของตน เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างบอกตนว่า เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย ยิ่งไปกว่านั้นซูมู่หานเห็นในแววตาของเขามีความรักที่ลึกซึ้งแฝงอยู่!
โดยเฉพาะตอนที่ถูกเขาดึงข้อมือไว้ หัวใจของตนเต้นตุ้มๆต่อมๆไปหลายครั้ง
แต่ว่าด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอตกใจกลัวแล้วรีบสะบัดมือทิ้ง
เป็นไปได้อย่างไรกัน ตนไม่รู้จักคนนี้เลย ทำไมถึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้ล่ะ?
“ไอ้ลามก นายกล้าเสียมารยาทในที่สาธารณะเชียวเหรอ นายไม่อยากอยู่แล้วใช่ไหม!”
ส่วนเพื่อนร่วมหอที่เหลือทั้งหมดต่างพุ่งเข้ามาฉีกดึงเฉินเกอ
“ใช่แล้ว ความหวังดีกลับไม่เห็นค่า มู่หานช่วยเขา เขากลับมาล่วงเกินมู่หานซะงั้น พี่น้องอย่าให้เขาได้ใจเป็นอันขาด!”
คนกลุ่มหนึ่งได้ล้อมตัวเขาไว้
“พอแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
ซูมู่หานเห็นผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายและดูแล้วน่าสงสารอีกห่างหาก จึงไม่ได้ไปแจ้งความอย่างที่เพื่อนร่วมหอบอก
เธอเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน จึงลากตัวเพื่อนร่วมหอออกไป ประเด็นสำคัญคือตอนนี้เริ่มมีคนมามุงดูยิ่งขึ้นทุกทีเสียแล้ว!
วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ
และมองแผ่นหลังของมู่หานที่จากไป เฉินเกอจึงค่อยๆได้สติกลับคืนมา
ไม่ถูก!ตอนนี้ทะลุมิติกลับมาในอดีต มู่หานในตอนนี้ยังไม่รู้จักตนเลย
เพราะความวู่วามของตนในชั่วขณะนั้นเกือบจะทำให้เธอตกใจกลัวเสียแล้ว
เฮ้อ!
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจ
แต่ว่าในใจของเฉินเกอเริ่มมีแผนการในหัวขึ้นมา
เมื่อก่อนไม่ว่าจะเป็นตอนที่เริ่มรู้จักกันหรือตอนที่คบหาดูใจกัน ล้วนแล้วแต่เรียบง่ายกันทั้งนั้น
ถึงแม้ตนจะมีเงินทองมหาศาล
แต่ไม่เคยทำเรื่องที่น่าประทับใจอย่างอลังการให้แก่เธอสักครั้งเดียว
เพราะเมื่อก่อนเฉินเกอคิดมาโดยตลอดว่า ขอแค่ทั้งสองคนมีใจรักที่จริงใจต่อกันก็เพียงพอแล้ว
ภายหลังเฉินเกอถึงได้เข้าใจว่า ความรักระหว่างคนสองคนจำเป็นจะต้องมีความโรแมนติกด้วย
ตนไม่เคยสร้างความโรแมนติกให้มู่หานเลยสักครั้งเดียว
พอตนคิดจะสร้างแต่กลับไม่มีโอกาสเสียแล้ว
ครั้งนี้ได้ทะลุมิติกลับมา เฉินเกออยากจะชดใช้ความเสียใจในเรื่องนี้ จะมอบความโรแมนติกที่ตระการตาแก่มู่หาน ให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก!
เฉินเกอคิดอยู่ในใจ
เฉินเกอไม่ได้กลับไปที่มหาวิทยาลัย และไม่ได้วิ่งตามมู่หานไปในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเป็นห่วงว่าตนจะทำให้เธอตกใจได้
อีกทั้งตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญจะต้องทำเรื่องหนึ่ง
นั้นก็คือคฤหาสน์หยุนติ่งเมาท์เทน บัดนี้คฤหาสน์หยุนติ่งเมาท์เทนได้ก่อสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ประมูลขายก็เท่านั้นเอง สิ่งที่เฉินเกอจะต้องทำคือติดต่อกับหลี่เจิ้นกั๋วไปซื้อคฤหาสน์หยุนติ่งเมาท์เทน และยังต้องลงทุนจ้างแรงงานคนไปขุดค้นหินสะท้านฟ้าอีกด้วย
เวลาเพียงแค่เจ็ดวัน ไม่ใช่จะเป็นเรื่องง่ายในการหาแรงงานคนและแรงงานเครื่องมือต่างๆเพื่อใช้ในการขุดภูเขาหยุนติ่ง
และที่สำคัญพี่จื่อเยียนเคยบอกแล้วว่า ขอเพียงตนไม่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ส่วนเรื่องเวลาก่อนหลังก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่โตอะไร
บัดนี้เฉินเกอรีบนำมือถือของตนออกมา
โทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือเบอร์หนึ่ง
ไม่ช้า อีกฝ่ายก็รับสาย
“พี่สาว!”เฉินเกอกล่าว
“เสี่ยวเกอ ทำไมถึงโทรหาพี่ในเวลานี้ล่ะ พี่กำลังทำงานอยู่ที่โรงงานอยู่เลย น้องฟังเสียงรอบๆดูสิว่าดังแค่ไหน!”
พี่เฉินเสี่ยวกล่าว
เมื่อก่อนตอนโทรหาพี่สาว ได้ยินเสียงอย่างนี้ก็รู้สึกไม่มีปัญหาอะไร
ตอนนี้ฟังดูแล้วเหมือนกำลังร่วมงานปาร์ตี้สังสรรค์กันอยู่นะ?
“ผมต้องการเงิน!”เฉินเกอส่ายหัวพลางกล่าวอย่างยิ้มแห้งๆ
“พี่รู้ว่าน้องต้องการเงิน ครอบครัวของเราก็ต้องการเงินเช่นกัน ตอนนี้คนทั้งครอบครัวจึงได้เป็นแรงงานอยู่ที่ต่างประเทศยังไงล่ะ?ครอบครัวเรามีหนี้สินเยอะขนาดนี้ เลยไม่มีเงินจริงๆ เฮ้อ น้องต้องการเท่าไหร่ล่ะ พี่จะดูว่าจะหาทางให้น้องได้ไหม!”เฉินเสี่ยวพูดอย่างลำบากใจ
“พี่ ผมต้องการหลายหมื่นล้าน เพื่อซื้อถนนการค้าจินหลิง จากนั้นก็ให้ผมเป็นคนจัดการทั้งถนน เป็นยังไงครับ ถือว่าไม่เยอะใช่ไหมครับ?”
เฉินเกอกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“น้อง……น้องว่าอะไรนะ?”
เฉินเสี่ยวพูดด้วยตากลมโต
“พี่ช่วยได้ไหม?ผมต้องการหลายหมื่นล้านจริงๆ!”
เฉินเกอกล่าว
“เสี่ยวเกอ มีคนมาพูดอะไรกับน้องใช่ไหม?”น้ำเสียงของเฉินเสี่ยวเริ่มเย็นชาขึ้นมา
“ผมเคยคาดเดาอะไรบางอย่างได้ก็เท่านั้นเอง ตลอดที่ผ่านมาน้องชายพี่เป็นคนซื่อสัตย์ ไม่ใช่เป็นคนซื่อบื้อ!”เฉินเกอกล่าว
“ฮาๆๆๆ!น้องชายฉลาดมากเลย ดูไม่ออกจริงๆ ออได้ ตอนแรกพี่กะว่าจะเปิดเผยกับน้องในอีกสองสามวันนี้ คิดไม่ถึงว่าน้องจะคาดเดาได้เอง ไม่เลวเนี่ย พี่ขอบอกน้อง บ้านพวกเราเป็นตระกูลที่สูงส่งระดับโลกเลยนะ ทรัพย์สินครึ่งโลกเป็นของตระกูลเรา และน้องก็เป็นทายาทเศรษฐี ทายาทเศรษฐีตัวท็อปเลยแหละ!”
พี่สาวกล่าว
“เก่งจังเลย!”
เฉินเกอพยายามให้ตนเองมีท่าทางที่ประหลาดใจ
“ในเมื่อน้องจะใช้เงิน พี่ก็ไม่มีปัญหาอะไร และถนนการค้าจินหลิงกับวิลล่าสปาพี่ใช้ชื่อของน้องในการจัดการดูแล สัญญาเปลี่ยนเสร็จแล้ว พี่กำลังคิดจะให้หลี่เจิ้นกั๋วไปรับน้องอยู่พอดี ตอนนี้ก็ดี น้องไปหาหลี่เจิ้นกั๋วให้เขาไปรับน้อง ถนนการค้าจินหลิงเป็นของบ้านเรานะ!”
พี่สาวกล่าว
เห็นทีว่าอยากจะคุยกับเฉินเกออีกเยอะ แต่ตอนนี้เฉินเกออยากจะช่วยพวกเธอ และไม่มีอะไรจะคุย
หลังจากที่คุยผ่านๆแล้วจึงได้วางสายลง เฉินเกอไม่ได้รอหลี่เจิ้นกั๋ว แต่ตรงไปยังวิลล่าสปาโดยตรง!