ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 727
บทที่ 727 สถานการณ์แปรเปลี่ยนกะทันหัน
ชายวัยกลางคนไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง
แต่เขาต้องดูให้แน่ใจเสียก่อน จึงรีบติดตามชายชุดดำคนนั้นไปในเส้นทางที่เขาได้หายตัวไป
ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ!
ทันใดนั้นภายในถ้ำได้ประกายแสงระยิบระยับอย่างไม่หยุดหย่อน
นี่เป็นแสงสีทองบนรอบตัวเฉินเกอที่ได้ส่องประกายออกมา
“อันนี้ถือจะเป็นการบรรลุวิถีแห่งฟ้าอย่างแท้จริง!”
รู้สึกได้ว่าในร่างกายทุกสัดส่วนเหมือนมีพลังดั่งคลื่นลูกน้ำที่พุ่งทะลุออกมา และความสบายตัวภายในร่างกายของเฉินเกอก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
และพลังมหาศาลก็ได้พุ่งทะยานออกมา
สิ่งที่เฉินเกอกำลังพินิจพิจารณาอยู่นั้นไม่ใช่วิธีการใช้พลังมหาศาลนี้ แต่เป็นวิธีควบคุมพลังมหาศาลนี้ต่างหาก
เขารู้สึกว่าร่างกายตนแข็งแกร่งเหลือเกิน และไม่มีพิษชนิดใดมาทำร้ายได้ แค่พลิกฝ่ามือก็สามราถระเบิดภูเขาได้หนึ่งรูป
ช่างเก่งกาจยิ่งนัก
สิ่งนี้หรือที่เรียกว่าการบรรลุในขั้นแรกอย่างแท้จริง?
เฉินเกอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
โชคดีที่มีกำลังภายในสวนเทียนสามารถใช้วิชาควบคุมลมปราณได้ มิเช่นนั้นแล้วตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมพลังมหาศาลนี้ได้อย่างไรกัน
แน่นอนเฉินเกอก็เห็นหลังจากได้บรรลุแล้ว ปานเจ็ดจุดบนร่างกายตนได้หายไปในพริบตา
และแสงสีน้ำเงินได้ปกคลุมร่างกายตัวเองไปทั่ว
อันนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าจะกลับไปสู่โลกปัจจุบันนี่นา!
เฉินเกอกำลังคิดอยู่พลางเอ่ยขึ้นมา
ตอนนี้ตนได้บรรลุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือว่ามีพรสวรรค์ในขั้นแรกอย่างแท้จริง
เมื่อพลังความสามารถเพิ่มขึ้น จึงทำให้เฉินเกอมีความกล้าหาญเพื่อที่จะไปดูหน้าตาของคนชุดดำคนนั้น
ต้องรักษาเวลาทุกเสี้ยววินาที!
รู้สึกว่าชายชุดดำได้หนีออกไปแล้ว เฉินเกอจึงไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว รีบเหาะลอยขึ้นไปแล้วกลายร่างเป็นแสงพุ่งตรงไปยังทางที่ชายชุดดำหนีไป
“โอ้โห เทวดานางฟ้าชัดๆ!”
กลุ่มวิศวกรตกตะลึงตาค้าง
ชั่วพริบตาเดียว
เฉินเกอก็ตามมาถึงจนได้
จุดที่ไม่ไกลออกไปนัก ชายชุดดำกำลังปะทะฝีมืออยู่กับลุงสอง
เห็นได้ชัดว่าชายชุดดำคิดจะถอยหนี แต่ลุงสองรั้งไว้ไม่ยอมปล่อย
แต่ว่าลุงสองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายชุดดำ
ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่นั้น ในขณะเดียวกันสังเกตเห็นบนท้องฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
ชายชุดดำต้องหยุดชะงัก
รีบถอยห่างไปด้านหลัง
เฉินเกอออกพลังหนึ่งฝ่ามือ
โครม!
พลังที่แรงกล้าได้พุ่งตรงเข้าใส่ ซึ่งเกินกว่าชายชุดจะต้านทานได้
“วันนี้ ผมจะดูหน้าตาที่แท้จริงของคุณให้ได้เลย!”
เฉินเกอพูดอยู่ในใจอย่างเยือกเย็น
ฉวยโอกาสตอนที่ชายชุดดำล้มถอยหลังออกไป
เฉินเกอรีบเอื้อมมือไปดึงผ้าปิดหน้าของชายชุดดำทิ้ง
ส่วนเขาไม่สามารถต่อทานพลังที่เฉินเกอมีอยู่ได้ในขณะนี้
ทันใดนั้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
และเฉินเกอก็อ่านแววตาของเขาออก
บัดนี้จึงรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก
ขณะที่กำลังเกือบจะดึงผ้าปิดหน้าออกได้นั้น
ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ!
แสงไฟสีน้ำเงินได้ประกายปกคลุมร่างกายของตนอย่างกะทันหัน
ให้ตายเถอะ!ต้องกลับไปแล้ว!
เฉินเกอพูดอย่างร้อนรน
และในชั่วขณะที่จะกลับไปพลังที่เหลือล้นของหินโชคชะตาทำให้เฉินเกอไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว
โครม!
แสงประกายล่องลอยผ่านไป
ร่างกายบนตัวเฉินเกอที่มีแสงประกายสีน้ำเงินอยู่นั้นได้จางหายไป
เขากลับมามีความรู้สึกแบบเดิมอีกครั้ง เพียงแต่ว่าเป็นการรับรู้ที่พร่ามัวไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
แต่ว่าดวงตาของชายชุดดำเฉินเกอมองเห็นได้อย่างชัดเจน และเห็นใบหน้าครึ่งหน้าแล้วด้วย
ใช่ เขารู้จักมักคุ้นคนนี้ดี
และที่สำคัญเขาเป็นคนรอบข้างของตน
แต่ว่าเฉินเกอคิดไม่ออกว่าเขาเป็นใครกันแน่!
บึ่ม!
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่ข้างใบหูของเฉินเกอมีเสียงระเบิดส่งเข้ามากะทันหัน
เสียงที่ดังสนั่นนี้ทำให้เฉินเกอสะดุ้งตื่น
ราวกับสะดุ้งตื่นจากความฝันก็ไม่ปาน
เฉินเกอค่อยๆลืมตาขึ้น
พบว่าตัวเองปรากฏตัวอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งบนเกาะแห่งนี้มีต้นไม้ขึ้นมาอย่างมากมาย
รีบเปิดจิตสำนึกวิญญาณเพื่อดูสถานการณ์ในบริเวณนั้น ซึ่งสามารถรับรู้ได้ว่ามีเรือโดยสารแล่นผ่านไปอย่างไม่ขาดสาย
“ตอนนี้ตัวเองน่าจะกลับมายังโลกปัจจุบันแล้ว แต่กลับผิดตำแหน่งมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้!”
เฉินเกอคิดอยู่ในใจ
อยากจะกลับบ้านตระกูลเฉินที่เมืองหนานหยางไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เฉินเกอกำลังคิดจะบินเหาะกลับไป
เพราะหลังจากที่นิ่งเงียบแล้วรับรู้การมีอยู่ของพลังพื้นฐานก็พบว่าสมบูรณ์อยู่ครบทุกอย่าง หินโชคชะตาช่างน่าอัศจรรย์ใจเหลือเกิน
ตอนนี้เข้าไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรแล้ว
แต่ว่าปัญหาก็ตามมาติดๆอีกครั้ง
นั้นก็คือพลังพื้นฐานที่เพิ่งรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งทำให้เฉินเกอมีพลังมหาศาล และพลังนี้ก่อนที่มีควบคุมลมปราณมาควบคุม จะเหมือนต้องแบกรับภูเขารูปใหญ่เอาไว้
เฉินเกอจึงต้องหยุดบินเพื่อมาปรับสมดุลให้เข้ากับพลังที่มหาศาลอันนี้เสียก่อน
เฉินเกอก็นั่งขัดสมาธิเริ่มใช้วรยุทธ์ขึ้นมา
และในขณะเดียวกันที่บ้านตระกูลเฉิน
แสงฟ้าผ่าได้ประกายขึ้นผ่านบ้านตระกูลเฉินเป็นระลอก
แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้หลงเหลืออะไรไว้เลย
เฉินผิงอันกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างกังวลใจ
บัดนี้จ้องมองตาโต“เทพจื่อเยียนนี้มันเกิดอะไรขึ้นครับ?เสี่ยวเกอล่ะ?ถ้านับดูเวลาแล้วตอนนี้เขาน่าจะกลับมาแล้วนะครับ?”
เฉินผิงอันรีบถาม
“อืม แต่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง น่าจะปรากฏตัวผิดตำแหน่งเท่านั้น ก่อนที่เสี่ยวเกอจะกลับมาต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้ไม่สามารถกลับมายังที่ตรงนี้ได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าหินโชคชะตาจะนำพาเขาไปอยู่ที่ไหน!”
โล๋จื่อเยียนกล่าว
“ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่า หลังจากที่เสี่ยวเกอได้บรรลุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พลังของเขาก็จะไม่ธรรมดา ถ้าไปโผล่อยู่ที่อื่นแล้วรีบกลับมาก็คงจะใช้เวลาไม่มากนัก!”
เฉินผิงอัน
“ไม่ใช่ค่ะ เพราะหลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้วจะได้รับพลังที่แรงกล้ามาก และพลังมหาศาลเช่นนี้จะมาปรากฏอยู่ในที่ตรงนี้ จะทำให้เฉินเกอต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับพลังมหาศาลอันนี้ เพราะมันเป็นพลังที่มหาศาลจึงทำให้ร่างกายเขาได้รับผลประโยชน์และเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม!เมื่อร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเขาจึงต้องดึงพลังมาใช้ให้เต็มที่!เขาคงกลับมาไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้นๆนี้!”
“อืม!”
เฉินผิงอันพยักหน้า จากนั้นก็ถามอย่างสงสัยว่า“ถ้าอย่างนั้นคุณท่านเทพครับ ร่างกายของเสี่ยวเกอจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างครับ?หรือจะคล้ายกับตอนที่พวกเราอยู่ที่โลกยู่ได้รับความสามารถพิเศษ?”
“เข้าใจอย่างนี้ก็ได้อยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าความสามารถพิเศษที่เสี่ยวเกอได้รับไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกเราเป็นอยู่ ซึ่งอันที่จริงของเขาไม่น่าจะเรียกว่าความสามารถพิเศษ แต่คือการบุกเบิกสิ่งใหม่ๆที่เรียกว่าฤทธิ์ และเป็นฤทธิ์ที่ทรงพลังมากๆ!”
โล๋จื่อเยียนพูดอธิบาย
“อืม ถ้าอย่างนั้นผมรู้สึกอยากจะเจอเต็มแก่แล้วครับ สุดท้ายเสี่ยวเกอจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนกันนะ?”
เฉินผิงอันรู้สึกดีอกดีใจเป็นอย่างมาก
และในเวลานี้ระหว่างคิ้วของโล๋จื่อเยียนมาบรรจบกัน
“ไม่ดีแล้ว!”
เธอพูดอย่างร้อนรน
“เทพจื่อเยียนมีอะไรเหรอครับ?”
เฉินผิงอันถาม
“มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาล้อมรอบพวกเราไว้ ฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของจิ่วโล๋หวาง!”
โล๋จื่อเยียนพูดอย่างระมัดระวัง
“จิ่วโล๋หวาง?”
เฉินผิงอันตาโต
“สุดท้ายพวกเขาก็หาที่นี่เจอจนได้ พวกเรารีบหนีไปจากที่นี่กันเถอะ!”
โล๋จื่อเยียนกล่าว
“คิดจะหนีไป มันไม่ง่ายนักหรอก!”
เสียงที่น่าสะพรึงกลัวได้ส่งมาจากรอบๆตัว
และมาพร้อมกับลมแรงที่พัดเวียนเข้ามา
และคือจิ่วโล๋หวาง
และยอดฝีมือจำนวนมากได้ตามมาล้อมรอบบ้านตระกูลบนเกาะไว้ทีหลัง
“เทพจื่อเยียน ไม่ได้แล้วครับ ท่านไปก่อน ผมจะล่อเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกเขาเองครับ!”
เฉินผิงอันกล่าว
“ไม่ได้ คุณเป็นลุงสองของเสี่ยวเกอ ถ้าคุณต้องประสบกับภัยอันตรายอีก เสี่ยวเกอจะยิ่งช้ำใจขึ้นไปอีก ตอนนี้เขาไม่เหลือญาติแม้แต่คนเดียวแล้ว!”
โล๋จื่อเยียนส่ายหัวไปมา
“แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เทพจื่อเยียนท่านมีความสำคัญกับเสี่ยวเกอกว่า ชีวิตเฉินผิงอันอย่างผมมันไม่สำคัญอะไรหรอกครับ ท่านรีบไปเถอะ!บ้านตระกูลเฉินมีทางลัดส่วนตัว ถ้าอย่าชักช้าอยู่อย่างนี้ พวกเราทั้งสองคนก็จะไม่มีใครหนีไปได้เลยนะครับ!”
เฉินผิงอันรีบชักชวน
โล๋จื่อเยียนลังเลไปสักพัก สุดท้ายก็ได้แต่กัดฟันเอาไว้
ตอนนี้เธอจะตกอยู่ในเงื้อมมือของจิ่วโล๋หวางไม่ได้
มิเช่นนั้นเสี่ยวเกออาจจะต้องเจออันตรายอย่างอื่นด้วย
ดังนั้นไม่มีทางเลือก!
โล๋จื่อเยียนยังถือหยกแขวนเลือดมังกรไว้ในมือ บัดนี้ได้กลายร่างเป็นแสงพุ่งเข้าไปในทางลัดของบ้านตระกูลเฉิน
“พวกคุณไม่มีใครหนีไปได้หรอก เฉินเกอจะต้องมีวันที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของผมอย่างแน่นอน……”
เสียงของจิ่วโล๋หวางยังคงดังมาจากด้านนอกอย่างสนั่นหวั่นไหว……