ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 757
บทที่ 757 การติดตาม
คนทั้งหลายล้วนไม่รู้ว่า ทำไมนายท่านว่านถึงได้ต้องการพบกับมีเด็กชายไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งตามลำพัง
แต่ท่าทีของนายท่านว่านก็ได้อธิบายทุกอย่าง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบชายหนุ่มคนนี้มากนัก
ดังนั้นจึงมีหลายคนที่โล่งใจ
ในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดา
คนอย่างว่านเย่าจง ย่อมมีท่าทางที่เป็นผู้นำตระกูลอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ในยามปกติเขาทั้งมั่นคงหนักแน่น แต่ถ้าหากให้เอ่ยถึงข้อเสีย ก็คงเป็นเรื่องที่เขามีต่อลูกสาวของตน
เขาจะต้องหาคนที่เหมาะสมให้ได้ ยิ่งกว่านั้น เกรงว่าจะมีเพียงแค่หลี่เส้าจงเช่นกันที่จะสามารถคู่ควรกับลูกสาวของเขาได้
ดังนั้น เมื่อมีโซ่ตรวนมาปรากฏขึ้น เขาจะต้องช่วยลูกสาวของเขาถอนรากถอนโคนมันบอก
“บอกมาเถอะ เงื่อนไขของคุณ! ”
เฉินเกอถูกนำทางโดยชายชรามาที่ทะเลสาบในสวนหลังบ้าน
“เงื่อนไข?”
เฉินเกอมองไปที่ว่านเย่าจงอย่างช่วยไม่ได้
“ใช่ ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ นายเข้าใกล้ลูกสาวของฉัน ย่อมต้องมีเป้าหมายอยู่แน่ ไม่ว่าพวกนายต้องการตั๋วเข้าชมเองก็ดี หรือว่ากำลังเงินทองอะไร ก็บอกมาตามตรง!”
ว่านเย่าจงเอ่ยพูดขณะที่มือกำลังไพล่หลังและมองออกไปไกล
เห็นได้ชัดว่า เขาไม่แม้แต่คิดที่จะมองเฉินเกอ
“ผมเข้าใจแล้ว ความหมายของคุณก็คือ ที่ผมทำลงไปทั้งหมดก็เพราะอยากเข้าใกล้ว่านเสว่ลูกสาวของคุณ คุณคิดว่าผมไม่บริสุทธิ์ใจ หรือไม่ก็ไม่คู่ควรกับว่านเสว่ ดังนั้นจึงให้ผมเอ่ยปากบอกเงื่อนไขออกมา และให้ผมไปจากว่านเสว่ซะ!?”
เฉินเกอถามด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
“ไม่ผิด นายฉลาดกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ฉันไม่ได้อยากจะทำลายนาย แต่ทางที่ดีที่สุดนายอย่าได้เพ้อฝัน ไม่งั้น อาจจะเป็นการเสียเวลาชีวิตของนายได้ ยิ่งไปกว่านั้น มีเส้าจงอยู่ นายยิ่งไม่ต้องคิดฝันไปไกล ดังนั้นความจริงในจุดนี้ นายต้องการอะไร?”
ว่านเย่าจงคิดในใจ ชายหนุ่มคนนี้กลับตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง
“ฮ่าฮ่า ผมไม่เข้าใจจริงๆ คุณอาศัยอะไร ถึงคิดมาถึงขั้นนี้ได้ ผมไม่ได้คิดจะขออะไรจากคุณ แค่ตระกูลว่านตระกูลหนึ่ง ไม่มีค่าอะไรให้ผมต้องการ แต่เดิม ผมมาร่วมงานวันเกิดครั้งนี้ก็เพราะอยากจะเข้าร่วมเป็นแขกของตระกูลว่านของพวกคุณ และช่วยพวกคุณเข้าร่วมเทศกาลใต้ดิน แต่ในวันนี้ กลับเป็นฉันที่ไม่รู้จักประเมินกำลังของตัวเองไปเสียแล้ว?”
เฉินเกอส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ความรู้สึกที่ว่านเย่าจงคนนี้ต่อต้านเขา ก็เพราะกลัวว่าเขาจะไปไล่จีบลูกสาวของตัวเอง!
“นายเป็นคนฉลาดมากคนหนึ่ง แต่ต้องเข้าใจว่า สิ่งที่นายทำมาทั้งหมด ก็ช่างไม่ประเมินกำลังของตัวเองจริงๆ!”
ในที่สุดว่านเย่าจงก็หันหน้ามา
และมองดูเฉินเกอ
เดิมทีลุงไป๋บอกว่ามีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับชายคนนี้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่านเย่าจงจึงตัดสินใจพบกับเฉินเกอ
น่าเสียดาย ที่แม้แต่จุดนี้ ตนเองยังต้องรู้สึกผิดหวัง
นี่คือชายหนุ่มที่ธรรมดาจนไม่อาจธรรมดาไปได้มากกว่านี้อีก
อีกทั้งยังเป็นชายหนุ่มที่หยิ่งยโส
ความสำเร็จของเขา แม้ในห้างสรรพสินค้า ก็ยังยากที่จะก้าวหน้าได้
ดังนั้นว่านเย่าจงจึงตัดสินใจไม่เปลืองคำพูดอีกต่อไป
“เอาล่ะ ฉันว่าพวกเราพูดกันตรงๆ ดีกว่า นายอยากได้อะไร ไปบอกกับพ่อบ้านของฉัน จากนั้นก็รีบหายไปจากเมืองจี้โจวแห่งนี้ซะ! ฉันจะไม่เปลืองน้ำลายพูดกับนายต่ออีก!”
โดยไม่ต้องรอให้เฉินเกอเอ่ยพูด ว่านเย่าจงก็สะบัดแขนอย่างหมดความอดทนและออกจากสนามหลังบ้านไปทันที
“คาดไม่ถึงว่า ว่านเย่าจงคนนี้เองก็เป็นคนที่น่าสนใจเช่นกัน …”
เมื่อมองไปยังว่านเย่าจงที่แสนจะหยิ่งผยอง เฉินเกอก็ให้คะแนนเขา
ในขณะเดียวกันในใจของเขาก็นึกคิด
หรือว่าตนเองจะต้องบุกเข้าเทศกาลใต้ดินจริงๆ? เนื่องจากถ้าจะให้เฉินเกอใช้วิธีนี้เอาบัตรเข้าไป เฉินเกอคงทำไม่ได้
ส่วนการบุกเข้าไปในเทศกาลใต้ดิน หากจำเป็น นี่คงเป็นแผนการที่เลวร้ายที่สุด
เขาหัวเราะอย่างอุ่นใจ หลังจากเฉินเกอกลับมา เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้พวกเฉินเปียวเปียวอยู่ที่นี่ต่อไป
หลังจากคุยกับว่านเสว่เสร็จ ทั้งสามก็ออกจากงานทันที
“เสว่เสว่ ทำไมเขาถึงไปแล้วล่ะ? คุณลุงว่านคุยอะไรกับพวกเขาใช่ไหม?”
ซิ่วซิ่วถามเบา ๆ
“ใครจะรู้ ใช่มั้ง! ”
ว่านเสว่กล่าว
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เธอล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปตามเฉินเกอเพื่อถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
บางที การที่เฉินเกอจากไป อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!
ในระหว่างทางกลับบ้าน
เฉินเปียวเปียวและหลินจิ่วหลังจากได้ฟังเรื่องท่าทีเย่อหยิ่งของว่านเย่าจงแล้วก็โมโหขึ้นมา
หลินจิ่วยังถึงกับมีความคิดจะไปถามว่านเย่าจงให้ชัดเจน
แต่เขากลับถูกเฉินเกอห้ามเอาไว้ เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เรื่องบัตรเข้าชม เกรงว่าจะไม่ได้ผลแล้ว
อย่างไรก็ตามเฉินเกอไม่ได้หวั่นเกรงอะไร รถมาถึงภูเขาย่อมต้องมีหนทาง อย่างมากก็แค่บุกเข้าไป ในจุดนี้ เฉินเกอมีความมั่นใจในความแข็งแกร่ง
“หืม? หยุดรถ!”
จู่ๆ เฉินเกอที่นั่งอยู่ด้านหลัง แต่เดินกำลังหลับตากลับลืมตาขึ้น จากนั้นจึงสั่งให้เฉินเปียวเปียวหยุดรถ
“อาจารย์ มีอะไรเหรอ?”
เฉินเปียวเปียวตะลึง
เฉินเกอนิ่งเพื่อสัมผัส จากนั้นจึงเอ่ย “พวกเรากำลังถูกจับตามองและคนๆ นั้นก็อยู่ไม่ไกลออกไป! ”
“อะไรนะ? หรือว่าจะเป็นว่านเย่าจง? ช่างเป็นไอ้สารเลวจริงๆ ถึงกับกล้าส่งคนมาลอบสังหารพวกเรา? ”
เฉินเปียวเปียวด่า
“ดูเหมือนจะไม่ใช่ คนผู้นี้มีลมปราณแข็งแกร่ง! เมื่อครู่ ฉันเพิ่งตรวจสอบในตระกูลว่าน ดูเหมือนว่าจะไม่มีอาจารย์คนไหนที่มีลมปราณแข็งแกร่งขนาดนี้! ”
เฉินเกอเอ่ยอย่างแน่นิ่ง
“คุณชาย ผมจะอยู่ที่นี่ช่วยคุณ! ”
หลินจิ่วเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้อง นายพอเปียวเปียวกลับไป ฉันอยากจะเห็นสักหน่อย ว่าจะเป็นพระโพธิสัตว์ที่ไหนมาโปรด พวกนายไปกันก่อน!”
ทันที่ที่สิ้นเสียง ยังไม่ทันรอให้ทั้งสองเอ่ยปาก
ก็มองเห็นร่างของเฉินเกอหายออกไปจากภายในรถทันที
“ซ่าซ่าซ่า!”
ในตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ที่แห่งนี้คือคูเมืองริมแม่น้ำของเมืองจี้โจว
รอบด้านเป็นป่าหนาทึบ
บนป่าสูง มีเสียงใบไม้ถูกเหยียบย่ำเบา ๆ
และเกิดเป็นเสียงฝีเท้าดังขึ้น
ที่น่าแปลกก็คือ มันกลับมองเห็นได้แต่รอยเท้าที่ย่ำลงไปบนใบไม้
แต่กลับไม่เห็นใครเลยแม้แต่เงา
คลิก! คลิก!
เฉินเกอเอามือไพล่หลัง จากนั้นจึงเหยียบย่ำไปบนกิ่งไม้ใบไม้แล้วเดินเข้าไปอย่างช้าๆ
ฉุบ!
ทันใดนั้น กิ่งไม้และใบไม้ก็พุ่งตรงเข้ามาหาเฉินเกอ ราวกับแสงเลเซอร์อันรุนแรง
เฉินเกอหลบออกด้านข้าง
ตูม!
ต้นไม้ใหญ่ขนาดล้อมรอบด้วยคนสามคนถูกพัดจนปลิว
คนผู้นี้เป็นผู้ฝึกตน สามารถเห็นได้ชัด
“ฮ่าฮ่าฮ่า …”
เมื่อตามเข้าไปอย่างใกล้ชิด รอบๆ ด้านก็เกิดเป็นเสียงหัวเราะราวกับผีร้ายดังขึ้นอย่างดุร้ายเป็นพิเศษ
“อย่าหัวเราะอยู่เลย ฉันมาแล้ว ออกมาเจอด้วยตนเองสักหน่อยยังจะดีกว่า…”
เฉินเกอเอ่ยเสียงเรียบ
เมื่อครู่ เขาจงใจปล่อยจิตสำนึกทางจิตทิพย์ออกมาครอบคลุมตนเอง ดูท่าแล้ว คงคิดจะดึงดูดตนเองให้มาที่นี่สินะ
เฉินเกอเองก็ต้องการรู้เช่นกันว่าคนๆ นี้เป็นใครและต้องการทำอะไร
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เดินมาอย่างอดทน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ …”
ไม่มีใครตอบเฉินเกอ มีเพียงเสียงหัวเราะอันว่างเปล่าเป็นคำตอบเท่านั้น มันทั้งฟังดูดุร้ายและแปลกประหลาด
สิ่งที่ตามมาจากเสียงหัวเราะนี้ ก็คือบนพื้นดิน เกิดเป็นพายุทอร์นาโดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงอย่างยิ่ง!
“คุณจะพอได้หรือยัง?”
เฉินเกอค่อนข้างโมโหอยู่บ้าง
“ฮ่าฮ่าฮ่า….คนหนุ่มสาวก็คือคนหนุ่มสาว ทำไมความอดทนเล็กๆ น้อยๆ ยังไม่มีกันบ้าง?”
น้ำเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับมีเสียงคนเอ่ยขึ้นมาด้วย
เฉินเกอหมดความอดทน เขาเดินขมวดคิ้วเข้าไปดู
สิ่งที่เห็นก็คือ บนยอดไม้ตรงหน้า มีชายชราสวมเสื้อคลุมสีดำ ผมยาวสีเทา ราวกับค้างคาวในยามราตรี กำลังค่อยๆ ลอยลงมาบนยอดไม้
แน่นอนว่า เมื่อเขาเห็นเฉินเกอ เสียงหัวเราะก็ยิ่งดังขึ้น
เสียงหัวเราะดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่า