ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 819
บทที่ 819 เสแสร้ง
เฉินเกอปล่อยโจวโน่ออก
“ทำไมคุณมาที่นี่?ก่อนจะมาทำไมไม่บอกกล่าวกันก่อนสักคำ?”
โจวโน่มองไปยังเฉินเกอแล้วถามด้วยความสงสัย
“ก่อนหน้านี้ผมไปที่บ้านคุณ ผู้คุ้มกันที่อยู่หน้าบ้านบอกว่าคุณออกไปข้างนอก ดังนั้นผมก็เลยลองออกมาเสี่ยงดวงดูว่าจะได้เจอคุณข้างนอกนี้หรือเปล่า!”
เฉินเกอพูดอธิบายสั้นๆกับโจวโน่
เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินเกอพูด โจวโน่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเธอมีความสุขแค่ไหน
นับตั้งแต่ที่แยกทางกับเฉินเกอ โจวโน่ก็รู้สึกเบื่อเอามากๆ เอาแต่คิดเฉินเกอ
“โน่เอ๋อ เขาคือใคร ?”
ชายหนุ่มที่สวมชุดสูทสีขาวพอเห็นโจวโน่และเฉินเกอสนิทสนมกันอย่างนี้ ก็ถึงกับโมโหหนัก เดินตรงเข้าไปตรงหน้าโจวโน่พร้อมกับถาม
โจวโน่เหลือบไปมองชายหนุ่มชุดสูทขาว ก่อนจะพูดด้วยเสียงเย็นชา
“เขาเป็นแฟนฉันเอง หลินจื่อเจ๋ทางที่ดีคุณอย่ามารบกวนฉันอีกเลย ไม่อย่างนั้นคุณต้องระวังตัวหน่อยเดี๋ยวจะโดนแฟนของฉันสั่งสอนเอา!”
เฉินเกอที่ได้ยินก็คิ้วขมวดแน่นขึ้นมา
โจวโน่ตัวร้ายยังช่างกล้าใช้คนอื่นเป็นโล่กำบังจริงๆ
“เอ่อ ผมไม่ใช่ ผมไม่ใช่แฟนของเธอ!”
เฉินเกอที่ไม่ยอมปล่อยให้โจวโน่เอาเปรียบง่ายๆ จึงพูดค้านทันที
โจวโน่เหลือบไปจ้องเฉินเกออย่างกะทันหัน ด้วยความคิดที่ว่าทำไมเฉินเกอถึงได้ซื่อบื้ออย่างนี้นะ ก็เห็นอยู่ว่าเธอเพียงหาข้ออ้างที่จะหลุดพ้นจากการรบกวนของหลินจื่อเจ๋
ชายหนุ่มสวมชุดสูทขาวชื่อหลินจื่อเจ๋ เป็นคุณชายตระกูลหลินแห่งตี้ตูของโลกยู่ ซึ่งเขานั้นคอยตามจีบตามหยอดโจวโน่อยู๋ตลอด แต่ไม่ว่าทำยังไงโจวโน่ก็ไม่ชอบเขา แม้แต่จะมองเขาให้เต็มตาเธอก็ไม่มอง สิ่งนี้จึงทำให้ใจของหลินจื่อเจ๋ไม่สงบ เอาแต่คิดว่าเขาจะต้องจีบโจวโน่จนติด
“โจวโน่ คุณจัดการกับธุระของตัวเองก่อนเถอะ รอให้คุณจัดการเสร็จแล้ว พวกเราค่อยหาที่นั่งคุยกันดีกว่า!”
เพื่อที่จะไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิด เฉินเกอจึงพูดเตือนกับโจวโน่ พอพูดจบ เฉินเกอที่กำลังคิดจะหันหลังจากไป
เมื่อเห็นเฉินเกอกำลังจะไป โจวโน่ก็เริ่มร้อนรน ล้นเล่นหน่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เฉินเกอจะเป็นฝ่ายมาหาเธอ โจวโน่จะปล่อยเฉินเกอไปง่ายๆได้อย่างไร แถมเฉินเกอก็ยังเป็นหนี้บุญคุณเธออยู่ด้วย โจวโน่จึงรีบเอื้อมมือออกไปจับแขนของเฉินเกอเอาไว้ พร้อมกับเอนตัวเอาไปแนบชิดกับเฉินเกอ ก่อนจะทำให้เฉินเกอรู้สึกผ่อนคลาย
“เฉินเกอ คุณอย่าลืมไปสิว่าคุณยังติดหนี้บุญคุณฉันอยู่ ฉันบอกกับคุณนะว่าผู้ชายคนนี้เขาน่ารำคาญเกินไป คุณต้องแกล้งเป็นแฟนฉันก่อน ให้ฉันหลุดพ้นจากเขาแล้ว ฉันจะนับว่าคุณใช้หนี้คืนให้ฉันแล้ว!”
โจวโน่เข้าใกล้หูของเฉินเกอ พร้อมกับกระซิบเบาๆ
เฉินเกอไม่ใช่คนประเภทที่พูดแล้วไม่รักษาคำพูด ในเมื่อโจวโน่ให้เขาทำแบบนี้ในการใช้หนี้บุญคุณ เช่นนั้นเฉินเกอก็คงต้องตอบตกลงได้อย่างเดียว
เมื่อเห็นเฉินเกอไม่ได้พูดอะไร โจวโน่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเฉินเกอได้ตกลงแล้ว
“หลินจื่อเจ๋ ฉันกับแฟนยังมีธุระ คุณอย่ามารบกวนฉันอีก พวกเราเป็นไปไม่ได้หรอก ลาก่อน!”
โจวโน่หันหน้าไปยังหลินจื่อเจ๋ ตักเตือนเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
หลินจื่อเจ๋ในฐานะคุณชายแห่งตระกูลหลิน จะทนกับความอัปยศอดสูอย่างนี้ได้อย่างไร ผู้หญิงที่ตัวเองรักกลับถูกผู้ชายอื่นแย่งไป มันทำให้เขารู้สึกอับอายจนเกินไป
“นายชื่ออะไร?ฉันอยากจะท้าประลองนายสักตั้ง!”
หลังจากนิ่งไปชั่วครู่ หลินจื่อเจ๋ก็ชี้หน้าเฉินเกอตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
เฉินเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าหลินจื่อเจ๋คนนี้นี่ช่างไม่รู้จักเจียมตัวจริงๆ โจวโน่พูดขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมปล่อยเธออีก
“หลินจื่อเจ๋ คุณมีอะไรจะมาท้ากับแฟนของฉัน ด้วยพลังแค่นั้นของคุณงั้นหรอ แฟนของฉันแค่ใช่มือเดียวก็ทำให้คุณตายได้แล้ว!”โจวโน่พูดอย่างดูถูก พร้อมกับจ้องหลินจื่อเจ๋อย่างเหยียดหยาม จนทำให้หลินจื่อเจ๋อับอายขายขี้หน้า
ความโกรธของหลินจื่อเจ๋เพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า ด้วยความรู้สึกว่าโจวโน่ดูถูกเขาจนเกินไป ยังไงซะเขาก็เป็นถึงผู้มีพลังหลุนหวางชั้นเก้าเชียวนะ
“เจ้าหมอนี่ ถ้าวันนี้ไม่ประลองกับฉัน ฉันรับรองได้เลยว่านายจะไม่มีทางมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้แน่!”
หลินจื่อเจ๋ไม่สนใจคำพูดของโจวโน่ แต่หันไปพูดข่มขู่เฉินเกอแทน
เดิมทีเฉินเกอไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณชายหนุ่มน้อยคนนี้เท่าไหร่นักหรอก แต่ในเมื่อเขาข่มขู่ตัวเองขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นเฉินเกอก็คงต้องสั่งสอนเขาสักเล็กน้อยแล้ว ช่างไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำจริงๆ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานจริงๆ
“นายแน่ใจหรอ ว่าจะท้าประลองกับฉัน?”
เฉินเกอมองไปที่หลินจื่อเจ๋อย่างเย็นชาและถามอีกครั้งเพื่อยืนยัน
“พูดมาก ฉันขอบอกนายไว้เลยถ้าเกิดนายแพ้แล้ว นายจะต้องคลานแล้วไสหัวออกไปจากตี้ตูซะ!”
หลินจื่อเจ๋พูดข้อเสนอพร้อมกับจ้องไปยังเฉินเกอ
“แล้วถ้าเกิดนายแพ้ล่ะ?”
เฉินเกอถามด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ ที่มุมปากของเขา
“หึ ฉันจะแพ้ให้คนอย่างนายได้ยังไง!”
หลินจื่อเจ๋พูดดูถูกด้วยความมั่นใจ เพราะเขาไม่ได้มองเฉินเกออยู่ในสายตาอยู่แล้ว เพราะเขาคิดว่าเฉินเกอไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน
“งั้นเอาอย่างนี้ ถ้าเกิดนายแพ้ นายจะต้องจ่ายเงินให้ฉันหนึ่งร้อยล้าน เป็นยังไง?”
หลังจากที่เฉินเกอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยื่นข้อเสนอของตัวเองให้กับหลินจื่อเจ๋
เหตุผลที่เฉินเกอเดิมพันด้วยเงินหนึ่งร้อยล้านกับหลินจื่อเจ๋ เพราะว่าเฉินเกอจะใช้เงินนี้ไปซื้อฮู้เวทย์ เมื่อเทียบกับการจ่ายด้วยเงินของตัวเองแล้ว มันไม่เท่ากับการใช้เงินของคนอื่น ใช้เงินของคนอื่นจ่ายเนี่ยมันไม่ดีกว่าหรือไง?
“ได้ เอาตามที่นายพูด!”
หลินจื่อเจ๋ไม่คิดอะไรมาก ก็รับปากไปแล้ว
เงินหนึ่งร้อยล้านสำหรับหลินจื่อเจ๋แล้วไม่ได้ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก เพราะรู้ไว้เลยว่าตระกูลหลินของเขานั้นเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยมาก
โจวโน่ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ไม่ได้เอ่ยปากห้าม เพราะเธอรู้ถึงพละกำลังของเฉินเกอ ดังนั้นหลินจื่อเจ๋แพ้แน่นอนอยู่แล้ว ส่วนเงินหนึ่งร้อยล้านก็คาดว่าจะต้องจ่ายให้กับเฉินเกออย่างง่ายดาย
ในไม่ช้า หลินจื่อเจ๋ก็หาทุ่งกว้างว่างเปล่าแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ถอดเสื้อสูทออก ปลดกระดุมที่คอของตัวเอง ก่อนจะอบอุ่นร่างกาย
ส่วนเฉินเกอก็ยืนอยู่กับที่ จ้องมองหลินจื่อเจ๋อย่างเงียบๆ เมื่อมีคนให้เงินเขา แน่นอนเฉินเกอต้องหัวเราะเยาะ
“นายจะวอร์มร่างกายอีกนานแค่ไหน?ฉันไม่ได้มีเวลามาเล่นกับนายนานนักหรอกนะ!”
เฉินเกอหันไปถามหลินจื่อเจ๋อย่างหมดความอดทน
หลินจื่อเจ๋สะดุ้ง ดวงตาเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ เกลียดชังจนอยากจะกระแทกเฉินเกอลงไปกับพื้น
“ดูฉันจะต่อยนายล้มด้วยหมัดเดียว!”
หลินจื่อเจ๋ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ แล้วกระโดดลอยตัวขึ้นจากพื้นแล้วบินพุ่งไปยังเฉินเกออย่างรวดเร็ว
เฉินเกอที่ยังยืนอยู่กับที่ก็ไม่ได้คิดจะหลบ เพราะในสายตาของเขา ความว่องไวของหลินจื่อเจ๋นั้นมันช้าเกินไป
“บูม!”
ไม่รอให้หลินจื่อเจ๋ได้เข้ามาสัมผัสตัว เฉินเกอก็ตวาดเท้าขึ้นแล้วเตะออกไป
หลินจื่อเจ๋ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศก็ถูกพลังปะทะกับตัวจนลอยออกไป ก่อนจะลอยโค้งออกไปเป็นเส้นสวยงาม แล้วกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง แล้วก็มีรอยแตกและหลุมเล็กปรากฏขึ้นบนพื้น
การเตะครั้งนี้เฉินเกอใช้พลังเพียงระดับสามเท่านั้น แต่ระดับสามนี้หลินจื่อเจ๋กลับไร้ทางต้านทานไว้ได้ แถมพอล้มไปกับพื้นก็ยังลุกขึ้นมาไม่ไหวอีก
สำหรับคนแบบนี้การใช้พลังเพียงท่าเดียวก็สามารถจบเกมได้แล้ว
สีหน้าของหลินจื่อเจ๋เต็มไปด้วยความตะลึง เขาเพิ่งได้รู้ว่าพลังของเฉินเกอนั้นน่ากลัวขนาดนี้ เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็สามารถจัดการเขาได้แล้ว ในใจของเขารู้สึกเกรงกลัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้