ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 853
บทที่ 853 ระดับต้นกับระดับเยี่ยม
“ฉันเอง! ”
ในเวลานั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากห้องระดับต้น
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเกอก็รู้สึกคุ้นหูอย่างมากและหันไปมองเขาทันที
ที่แท้ก็คือหลินจื่อหลัน
เฉินเกอไม่คาดคิดว่า หลินจื่อหลันจะลุกขึ้นยืนขึ้นก่อน
ต้องรู้ว่านี่คือการแข่งขันระหว่างระดับต้นและระดับเยี่ยม ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงมีช่องว่างด้านความแข็งแกร่งค่อนข้างเกินไปจริงๆ
“นายชื่ออะไร? ”
ปรมาจารย์หยุนคงถามหลินจื่อหลัน
“หลินจื่อหลัน! ” หลินจื่อหลันเอ่ยชื่อตนออกมา
ส่วนทางระดับเยี่ยมเองก็มีคนออกมาแล้วหนึ่งคน และคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นไป๋เล่ที่เพิ่งออกมาเมื่อครู่
ไป๋เล่และหลินจื่อหลันล้วนเป็นคนจากโลกยู่เหมือนกัน เพียงความแข็งแกร่งของไป๋เล่นั้นเหนือกว่าหลินจื่อหลันอยู่นิดหน่อย ก็
หลินจื่อหลันอยู่ในขอบเขตหลุนหวาง ส่วนไป๋เล่เข้าสู่ขอบเขตเจินเหรินแล้ว ดังนั้นช่องว่างระหว่างพวกเขาจึงยังค่อนข้างใหญ่
มุมปากของไป๋เล่แสดงรอยยิ้มแปลกๆ ออกมา เขาคิดไปว่าในที่สุดตนเองก็สามารถทำร้ายหลินจื่อหลันได้สักที
ในฐานะที่เป็นคนที่อยู่ในโลกยู่ แต่อิทธิพลของตระกูลหลินนั้นสูงกว่าตระกูลไป๋เล็กน้อย ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไป่เล่ถึงได้ดูหมิ่นหลินจื่อหลันมาตลอด เขาคิดว่าความแข็งแกร่งของนายน้อยตระกูลหลินนั้นช่างอ่อนแออย่างยิ่ง จนทำเอาแทบอยากจะหัวเราะเยาะ
“โอ้ คุณชายหลิน ในที่สุดคราวนี้พวกเราก็ได้ประลองกันแล้ว เพียงแต่คุณจะต้องระวังหน่อย อย่าได้หาว่าฉันลงมือไม่เกรงใจ!”
ไป๋เล่เดินไปหน้าหลินจื่อหลัน จากนั้นจึงจ้องมองหลินจื่อหลันด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
หลินจื่อหลันไม่ใส่ใจกับคำพูดของไป๋เล่ เขารู้ว่าจิตใจของไป๋เล่กำลังคิดอะไร ไป๋เล่จะต้องเห็นตัวเองยืนขึ้นแน่ดังนั้นจึงได้จงใจที่จะออกมาแข่งขันกับตัวเอง เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้ในการทำให้ตัวเองอับอาย
แม้ว่าหลินจื่อหลันจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาเทียบไม่ได้กับไป๋เล่ แต่เขาเองก็ไม่ถอยหลังกลับด้วยความกลัว และจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต้านทานไป๋เล่
“ทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว การประลองเริ่มได้! ”
ปรมาจารย์หยุนคงเรียกหลินจื่อหลันและไป๋เล่เพื่อออกคำสั่ง
หลินจื่อหลันและไป๋เล่ต่างก็ถอยไปด้านหนึ่ง ระยะห่างระหว่างพวกเขาอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร ทำให้พวกเขามีพื้นที่ในการตอบสนองอยู่บ้างเล็กน้อย
ในเวลานี้ เฉินเกอที่นั่งอยู่ด้านบนกำลังมองลงไปด้านล่าง ในใจก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้
เฉินเกอรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินจื่อหลัน ดังนั้นการประลองครั้งนี้มีโอกาสอย่างมากที่จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของหลินจื่อหลัน เนื่องจากยังไงเสียไป๋เล่ก็อยู่ในขอบเขตเจินเหรินไปแล้ว
แต่เฉินเกอก็ไม่สามารถออกหน้าเพื่อหยุดมันได้ ใครใช้ให้มันเป็นกฎการประลองของสถานศึกษาหลิงคงกัน
เฉินเกอได้แต่คิดว่าทางที่ดีที่สุดขอให้หลินจื่อหลันพอรับไหว ไม่แพ้จนยับเยินเกินไปก็พอ
“การประลองเริ่มขึ้น! ”
จากนั้น ตามคำสั่งของปรมาจารย์หยุนคง การประลองครั้งที่สองเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทันทีที่สิ้นเสียงลง ไป๋เล่ก็ออกตัวอย่างไม่พูดไม่จา และพุ่งเข้าใส่หลินจื่อหลันอย่างรวดเร็ว
ในพริบตา ไป๋เล่ก็มาถึงหน้าหลินจื่อหลัน ในมือหยิบดาบออกมาแทงไปที่หลินจื่อหลันทันที
แน่นอนว่าความเร็วของขอบเขตเจินเหรินนั้นย่อมเหนือกว่าขอบเขตหลุนหวางอยู่ไม่น้อย
แต่โชคดีที่หลินจื่อหลันอยู่ในสมาธิตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงตอบสนองทันทีด้วยการก้าวถอยหลัง หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวครั้งแรกของไป๋เล่
“โอ้ ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาของนายจะเร็วดีนี่”
ไป๋เล่ยิ้มอย่างเย็นชา มุมปากมีร่องรอยเหยียดหยาม น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นถึงความเยาะเย้ยต่อหลินจื่อหลัน
พูดจบ ไป๋เล่ก็กระโดดขึ้นและหมุนตัวไปร้อยแปดสิบองศา จากนั้นดาบในมือก็เกิดเป็นเงาดาบบินนับร้อยเล่มพุ่งเข้าใจหลินจื่อหลัน
หลินจื่อหลันชักดาบออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อต่อต้าน
“กลีบดอกไม้ลอยมั่ว! ” ไป๋เล่ตะโกน
นี่คือชื่อกระบวนท่าของไป๋เล่ เงาดาบมากมายกำลังกระจัดกระจายออกไปมากมาย จนทำให้หลินจื่อหลันไม่สามารถหาเงาดาบที่แท้จริงได้
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสื้อผ้าของหลินจื่อหลันก็ขาดรุ่ยลง ทุกที่มีรอยดาบปรากฏอยู่ สภาพดูแล้วเหี้ยมโหดอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ชัยชนะได้ถูกกำหนดแล้ว เห็นได้ชัดว่าไป๋เล่ได้รับชัยชนะ
“เอาล่ะ ทั้งสองฝ่ายหยุดมือ และจบลงที่ตรงนี้ ชัยชนะได้ถูกกำหนดแล้ว! ”
ปรมาจารย์หยุนคงเริ่มตะโกนทันที จากนั้นก็ประกาศผลการประลองโดยตรง
“การประลองครั้งที่สองชัยชนะเป็นของไป๋เล่จากห้องระดับเยี่ยม”
ในใจของหลินจื่อหลันไม่ยินยอมนัก แต่ความแข็งแกร่งของเขาเองก็ไม่ดีเท่าไป๋เล่จริงๆ จึงได้แต่ยอมรับผลการประลอง
“หึ หลินจื่อหลัน ฉันจะบอกนาย นายจะต้องพ่ายแพ้ในกำมือฉันตลอดไป ทางที่ดีจากนี้ถ้าเห็นฉันก็จงไสหัวไปไกลๆ ซะ ไม่อย่างนั้นฉันเจอนายครั้งหนึ่งก็ตีนายครั้งหนึ่ง!”
จากนั้นก็เห็นไป๋เล่ชี้ไปที่หลินจื่อหลันต่อหน้าทุกคนในลานประลองและเอ่ยเตือนอย่างเย็นชา
ทันทีที่เขากล่าวเช่นนี้ ผู้คนทั้งหมดก็ตกใจ ใครจะไปคิดว่าไป่เล่จะกล้าหาญถึงขนาดพูดจาข่มขู่ชั่วร้ายแบบนี้ออกมา อีกทั้งยังเอ่ยจ่อหน้าคณบดีและเหล่าปรมาจารย์อีกด้วย
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติยิ่ง สวีหมีและเหล่าปรมาจารย์ไม่ได้สนใจอะไรเช่นกัน ในเมื่อที่นี่นั้นมีการแข่งขันอยากดุเดือดอยู่จริง อีกทั้งท้ายที่สุดแล้วนักเรียนระดับเยี่ยมก็มีสถานะที่สูงกว่าระดับต้นจริงๆ
แต่เฉินเกอไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าไป๋เล่หยิ่งผยองและวางอำนาจเกินไป จนเขาอดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา
หลินจื่อหลันเป็นเพื่อนของเขา ไป๋เล่ทำแบบนี้เห็นได้ชัดว่าดูถูกเพื่อนของตน ดังนั้นเฉินเกอจึงไม่สบอารมณ์ และตัดสินใจที่จะทวงความยุติธรรมกลับมาให้หลินจื่อหลัน
“เอาล่ะ ต่อไปเป็นการประลองครั้งที่สาม เป็นการต่อสู้ของระดับเยี่ยมและเฉินเกอศิษย์ของคณบดี นักเรียนระดับเยี่ยมโปรดส่งคนออกมาประลองที่ใจกลางจัตุรัส! ”
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป และปรมาจารย์หยุนคงก็ประกาศการประลองครั้งที่สาม
เฉินเกอรู้ว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว เขาลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นจึงกระโดดลงและร่อนลงตรงกลางจัตุรัสกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนทันที
ทุกคนที่นี่ล้วนอยากเห็นพลังของเฉินเกอ ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด
ในเวลานี้ นักเรียนห้องระดับเยี่ยมกำลังมีการพูดคุยและถกเถียงกันปั่นป่วน มีหลายคนที่อยากออกมาสู้กับเฉินเกอ ทุกคนล้วนเอะอะโวยวายกันขึ้นมา
“คณบดีและปรมาจารย์ทุกท่าน ผมมีเรื่องร้องขอ! ”
เฉินเกอมองและตะโกนไปทางคณบดีและปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่
“เฉินเกอ ว่ามา! ”
สวีหมีตอบทันที
“ผมสามารถเลือกคนในห้องระดับเยี่ยมเพื่อประลองได้หรือไม่!” เฉินเกอร้องขอ
สูด!
คำพูดนี้ ทำให้นักเรียนระดับเยี่ยมไม่พอใจอย่างมาก พวกเขารู้สึกว่าเฉินเกอหยิ่งเกินไป นี่เท่ากับว่าไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด
“ได้ ถ้าอย่างนั้นนายว่ามา นายจะเลือกใคร? ”
ในเมื่อท้ายที่สุดเฉินเกอเป็นลูกศิษย์ของตน สวีหมีย่อมเข้าข้างเขา และเอ่ยถามเฉินเกอทันที
“เขา! ”
“ไป๋เล่! คนที่ผมอยากเลือกคือเขา! ”
หลังสวีหมีเอ่ยปาก เฉินเกอก็โพล่งชื่อออกไปตรงๆ และชี้นิ้วไปที่ไป๋เล่ที่เพิ่งนั่งลง
ทันใดนั้นทุกคนก็หันไปมองไป๋เล่ทันที พวกเขาไม่คาดคิดว่าเฉินเกอจะเลือกไป๋เล่เป็นคู่ต่อสู้ นี่ทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างมาก
แต่ในใจของไป๋เล่กลับความสุข เขารู้สึกว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว ตราบใดที่เขาเอาชนะเฉินเกอได้ เขาก็จะสามารถเป็นลูกศิษย์ของคณบดีได้