ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 855
บทที่ 855 หอผงาดเวหา
“เอาล่ะ การประลองในวันนี้สิ้นสุดลงแค่นี้ พรุ่งนี้จะเป็นการทดสอบของหอผงาดเวหา หวังว่าพวกนายจะกลับไปพักผ่อนได้ดีๆ ในคืนนี้! ”
เมื่อสิ้นสุดการประลองลง ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง ปรมาจารย์หยุนคงจึงประกาศออกมา
จากนั้น ผู้คนทั้งหมดก็กระจัดกระจายออกไปทีละคน
หอผงาดเวหา เป็นการทดสอบที่ทรงพลังที่สุดในสถานศึกษาหลินคง มันถูกแบ่งออกเป็น 20 ชั้น
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จในการปีนขึ้นสู่จุดสูงสุด แม้แต่สวีหมีเองยังหยุดลงแค่ชั้นสิบแปดเท่านั้น ส่วนสี่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็หยุดอยู่ที่ชั้น 17 เท่านั้น
การทดสอบของแต่ละชั้นล้วนแตกต่างกันออกไป อีกทั้งการทดสอบของทุกคนก็แตกต่างกันด้วย ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าการทดสอบในหอผงาดเวหานั้นจะเป็นแบบไหน อีกทั้งยังไม่มีทางที่จะโกงได้เลย
ในตอนเย็น เฉินเกอถูกเรียกไปที่ห้องนอนของเขาโดยสวีหมี
“อาจารย์ คุณหาผมหรือ! ”
เฉินเกอเข้าไปในห้องนอนด้วยความเคารพและทักทายสวีหมีที่กำลังนั่งอยู่บนแท่นบำเพ็ญ
สวีหมีลืมตาขึ้นช้าๆ และมองไปที่เฉินเกอที่อยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้ม
“เฉินเกอเอ๋ย เมื่อบ่ายนี้นายทำได้ไม่เลว อาจารย์พอใจอย่างมาก เพียงแต่นายพร้อมสำหรับหอผงาดเวหาในวันพรุ่งนี้หรือยัง?”
สวีหมีกล่าวชื่นชมเฉินเกอ จากนั้นจึงสอบถามเขาด้วยความใส่ใจ
“อาจารย์ ผมได้ยินปรมาจารย์หยุนคงแนะนำเกี่ยวกับหอผงาดเวหาสั้นๆ มาก่อน เพียงแต่ผมอยากรู้สักหน่อยว่าที่แห่งนั้นมีการทดสอบอะไร? ท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยชี้แนะ! ”
เฉินเกอถาม สวีหมีทันที
“ฮ่าฮ่า! ”
สวีหมียิ้มจางๆ
“หอผงาดเวหาถูกสร้างขึ้นโดยเทพเจ้าโบราณแห่งสถานศึกษาหลินคง นับตั้งแต่เทพโย๋วแห่งดาวเข้าสู่โลกีย์ หอผงาดเวหาก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ถึงการมีอยู่ของสถานศึกษาหลิงคง ผู้ที่เข้าสู่สถานศึกษาหลิงคงทุกคนล้วนต้องผ่านการทดสอบจากหอผงาดเวหา มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะกลายเป็นศิษย์ของสถานศึกษาหลินคงได้อย่างแท้จริง! ”
“สำหรับการทดสอบด้านใน ฉันเองก็ไร้หนทางบอกนายได้ หอผงาดเวหามีความมหัศจรรย์อย่ายิ่ง การทดสอบของแต่ละคนล้วนแตกต่างกันออกไป มีเพียงแค่ตัวนายเองที่เผชิญกลับมันแล้วจึงจะรู้ได้! ”
สวีหมีไม่ได้ตอบคำถามของเฉินเกอ แต่เขากลับบอกเล่าข้อมูลเฉพาะบางอย่างเกี่ยวกับหอผงาดเวลาออกมาให้เฉินเกอฟัง
“อาจารย์ ได้ยินปรมาจารย์หยุนคงบอกว่าคุณเองก็หยุดอยู่แค่ที่ชั้น 18 ใช่ไหม?”
เฉินเกอถามสวีหมีอย่างระมัดระวัง
“ไม่ผิด หอผงาดเวหาเมื่อยิ่งเข้าไปลึกขึ้นก็ยิ่งยากลำบาก ชั้นสิบแปดเป็นเรื่องหลายสิบปีก่อนของฉัน หลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยก้าวเข้าไปใสหอผงาดเวหาอีก!” สวีหมีพยักหน้าเล็กน้อยและตอบกลับ
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีหมี เฉินเกอก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ และคิดว่าตนเองจะต้องเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ไปได้ไกลยิ่งกว่า
ในเมื่อแม้แต่สวีหมียังหยุดลงแค่ที่ชั้น 18 ของหอคอยผงาดเวหาเท่านั้น ดังนั้นเขาจะต้องอยู่เหนือกว่าสวีหมีให้ได้ และปีนขึ้นไปบนยอดหอคอยผงาดเวหาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
สิ่งที่รุ่นก่อนทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นหลังจะทำไม่ได้ เวลาแปรผันไปทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง
จากนั้นสวีหมีก็หยิบถุงผ้าออกมาจากแขนเสื้อของตนและส่งให้เฉินเกอ
“อาจารย์ นี่คือ?”
เฉินเกอเห็นเข้า ก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“นี่คือถุงผ้าที่ฉันได้มาจากหอผงาดเวหาในปีนั้น มันไม่เคยถูกเปิดออกมาก่อน ตอนนี้ฉันส่งมอบมันให้นาย บางทีภายหลังจากที่เข้าไปในหอผงาดเวหาแล้วสิ่งนี้อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับนาย เพียงแต่จงเปิดมันออกในช่วงเวลาที่คับขันอย่างที่สุด จะต้องจำคำของฉันเอาไว้! ” สวีหมีเอ่ยเตือนเฉินเกอด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ อาจารย์ ผมจะจำไว้! ”
เฉินเกอพยักหน้ารับ
หลังจากพูดคุยเสร็จ เฉินเกอก็ออกจากห้องนอนของสวีหมี
ไม่นานหลังจากที่เฉินเกอจากไป สวีหมีก็โบกมือ จากนั้นตรงหน้าเขาก็มีแผนที่ดาวปรากฏขึ้นมา
มีดวงดาวมากมายอยู่ในภาพ เพียงแต่ภายใต้แสงดาวนั้นกลับมองไม่ออกเป็นอะไร
“แผนที่ดาวไร้ระเบียบ แสงดาวแตกดับ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหายนะสำหรับแผ่นดินหลิงคงที่กำลังใกล้เข้ามา! ”
หลังจากมองดูแล้ว สวีหมีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความหนักใจ
“ติ้ง!”
อย่างไรก็ตามในเวลานั้นเอง บนท้องฟ้าก็ปรากฏแสงดาวสีขาวสว่างจ้า โดดเด่นขึ้นมา
“หรือว่าเฉินเกอก็คือปราชญ์ที่จะเข้ามาช่วยแผ่นดินหลิงคงของฉันเอาไว้?”
หลังจากเห็นดวงดาว ในใจของสวีหมีก็อดไม่ได้ที่จะแตกตื่นยินดี
。
ในไม่ช้า เฉินเกอก็กลับไปที่ศาลาตงเยี่ยน
“พี่เฉินเกอ! ”
เพิ่งจะถึงที่ประตู เฉินเกอก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
เจ้าของเสียงนั้นก็คือผู้ที่เพิ่งประมือกับเฉินเกอไปเมื่อยามบ่าย เล๋ยเล่
“พี่เล๋ย ดึกขนาดนี้แล้วหาผมมีเรื่องอะไร?”
เมื่อเห็นว่าเป็นเล๋ยเล่ เฉินเกอก็ถามขึ้นอย่างสงสัย เขาไม่คิดมาก่อนว่าเล๋ยเล่จะเป็นฝ่ายมาหาตนเองก่อน
“เหอะเหอะ พี่เฉินเกอ ฉันมาที่นี่เพื่อคุยกับนายเรื่อยเปื่อย สนใจดื่มไวน์ด้วยกันสักหน่อยไหม? ”
เล๋ยเล่หัวเราะเบาๆ ด้านหนึ่งเอ่ยปากอีกด้านกำลังเขย่าขวดไวน์ในมือของเขา
เฉินเกอยิ้มอย่างรู้ทัน เขาพยักหน้าและเอ่ย “ดี เข้าไปข้างในเถอะ”
พูดจบ เฉินเกอก็พาเล๋ยเล่เข้าไปในศาลา
หลังจากเข้าไปในศาลา ก็เห็นพวกโจวโน่ที่กำลังนั่งอยู่ข้างใน
“เฉินเกอ นายกลับมาแล้ว! ”
เมื่อเห็นเฉินเกอกลับมา โจวโน่ก็ลุกขึ้นเอ่ยทันที
“หืม? นี่ไม่ใช่ศิษย์พี่เล๋ยหรอกหรือ!”
เมื่อพวกเขาเห็นเล๋ยเล่ก็ร้องอุทานขึ้นมา
“สวัสดีทุกคน!”
เล๋ยเล่เองก็ทักทายพวกโจวโน่อย่างสุภาพเช่นกัน
จากนั้น ทั้งหมดก็เริ่มนั่งลงพูดคุยและดื่ม
เหล้า นับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการผูกมิตร ไม่นานนัก พวกเฉินเกอทั้งสี่ก็เป็นเพื่อนที่ดีกับเล๋ยเล่ไปแล้ว
ทั้งห้าพูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข ราวกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
จนกระทั่งตกดึก ทั้งห้าคนก็ค่อยๆ หลับไปในศาลา
เช้าวันรุ่ง แสงที่สาดส่องเข้ามาในศาลา ทำให้พวกเฉินเกอทั้งห้าคนตื่นขึ้น
วันนี้เป็นวันทดสอบของหอผงาดเวหา นักเรียนทุกคนที่จะเข้าสู่สถานศึกษาหลิงคงล้วนต้องเข้าร่วม
แน่นอนว่า ผู้นำก็คือเฉินเกอ
เฉินเกอในฐานะศิษย์ของคณบดี ย่อมต้องกลายเป็นผู้นำไปโดยปริยาย
เมื่อถึงเวลาเก้าโมงเช้า นักเรียนทุกคนก็มารวมตัวกันที่หอผงาดเวหา
เมื่อมองไปยังหอผงาดเวหาอันสูงตระหง่านอยู่บนยอดเมฆ ผู้คนก็รู้สึกว่ามันสง่างดงามอย่างยิ่ง
“วันนี้เป็นวันสำหรับนักเรียนใหม่ที่จะเข้าไปทดสอบในหอผงาดเวหา ดังนั้นนักศึกษาใหม่ทุกคนที่ต้องเข้าร่วมการทดสอบ ไม่ว่าผลการทดสอบของพวกคุณจะเป็นอย่างไร มีเพียงผู้ที่ได้รับการทดสอบในหอผงาดเวหาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเป็นนักเรียนของสถานศึกษาหลินคงได้!”
ปรมาจารย์หยุนคงเดินออกมาและตะโกนบอกกลุ่มคนด้านล่าง
“คนแรกที่เข้าไปในหอผงาดเวหาเพื่อทดสอบก็คือเฉินเกอศิษย์ของคณบดี! ”
หลังจากเฉินเกอได้ยิน เขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังหน้าประตูหอผงาดเวหา
“ตูม!”
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูของหอผงาดเวหาก็เปิดออกดังลั่น สภาพแวดล้อมด้านในที่มืดมิดปรากฏต่อหน้าทุกคน ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ว่าข้างในเป็นอย่างไร
เฉินเกอไม่พูดพร่ำ เขาก้าวเท้าออกไปและเข้าสู่ด้านในของหอผงาดเวหาทันที
เมื่อเฉินเกอเข้าไป ประตูหอคอยก็ปิดลงมาทันที