ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 856
บทที่ 856 ภารกิจ
เมื่อประตูหอคอยปิดลง เฉินเกอก็หันไปมองโดยไม่รู้ตัว
ในเวลานี้ ทั้งหอผงาดเวหามีเพียงความมืดมิด ไร้แสงสว่างแม้แต่น้อย
ในขณะที่เฉินเกอกำลังสงสัย ทันใดนั้นก็มีแสงไฟค่อยๆ สว่างวาบขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน
ภายใต้แสงไฟ มีชายชราในชุดขาวออกมา
“เรียนถามคุณคือ?”
เมื่อเห็นถึงการมาถึงของเขา เฉินเกอก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ข้าคือเทพโย๋วแห่งดาวของแผ่นดินหลิงคง นี่คือจิตวิญญาณดวงสุดท้ายของข้าในหอผงาดเวหา การมาถึงของเจ้าจึงจะเรียกข้าออกมา!”
จิตวิญญาณของเทพโย๋วแห่งดาวจ้องมองเฉินเกอและเอ่ยอธิบาย
“คุณคือเทพโย๋วแห่งดาว? ทำไมคุณถึงบอกว่าเป็นการมาถึงของผมที่เรียกจิตวิญญาณของคุณออกมา”
เฉินเกอประหลาดใจ จากนั้นจึงถามอย่างสงสัย
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเทพโย๋วแห่งดาวในตำนาน
“ฮ่าฮ่า! ”
เทพโย๋วแห่งดาวหัวเราะเบาๆ จากนั้นมือที่ยื่นออกมาก็ชี้นิ้วขึ้น
“ตึง! ”
พริบตา ในหอคอยก็กลายเป็นภาพจักรวาลอันกว้างใหญ่ของดวงดาว
เทพโย๋วแห่งดาวกวาดมือขึ้นอีกครั้ง และนำเสนอภาพขึ้นต่อหน้าเฉินเกอ
ในภาพ มันเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายและซากปรักหักพัง โครงกระดูกจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นดิน ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำหนาทึบแลดูน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแย่?
ในใจของเฉินเกออดคิดอย่างช่วยไม่ได้
“เทพโย๋ว ในภาพนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ” เฉินเกอถามเทพโย๋วแห่งดาวอย่างเร่งรีบ
ทันทีที่สิ้นเสียงของเฉินเกอ ภาพตรงหน้าก็มีเพียงตัวเลขปรากฏขึ้น
มันคือจำนวน 300
ในนั้นมันแฝงเบื้องหลังอะไรไว้? ตัวเลข 300 หมายถึงอะไร? เกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้งในสมองของเฉินเกอ
“นี่คือโลกภายหลังจากนี้ไปสามร้อยวัน! ”
หลังจากนั้นไม่นาน เทพโย๋วก็เริ่มเอ่ยอธิบายกับเฉินเกอ
หลังจากได้ฟัง เฉินเกอก็แตกตื่น ท่าทางของเขาแสดงออกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างยิ่ง ดวงตาของเขาเบิ่งกว้าง
“โลกภายหลังจากนี้ไปสามร้อยวัน?” เฉินเกอถามด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง สิ่งที่นายเห็นตอนนี้คือสถานการณ์ทั้งหมดในโลกหลังจากนี้ไป 300 วัน หลังจากนี้ 300 วัน เทพมารโบราณจะตื่นขึ้น และเข้าครอบงำโลกทั้งใบในเวลานั้น ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่แผ่นดินหลิงคงเท่านั้น แม้กระทั่งโลกยู่และดินแดนอื่นๆ เองก็จะไม่สามารถรอดพ้นจากการครอบงำของปีศาจได้”
เทพโย๋วแห่งดาวพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เฉินเกอรู้สึกราวกับว่าตนกำลังฟังนิทานอยู่ อีกทั้งยังรู้สึกว่านี่มันช่างเหลือเชื่อมากเกินไป
แต่เฉินเกอก็รู้ดีเช่นกันว่าเทพโย๋วแห่งดาวไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอนและทั้งหมดนี้จะต้องเป็นความจริง
“เทพโย๋ว นี่มันเกี่ยวอะไรกับผม? หรือว่าผมจะมีวิธีที่จะช่วยโลกได้หรือ?” ปฏิกิริยาของเฉินเกอนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง เขาเอ่ยถามเทพโย๋วทันที
ในเมื่อเทพโย๋วแห่งดาวแสดงสิ่งนี้ให้เขาดู นั่นแปลว่าย่อมมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเขาแน่ หรือว่าเขาจะกลายเป็นผู้กอบกู้โลกรุ่นใหม่ที่ช่วยให้โลกนี้รอด
เพียงแต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นจริงอย่างที่เฉินเกอคิด
“ที่นายพูดมาไม่ผิด นายจะกลายเป็นผู้กอบกู้โลกทั้งใบ มีเพียงนายเท่านั้นที่มีความสามารถในการต้านทานเทพมารโบราณ! ”
เทพโย๋วแห่งดาวจ้องมองเฉินเกอและตอบกลับ
เฉินเกอตกตะลึงตาค้าง นี่เขากลายไปเป็นผู้กอบกู้โลกได้ยังไงกัน?
อีกทั้งเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งหมดนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
“ทำไมต้องเป็นผม?”
เฉินเกอยังคงถามต่อไป หากยังไม่ชัดเจนเขาก็จะไม่ยอมแพ้
“เพราะนายมีเจตจำนงโบราณซ่อนอยู่ในตัวของนาย เจตจำนงนี้จะสามารถช่วยให้นายต้านทานเทพมารโบราณได้ขอแค่เพียงนายสามารถเปิดเจตจำนงนี้ออกมา อย่างนั้นนายก็จะสามารถช่วยโลกทั้งใบได้! ” เทพโย๋วแห่งดาวอธิบายอย่างใจเย็น
“ทำยังไงจึงสามารถเปิดเจตจำนงออกมาได้?” เฉินเกอถามทันที
พูดจบ เทพโย๋วแห่งดาวจึงกางมือออก ในมือมีม้วนหนังสือปรากฏขึ้น เขาส่งมันให้เฉินเกอ
บนม้วนหนังสือมีร่องรอยขาดหาย ซึ่งน่าจะเป็นบางสิ่งสำหรับเปิดม้วนหนังสือที่ขาดหายไป
“นี่คือคัมภีร์ดารกะ นายจะต้องมีผนึกสวนหลิงวางไว้ที่นี่ก่อนจึงจะสามารถเปิดมันได้ อย่างไรก็ตาม ผนึกสวนหลิงนั้นเป็นวัตถุโบราณเก่าแก่และไม่มีใครเคยพบเจอมันมาก่อน หากนายสามารถหาผนึกสวนหลิงได้ นายก็จะสามารถเปิดคัมภีร์ดารกะและเปิดเจตจำนงในร่างกายของนายได้! ”
เทพโย๋วแห่งดาวมองไปที่เฉินเกอและอธิบาย
เฉินเกอหยิบม้วนคัมภีร์ขึ้นมาดูอย่างพิจารณา จากนั้นจึงใส่ลงไปในแหวนเก็บของของเขา
“อย่างนั้นการทดสอบในหอผงาดเวหาคืออะไร?”
หลังจากรวบรวมม้วนคัมภีร์แล้ว เฉินเกอก็ถามเทพโย๋วแห่งดาวอีกครั้งด้วยความสงสัย
ตนเองไม่ได้เข้ามาเพื่อรับการทดสอบหรอกหรือ ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกราวกับมารับภารกิจได้อย่างไร
“เหตุผลที่ฉันก่อตั้งหอผงาดเวหาและทำการทดสอบ ก็เพื่อค้นหาการมาถึงของชายแห่งโชคชะตา ตอนนี้นายมาอยู่แล้ว นายจึงย่อมไม่ต้องทดสอบอะไร นั่นเพราะการทดสอบของที่นี่ทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์สำหรับนาย ฉันจะพานายส่งขึ้นไปยังยอดคอหอยโดยตรง!”
เทพโย๋วแห่งดาวตอบคำถามของเฉินเกอทันที
ทันทีที่พูดจบ พริบตาเฉินเกอก็ถูกย้ายไปที่หอคอยของหอผงาดเวหาทันที
ในตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ด้านนอก
“ดูเหมือนว่า บนหอคอยจะมีแสงไฟ! ”
ในเวลานี้ มีบางคนพบว่าบนหอคอยผงาดเวหามีแสงสว่างเกิดขึ้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สวีหมีและปรมาจารย์ทั้งสี่ก็มีท่าทางตื่นตะลึง พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินเกอจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้แล้ว
แสงนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ที่ไปถึงด้านบนได้แล้ว
เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว ที่แสงบนหอคอยผงาดเวหาไม่ได้ส่องสว่าง เฉินเกอเป็นคนแรก
ภายในหอคอย เฉินเกอมาถึงด้านบนสุดของหอคอย
เขาเห็นเพียงดาบที่มีแสงสว่างสีขาวตั้งตระหง่านอยู่บนหอคอย เมื่อเฉินเกอมาถึง ดาบก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่องราวกับว่ามีกระแสจิต
“เฉินเกอ นี่คือกระบี่ซิงหยวน จากนี้ไปมันคืออาวุธวิเศษของนาย ข้างๆ มีคู่มือกระบี่ซิงหยวนอยู่ หวังว่านายจะสามารถเรียนรู้ทักษะทั้งหมดของกระบี่ซิงหยวนได้ เช่นนั้นพลังของนายก็จะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง! ”
เทพโย๋วแห่งดาวปรากฏตัวต่อหน้าเฉินเกออีกครั้ง
หลังจากได้ฟัง เฉินเกอก็รู้สึกว่านี่มันเหลือเชื่ออย่างยิ่ง จากนั้นเขาจึงค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“ยื่นมือของนายออกไปและวางลงบนกระบี่! ”
เทพโย๋วแห่งดาวเอ่ยเตือน
เฉินเกอนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นจึงยื่นมือออกไป และทำตามคำบอกของเทพโย๋วแห่งดาวที่ให้เขาวางมือบนกระบี่ซิงหยวน
วินาทีถัดมา ใจกลางฝ่ามือของเฉินเกอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย บนฝ่ามือของเขาปรากฏบาดแผลเล็กๆ ขึ้น จากนั้นเลือดก็ไหลหยดลงมาและตกลงบนกระบี่
“ติ้ง! ”
เพียงครู่หนึ่ง กระบี่ซิงหยวนก็ส่งเสียงเบาๆ ขึ้นมา จากนั้นทั้งด้ามกระบี่ก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว
หลังจากการหมุนไปไม่กี่วินาที กระบี่ซิงหยวนก็หลุดจากฐาน และบินออกมาตกเข้าไปในมือของเฉินเกอ
เฉินเกอจับกระบี่ซิงหยวนเอาไว้แน่นและรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ส่งผ่านมาจากฝ่ามือของมือของเขาไปยังจุดดานเถียน
ความรู้สึกนี้ กำลังจะทะลวงแตกออก!!!!