ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 869
บทที่ 869 ตกหน้าผา
“ตามเร็วเข้า ตามไปฆ่าเขาซะ!” เล่หู่กัดฟันออกคำสั่ง
จากนั้น เล่หู่ก็นำคนของเล่หงถังสิบกว่าคนไล่ล่าตามไปยังทิศทางที่เฉินเกอวิ่งหนีไป
ต้องรู้ว่าการไล่ตามของเล่หงถังนั้นรวดเร็วมาก ในไม่ช้าพวกเขาก็สามารถไล่ตามทันเฉินเกอ
และในขณะนี้ เฉินเกอก็ถึงทางตันแล้ว เขาถูกผู้คนของเล่หงถังบังคับให้ไปถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง ข้างใต้เป็นเหวลึก
“หึ ไอ้นี่ ดูสิว่าแกจะหนีไปทางไหน!”
เล่หู่พูดทันทีด้วยท่าทางเย้ยหยัน
เฉินเกอขมวดคิ้ว จ้องมองเล่หู่อย่างเคร่งขรึม เขาคิดไม่ถึงว่าเล่หู่ละคนอื่นๆ จะตามทันตัวเองได้เร็วขนาดนี้
“แกคิดว่าแกสามารถฆ่าฉันได้เหรอ?”
เฉินเกอยกมุมปาก เผยให้เห็นมุมปากที่แปลกมองไปที่เล่หู่พูดอย่างน่าสงสัย
เล่หู่ฟังแล้วก็ผงะเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจเฉินเกอถามแบบนี้หมายความว่าอะไร ต้องรู้ว่าตอนนี้เฉินเกอนั้นถึงทางตันแล้ว
“เหอะ! ตอนนี้แกยังมีที่ให้หนีอีกเหรอ? ด้านหลังของแกเป็นเหวลึก งั้นแกก็โดดลงไป! แน่นอนอยู่แล้วว่าแกต้องตกไปตาย!” เล่หู่จ้องมองเฉินเกอพูดอย่างเย็นชา
“งั้นเหรอ? งั้นก็ลองดู” เฉินเกอกล่าวด้วยความดูถูกหลังจากที่ฟัง
พูดจบ เฉินเกอก็หันหลังไปและกระโดดไปที่หน้าผาด้านหลัง ตกลงไปที่หน้าผาโดยตรง
เล่หู่ก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาจะไปคิดถึงได้ยังไงว่าเฉินเกอจะเลือกวิธีนี้เพื่อจบชีวิตตัวเองแบบนี้ ยอมฆ่าตัวตายยังดีกว่าตกอยู่ในมือของเขา
“หึ!”
จากนั้น เล่หู่ก็ส่งเสียงเย็นชา หลังจากนั้นก็หันกลับมาและพาลูกน้องของตัวเองจากไป
เล่หู่รู้ว่าครั้งนี้เฉินเกอต้องตายแน่ๆ หน้าผาสูงขนาดนี้ ไม่มีความหวังที่จะอยู่รอดแน่นอน
แต่จะเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ?
สถานการณ์จริงๆ ต้องไม่เป็นอย่างที่เล่หู่คาดหวังอยู่แล้ว
หลังจากตกลงไปในเหวลึกที่มืด เฉินเกอยังไม่ตาย แต่ถูกต้นไม้ใหญ่ช่วยชีวิตไว้ เขาถูกแขวนอยู่บนกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่นี้ ข้างใต้มีแม่น้ำไหลเชี่ยว
แรงกระแทกที่ทรงพลังทำให้เฉินเกอเป็นลมหมดสติไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรอดมาได้
และขณะนี้ ในป่าอีกด้านหนึ่ง
เห็นเล๋ยเล่กับโจวโน่ทั้งสองได้พาหลินจื่อหลันและ เกาจื่อเฉิงมาถึงป่าเล็กๆ นอกเมืองของเมืองมังกรแดง
“เล๋ยเล่ โจวโน่ พวกนายมาถึงสักที ฉันก็นึกว่าเกิดอะไรกับนายแล้วซะอีก”
เมื่อเห็นเล๋ยเล่และโจวโน่ทั้งสองมาถึง เจินจีที่รอคอยมานานก็รีบเดินหน้าไปกล่าวทักพวกเขาทั้งสอง แล้วรีบให้คนไปช่วยหามหลินจื่อหลันและเกาจื่อเฉิงลงมา
“เอ๊ะ? เฉินเกอล่ะ? ทำไมยังไม่เห็นเขาล่ะ?”
ตามด้วยเจินจีนึกขึ้นได้ทันทีถามโจวโน่และเล๋ยเล่ เขาไม่เห็นร่างของเฉินเกอ
“เขาให้พวกเราหนีไปก่อน ตัวเขาเองไปล่อคนของเล่หงถังออกไป”
เล๋ยเล่ขมวดคิ้ว ตอบกลับด้วยท่าทางจริงจังหนักแน่น
“อะไรนะ? อันตรายเกินไปแล้ว” เจินจีฟังแล้วก็ตกใจทันที
ต้องรู้ว่าเฉินเกอต้องเผชิญกับคนของเล่หงถังมากมายเพียงลำพัง จะสู้ได้อย่างไร จะต้องพบอันตรายมากอย่างแน่นอน
“คุณหนูใหญ่เจิน รบกวนเธอรอพวกเราอยู่ที่นี่สักพัก ฉันกับโจวโน่จะไปตามหาเฉินเกอ”
จากนั้นเล๋ยเล่ก็บอกกับเจินจี
“ไม่ได้ อันตรายเกินไป ตอนนี้เล่หงถังได้เริ่มดำเนินการค้นหาพวกเราอย่างละเอียดแล้ว พวกนายไปแบบนี้ก็เพื่อไปให้ถูกจับชัดๆ”
เจินจีพูดคัดค้านคำพูดของเล๋ยเล่ทันที
“คุณหนูใหญ่เจิน ถ้าเฉินเกอไม่กลับมา พวกเราก็จะไม่อยู่รอดกันเอง!”
เล๋ยเล่จึงหันกลับมามองเจินจีพูดด้วยเหตุผลที่แน่วแน่
พูดจบ เล๋ยเล่ก็พาโจวโน่กลับไปทางเดิมอีกครั้ง
เจินจีถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ในใจก็ปลื้มใจมากเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะมีเพื่อนแบบนี้ ไม่เลวจริงๆ
แต่ในขณะที่เล๋ยเล่กับโจวโน่ออกตามหาเฉินเกอ พวกเขาก็มาถึงหน้าผาที่ก่อนหน้านี้เฉินเกอกระโดดลงไป
เห็นแค่ว่าพวกเขาทั้งสองพบว่าที่ก้อนหินของหน้าผามียันต์หยกหล่นอยู่
เห็นยันต์หยกนี้ทำให้โจวโน่ตกใจขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า
พวกเขาสองคนจะจำยันต์หยกนี้ไม่ได้ได้อย่างไร ยันต์หยกนี้เป็นของที่เฉินเกอพกติดตัว
“ไม่ เป็นไปไม่ได้!”
โจวโน่รีบก้าวไปข้างหน้าและหยิบยันต์หยกชิ้นนี้ตรงหน้าขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าผาและเหวลึกตรงหน้าด้วยสีหน้ายากที่จะเชื่อส่ายหัวและพึมพำกับตัวเอง
เขารู้ดีว่าการที่ยันต์หยกตกอยู่ที่นี่หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าเฉินเกอได้ตกลงไปในเหวลึกนี้แล้ว
“โจวโน่ เธอใจเย็นก่อน พวกเราต้องเชื่อเฉินเกอ เขาต้องไม่เป็นไรแน่นอน”
เล๋ยเล่ก็ก้าวเดินข้างขึ้นหน้าตบบ่าของโจวโน่แล้วพูดปลอบโยน
พวกเขาทั้งสองไม่อยากเชื่อว่าเฉินเกอจะตาย เชื่อมั่นว่าเฉินเกอยังมีชีวิตอยู่
สองคนค้นหาและรออยู่ที่หน้าผาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบร่างของเฉินเกอ จากนั้นทั้งสองก็จากไปอย่างสลดใจ
หลังจากกลับไปที่ป่า เจินจีเห็นเพียงเล่ยเล่และโจวโน่สองคนกลับมา และในมือยังถือยันต์หยกของเฉินเกออีกด้วย เธอก็รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องกับเฉินเกอแล้ว
“คุณหนูใหญ่เจิน เฉินเกอเขาตกหน้าผาแล้ว พวกเราหาเจอแค่นี้ นี่คือยันต์หยกที่เขาพกติดตัว” เล๋ยเล่มองและพูดกับเจินจีด้วยสีหน้าหมองหม่น จากนั้นยื่นมือนำยันต์หยกให้เจินจี
เจินจีใจสั่นไปชั่วขณะ รู้สึกเจ็บปวดมาก ยกมือขึ้นและค่อยๆ รับยันต์หยกที่เล๋ยเล่ยื่นให้
“ไปกันเถอะ เรากลับไปหารือกันที่ตระกูลเจินก่อน เราจะท้อแบบนี้ไม่ได้ หาไม่เจอเฉินเกอก็ไม่ได้หมายความว่าเกิดเรื่องกับเขาแล้ว” จากนั้นเจินจีก็ยืนหยัดตั้งสติมองไปที่เล๋ยเล่และโจวโน่พูดให้กำลังใจ
“คุณหนูใหญ่เจินเธอพูดถูก เราไม่เชื่อว่าเฉินเกอจะตายแบบนี้ เขาต้องมีชีวิตอยู่แน่นอน เราจะต้องยืนหยัด โจวโน่ นายต้องยืนหยัดให้ได้” เมื่อเล๋ยเล่ได้ยินคำพูดของเจินจีก็มีพลังและพูดให้กำลังใจโจวโน่ทันที
ได้ยินคำพูดของเจินจีและเล๋ยเล่แล้ว โจวโน่ก็เงยหน้าขึ้น เบิกตาของตัวเองกว้างพยักหน้าอย่างแน่วแน่
“โอเค เรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย ถ้าถูกเล่หงถังพบเข้าจะแย่”
เห็นโจวโน่สงบลง เจินจีก็รีบบอกกับทุกคน
ต้องรู้ว่าพื้นที่ตรงนี้คนของเล่หงถังยังคงไล่ล่าพวกเขาอยู่ ฉะนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤตเกิดขึ้นพวกเขาจะไม่สามารถหนีรอดไปได้
หลังจากพูดจบ เจินจีและคนอื่นๆ ก็รีบขึ้นม้าจากไป มุ่งกลับไปในทิศทางของตระกูลเจินอย่างรวดเร็ว
และแน่นอน หลินจื่อหลันและเกาจื่อเฉิงก็ถูกพาตัวกลับตระกูลเจินด้วย
มีแสงไฟภายใต้กำแพงหิน มีผู้เฒ่าคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำนั่งอยู่ด้านใน ผู้เฒ่าดูลึกลับมาก
ผู้นี้คือใครกันแน่? ทำไมเขาต้องช่วยเฉินเกอ?
และผ่านไปอีกสักพัก เฉินเกอเริ่มมีปฏิกิริยาเล็กน้อย ค่อยๆ ลืมตาตัวเองขึ้น
ลุกขึ้นนั่งหลังจากเห็นชายคนหนึ่งตรงหน้ากองไฟ เฉินเกอขมวดคิ้ว ท่าทางเคร่งขรึมและระวังตัวขึ้นมา
“คุณเป็นใคร? คุณช่วยผมไว้เหรอ?