ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 888
บทที่ 888 อุบัติเหตุกลางดึก
ตกกลางคืน
สภาพโดยรอบเข้าสู่ภาวะที่เงียบสงบ สภาพแวดล้อมถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด
ในบ้าน เฉินเกอและพวกนั่งอยู่หน้ากองไฟ
บนกองไฟได้ย่างเนื้อชิ้นใหญ่ไว้หนึ่งชิ้น
นี่เป็นสิ่งที่เฉินเกอเก็บไว้ในกระเป๋าโดยที่ไม่ได้เอาออกมา ก็เพื่อเก็บไว้เป็นอาหารค่ำในคืนนี้ เขาไม่มีทางที่จะเอาอาหารออกมาให้ชาวบ้านทั้งหมด
โชคดีที่ยังมีเนื้อชิ้นใหญ่ มันเพียงพอสำหรับที่จะทำให้เขาทั้งห้าคนกินอิ่ม
“พี่เฉิน พี่ว่าพวกของนายฝูโม๋จะมาหาเรื่องพวกเราอีกมั้ย?”
เล๋ยเล่เวลานี้มีความกังวลเล็กน้อยจึงได้ถามเฉินเกอ
“วางใจเถอะ คืนนี้นายและพี่เปลี่ยนกันเฝ้ายาม นายนอนก่อน จากนั้นสองชั่วโมงพี่ค่อยเปลี่ยนเวรกับนาย ขอเพียงมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยเราก็จะรู้ทันที!”
เฉินเกอพูดปลอบเล๋ยเล่ จากนั้นจึงได้เสนอเรื่องเวร
อย่างไรเสียที่ตรงนี้พวกเขาต่างไม่คุ้นเคย และไม่รู้สถานการณ์โดยรอบเป็นยังไงบ้าง
ดังนั้นวิธีที่ดีสุดก็คือเขาทั้งสองคนเปลี่ยนกันเฝ้ายาม ด้วยวิธีนี้ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้พวกฝูโม๋แอบมาโจมตีตัวเองได้
ประเด็นสำคัญก็คือเจินจีและโจวโน่ทั้งสองคน เฉินเกอไม่มีทางยอมให้เขาทั้งสองได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น ต้องคุ้มครองพวกเธอให้ดี ยังมีท่านฟ่านก็เช่นกัน
ได้ฟังข้อเสนอของเฉินเกอ เล๋ยเล่ก็ไม่ได้มีความเห็นอื่นใด ก็พยักหน้าตกลงทันที
จนกระทั่งกลางดึก เจินจีและโจวโน่นอนด้วยกัน นอนหลับอยู่ข้างกายของเฉินเกอ และท่านฟ่านนั้นนั่งขัดสมาธิคนเดียวอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
เล๋ยเล่พิงหลับอยู่ที่ข้างเสา
มีเพียงเฉินเกอ เฉินเกอนั่งอยู่หน้ากองไฟ เงยหน้ามองท้องฟ้า
ท้องฟ้าในป่าก็สวยไม่เบา พระจันทร์เสี้ยวที่สว่างแขวนอยู่บนท้องฟ้า พระจันทร์ส่องแสงลงมา ยังมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ระยิบระยับสวยงามมาก
อยู่ใน่เขาลึกสามารถเห็นท้องฟ้าแบบนี้ ทำให้รู้สึกจิตใจชื่นบาน เป็นภาพที่ไม่สามารถหาดูได้ในเมือง สิ่งที่สามารถเห็นได้ในเมืองคือแสงไฟนีออนและแสงไฟตามข้างถนน
คืนนี้ เป็นคืนปลอดภัย
ตลอดทั้งคืนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย
ดูเหมือนฝูโม๋และลูกน้องต่างรู้ตัวเองแล้ว และไม่ได้อาศัยช่วงเวลากลางคืนมาหาเรื่องของเฉินเกอและพวก
ตอนเช้า ได้ยินเพียงเสียงทะเลาะกันที่ดังมาจากข้างนอก
เฉินเกอก็รีบตื่นขึ้นมา เดินออกมาสำรวจดู เห็นเพียงชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมรอบบ่อน้ำไว้แล้วปรึกษาหารือกัน สีหน้าของทุกคนนั้นดูแย่มาก น่าจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น
เฉินเกอสงสัยจึงได้เดินไปยังทางที่ชาวบ้านอยู่
เห็นเฉินเกอเดินมา ชาวบ้านก็ได้ล้อมรอบเฉินเกอเอาไว้
“ใช่คุณหรือเปล่า?”
ชาวบ้านคนหนึ่งก็ได้ชี้ไปที่เฉินเกอแล้วถาม
ใบหน้าของเฉินเกองงงวยและประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
เฉินเกอถามอย่างประหลาดใจ
“ฮึ่ม!”
“เมื่อวานฝูโม๋ล่วงเกินคุณ คุณเลยฆ่าฝูโม๋ใช่มั้ย?”
ชวนบ้านชี้ไปที่เฉินเกอแล้วก็ถามอย่างโกรธเคือง พลางพูดไปพลางชี้ไปบ่อน้ำที่อยู่ตรงหน้า
เฉินเกอได้ฟังแล้ว จึงได้เดินขึ้นไปสำรวจดู
มองแล้ว ก็เห็นบ่อน้ำด้านในมีศพรอยอยู่ ศพนั้นก็คือฝูโม๋
เห็นดังนี้แล้ว ก็ทำให้เฉินเกอตกใจไปสักพัก เขาคิดไม่ถึงว่าฝูโม๋ตายแล้ว และยังตายอยู่ข้างในบ่อน้ำด้วย
“เขา เขาตายได้ยังไง?”
เฉินเกอมึนงงมองไปชาวบ้านที่อยู่รอบๆแล้วถามขึ้น
“ไม่ใช่คุณที่ฆ่าเขาเหรอ? ตอนนี้คุณยังมาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เมื่อวานนอกจากคุณที่มีความแค้นกับเขาก็ไม่มีคนอื่นแล้ว!”
ชาวบ้านกล่าวหาว่าเฉินเกอเป็นฆาตกร
“ผมไม่ได้ฆ่าเขา เมื่อคืนทั้งคืนผมอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกมาเลย!”
เฉินเกออธิบายอย่างง่ายๆ
แต่เขาก็รู้ว่าการอธิบายของตัวเองนั้นไม่สามารถที่จะทำให้ชาวบ้านเชื่อได้
ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือต้องหาการตายที่แท้จริงของฝูโม๋ให้ได้
มิน่าล่ะเขายังสงสัยเมื่อคืนทำไมฝูโม๋ถึงได้เงียบสงบแบบนี้ ไม่ได้มาหาเรื่องตัวเอง ที่แท้ก็มาตายอยู่ตรงนี้นี่เอง
ถึงแม้คนชั่วบางคนจะได้รับผลกรรมที่ทำไว้ แต่นี่มันก็เร็วเกินไปหน่อย
“อย่าเพิ่งพูดมากเลย รีบนำศพขึ้นมาดูก่อน!”
เฉินเกอก็ได้มองไปทางชาวบ้านแล้วสั่งการ
จากนั้น ชาวบ้านก็ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยนำศพของฝูโม๋ออกมา
นำขึ้นมาแล้ว ก็เห็นหน้าของฝูโม๋ลายไปหมดเลย มองใบหน้าของฝูโม๋ไม่ชัดเจน ดูเหมือนจะถูกกรงเล็บที่แหลมคมนั้นข่วนเอา
เฉินเกอนั่งลง ตรวจดูสาเหตุการตายของฝูโม๋อย่างละเอียด
หลังจากผ่านการตรวจสอบ สาเหตุการตายที่แท้จริงของฝูโม๋คือรอยแผลที่คอของเขา รอยแผลนี้ทำให้ฝูโม๋เสียเลือดมากจนเสียชีวิต
“สิ่งที่โจมตีฝูโม๋น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกรงเล็บ ผมไม่ใช่คนฆ่า พวกคุณดูใบหน้าและคอของเขา เห็นได้ชัดว่าถูกกรงเล็บที่แหลมคมข่วน แล้วผมมีความสามารถแบบนี้ที่ไหนกัน?”
เฉินเกอมองดูชาวบ้านที่อยู่รอบๆแล้ววิเคราะห์ให้พวกเขาฟัง
ฟังที่เฉินเกอวิเคราะห์แล้ว ชาวบ้านก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผลมากทีเดียว ชั่วขณะก็ลบล้างความคิดที่เฉินเกอเป็นฆาตกรออกไป
แต่ว่าฝูโม๋นั้นตายด้วยน้ำมือของอะไรกันแน่? เมื่อวานกลางดึกได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น? แล้วลูกน้องเหล่านั้นของฝูโม๋ไปไหนกันหมดแล้ว? ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นข้อสงสัย
“แย่แล้ว!”
“แย่แล้ว!”
“มีคนตาย!”
ขณะนี้ หนุ่มชาวบ้านคนหนึ่งก็ได้รีบร้อนพุ่งเข้ามา พลางวิ่งพลางตะโกนเสียงดัง
เห็นหนุ่มชาวบ้านคนนี้ตื่นตกใจมากเพียงนี้ ก็ทำให้ชาวบ้านทยอยกันสงสัยขึ้นมา
“ทำไมเหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ชาวบ้านคนหนึ่งก็ได้ถามหนุ่มคนนั้น
“ลูกน้องของฝูโม๋ล้วนตายอยู่ในบ้าน!”
ชายหนุ่มสีหน้าหวาดกลัวมองทุกคนแล้วกล่าว
ฟังมาถึงตรงนี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น นี่เป็นเรื่องทุกคนไม่คาดคิด
จากนั้น เฉินเกอก็รีบตามชาวบ้านไปที่บ้านพักของลูกน้องฝูโม๋
มาถึงบ้านที่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง เห็นเพียงแต่ลูกน้องเหล่านั้นของฝูโม๋ต่างนอนอยู่ในบ้าน การตายของทุกคนนั้นเหมือนกันหมด ตรงลำคอมีรอยเลือดรอยหนึ่ง เหมือนกับการตายของฝูโม๋
เฉินเกอดูแล้ว ก็รู้ว่าคนเหล่านี้ต่างตายด้วยน้ำมือของคนคนเดียวกัน
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“ใช่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”
“หรือว่า เป็น เป็นผีในป่าลึกออกมาอีกแล้ว!”
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”
เวลานี้ชาวบ้านแต่ละคนเริ่มคาดเดากันขึ้นมาแล้ว
สำหรับคำพูดของชาวบ้านนั้น เฉินเกอก็ไม่ได้สนใจ แต่กลับรีบเดินกลับไปบ้านพักของตัวเอง
เล๋ยเล่และพวกได้ตื่นกันแล้ว
เห็นเฉินเกอกลับมาจากด้านนอก เล๋ยเล่ก็ได้ถามขึ้น: “พี่เฉิน พี่ไปไหนแต่เช้า?”
“ท่านฟ่าน เชิญคุณมากับผมหน่อย!”
เฉินเกอไม่ได้ตอบเล๋ยเล่ แต่กลับมองท่านฟ่านที่อยู่อีกฝั่งแล้วกล่าว
ท่านฟ่านฟังแล้ว ก็ได้เดินตามเฉินเกอออกไป
หน้าของเล๋ยเล่นั้นสงสัยมาก ก็ได้ตามติดไปด้วย เดินอยู่ด้านหลังของเฉินเกอและท่านฟ่าน เขาไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่มองหน้าเฉินเกอแล้วก็รู้ว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย