ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 904
บทที่ 904 สัตว์ประหลาด
“น่ากลัวมาก พี่เฉิน น่ากลัวมากจริงๆ !
น้ำเสียงของเฉินเกอสั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและมองไปที่เฉินเกอแล้วพูดขึ้นมา
“อะไรน่ากลัว?นายเห็นอะไรเหรอ?”
เฉินเกอขมวดคิ้วมองไปที่เล๋ยเล่แล้วถามเขาออกมา
“บริเวณรอบๆ นี้ก็ไม่มีอะไรหนิ่ เล๋ยเล่ นายเห็นอะไรกันแน่เหรอ?”
เจินจีใช้สายตาที่ประหลาดใจเดียวกันมองไปที่เล๋ยเล่แล้วถามเขาออกมา
ถ้าจะพูดว่าเล๋ยเล่เห็นผีนั้น เฉินเกอและเจินจีไม่มีใครสัมผัสได้ถึงวิญญาณของผีอยู่ที่นี่เลย ฉะนั้นเล๋ยเล่น่าจะไม่ใช่เห็นผี
“ฉัน…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้ฉัน…เมื่อกี้ฉันยืนฉี่อยู่ตรงโน้น จู่ๆ ก็เหมือนด้านหลังของตัวเองมีลมเย็นพัดผ่านไป จากนั้น……จากนั้น…”
แค่ฟังที่เล๋ยเล่พูดก็รู้สึกว่าเขามีความหวาดกลัว แต่เมื่อพูดไปถึงช่วงท้ายก็พูดอะไรไม่ออก
“จากนั้นอะไร?”
เฉินเกอถามออกมาด้วยสีหน้าที่หนักใจ
“จากนั้น…จากนั้นฉันเงยหน้าขึ้นแล้วมองขึ้นไปข้างบน เห็นแค่ดวงตาสีแดงจ้องมองมาที่ฉัน มันน่ากลัวมาก!”
หลังจากนั้น เล๋ยเล่ได้อธิบายถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองเห็นออกมาให้ฟัง
หลังจากที่ฟังเล๋ยเล่อธิบายให้ฟังจนจบแล้ว เฉินเกอและเจินจีรีบเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนทันที
หลังจากที่มองไปรอบๆ พวกเขาทั้งสองไม่เห็นเหตุการณ์เหมือนที่เล๋ยเล่อธิบายออกมาเลย นอกจากพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวอย่างอื่นไม่มีอะไรผิดปรกติ
“ไม่มีอะไรเลยนี่ หรือว่านายจะเหนื่อยเกินไป แล้วมองผิดไป?”
เฉินเกอมองไปที่เล๋ยเล่และถามเขาออกมาด้วยความสงสัย
เล๋ยเล่ส่ายหัวอย่างแรง
“พี่เฉิน คุณหนูใหญ่เจิน ฉันไม่ได้ดูผิดจริงๆ ไม่ได้โกหกพวกคุณด้วย มันเป็นดวงตาสีแดงคู่หนึ่งจริงๆ !”
เล๋ยเล่จ้องไปด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่แน่วแน่และพูดออกมากับทั้งสองคนด้วยความมั่นใจ
เมื่อเห็นเล๋ยเล่พูดออกมาอย่างมั่นใจแบบนี้ เฉินเกอและเจินจีก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น อีกอย่างเล๋ยเล่ตกใจขนาดนี้ อธิบายให้เห็นแล้วว่าได้เจอกับสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายรีบใส่กางเกงให้เรียบร้อยก่อน!”
เฉินเกอเลือกที่จะเชื่อคำพูดของเล๋ยเล่ ยื่นมาไปแล้วตบที่ไหล่ของเล๋ยเล่เบาๆ เพื่อเป็นการปลอบ จากนั้นพูดเตือนเล๋ยเล่อีกครั้ง เตือนเขาใส่กางเกงให้เรียบร้อย
หลังจากได้ยินคำเตือนของเฉินเกอแล้ว เล๋ยเล่จึงเรียกสติกลับมาได้
เล๋ยเล่มองดูช่วงล่างของตัวเอง จากนั้นมองไปที่เฉินเกอและเจินจี
วินาทีต่อมา สีหน้าของเล๋ยเล่แดงขึ้นมาทันที และรู้สึกอับอายมาก
หลังจากนั้น เล๋ยเล่รีบสวมใส่กางเกงตัวเองให้เรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวถ้านายอยากเข้าห้องน้ำอีก ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายเอง!”
เมื่อเห็นเล๋ยเล่ใส่กางเกงเรียบร้อยแล้ว เฉินเกอพูดปลอบโยนเล๋ยเล่ขึ้นอีกครั้ง
เขารู้ว่าเล๋ยเล่ต้องได้รับความตกใจอย่างหนักแน่นอน ดังนั้นเฉินเกอจึงใช้วิธีนี้เพื่อปลอบโยนเล๋ยเล่ อย่างน้อยทำให้เล๋ยเล่ไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีก
แต่ว่าเล๋ยเล่ยังคงรู้สึกกลัวอยู่ เขาไม่สามารถลืมดวงตาเลือดแดงคู่นั้นได้ ซึ่งมันอยู่ในหัวสมองของเขาตลอดเวลาลบยังไงก็ลบไม่ออก
หลังจากพูดจบแล้ว เฉินเกอทั้งสองคนได้พาเล๋ยเล่เข้าไปข้างในเต็นท์
เฉินเกอหยิบเหล้าอุ่นออกมาแก้วหนึ่งแล้วยื่นไปให้เล๋ยเล่
“มา ดื่มหนึ่งคำเพื่อระงับสติหน่อย!”
เฉินเกอพูดกับเล๋ยเล่อย่างห่วงใย
เนื่องจากเล๋ยเล่อายุยังน้อย และเพิ่งเรียนจบปริญาตรีออกมา ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรมาก่อน ก็ออกมาผจญภัยกับตัวเขา ดังนั้นเฉินเกอจึงต้องดูแลเขาและห่วงใยเขาให้ดี
“ขอบคุณพี่เฉินมาก!”
เล๋ยเล่กล่าวขอบคุณเฉินเกอ จากนั้นรับเหล้าอุ่นมา
หลังจากรับเหล้าอุ่นมาแล้ว มือคู่นั้นของเล๋ยเล่ยังคงมีอาการสั่นอยู่
เมื่อเห็นอาการแบบนี้ของเล๋ยเล่แล้ว เฉินเกอรู้สึกไม่วางใจเลย จากนั้นได้สำรวจบริเวณรอบๆ อีกครั้ง อยากเห็นเหมือนกันว่ามันคือตัวเหี้ยอะไรกันแน่
แต่ทว่าบริเวณรอบๆ มีแต่ความมืด มองไม่เห็นอะไรเลย
หลังจากที่ดื่มเหล้าอุ่นเข้าไปคำหนึ่งแล้ว เล๋ยเล่อาการจึงค่อยดีขึ้น ร่างกายก็ไม่สั่นอีก และสงบนิ่งลงมาแล้ว
“เล๋ยเล่ รู้สึกเป็นไงบ้าง?ตอนนี้ดีขึ้นหน่อยหรือยัง?”
เฉินเกอมองไปที่เล๋ยเล่แล้วถามเขาออกมาด้วยความเป็นห่วง
เล๋ยเล่พยักหน้าออกมา
“ดี…ดีขึ้นเยอะแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเล๋ยเล่ ทำให้เฉินเกอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
มันไม่ ทันทีที่สิ้นเสียงลง ดวงตาของเล๋ยเล่เบิกกว้างขึ้นมาทันที จ้องมองตรงไปด้านหลังของเฉินเกอและเจินจี
เฉินเกอและเจินจีเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเล๋ยเล่ รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่นอน
ทั้งคู่รู้สึกถึงลมหายใจที่ผิดปรกติปรากฏขึ้นมา
“พี่เฉิน..คุณหนูใหญ่เจิน ระวัง!”
เล๋ยเล่ตะโกนเสียงดังออกมา เพื่อเป็นการเตือนเฉินเกอและเจินจี
ปฏิกิริยาของเฉินเกอและเจินจีรวดเร็วมาก รีบหลบไปอีกฝั่งทันที และไม่ลืมที่จะดึงเล๋ยเล่ไปอีกฝั่งพร้อมกันด้วย
“โฮ้ง!”
ทันทีที่ทั้งสามคนเคลื่อนไหวไปด้านข้าง พวกเขาก็เห็นเงาดำกระโดดลงมา และเหยียบกองไฟให้ดับไป
ทันใดนั้น บริเวณรอบๆ มืดสนิทลงทันที
“พี่เฉิน คือตัวนี้แหละ เมื่อกี้สิ่งที่ผมเห็นก็คือตัวนี้แหล่ะ!”
เล๋ยเล่รีบพูดขึ้นมาให้เฉินเกอทั้งสองคนฟัง
เวลานี้ ดวงตาเลือดแดงคู่นั้นปรากฏขึ้นมาท่ามกลางความมืด และดวงตาคู่นั้นมองมาที่ทั้งสามคนโดยตรง
มันคือตัวอะไรกันแน่?”
เจินจีขมวดคิ้วเข้าหากันและถามเขาออกมา
เล๋ยเล่ได้แต่ส่ายหัว
“เดี๋ยวพวกเราแยกออกจากกัน ห้ามยืนด้วยกันเด็ดขาด ยืนด้วยกันแล้วจะกลายเป็นเป้าหมายใหญ่ เจินจี เดี๋ยวเธอไปหยิบไฟฉายในกระเป๋าออกมา!”
เฉินเกอรีบตัดสินใจมาตรการในการรับมือออกมา แล้วออกคำสั่งไปที่เจินจี
“ได้ ฉันรู้แล้ว!”
เจินจีตอบกลับมาทันที
“เล๋ยเล่ นายหาที่หลบซ่อนตัวก่อน ตัวนี้ฉันรับมือเอง!”
เฉินเกอมองไปที่เล๋ยเล่กำชับออกมาอีกครั้ง
เล๋ยเล่รีบพยักหน้าออกมาอย่างรวดเร็ว เหมือนลูกไก่ที่กำลังจิกเม็ดข้าว
ล้อเล่น เขาตกใจเกือบตาย และจะกล้าอยู่ที่เดิมเพื่อต่อสู้กับเจ้าตัวนั้นได้ยังไง ทางที่ดีที่สุดก็คือไม่เป็นภาระและสร้างความเดือดร้อนให้เฉินเกอ
พูดจบ ทั้งสามคนแยกย้ายออกจากกันทันที
และในเวลานี้เองตัวที่มีดวงตาเลือดแดงคู่นั้นพุ่งชนมาที่เฉินเกอ
เมื่อเห็นดวงตาเลือดแดงเข้ามาใกล้ตัวเขามากขึ้น และเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เฉินเกอรีบหลบไปอีกฝั่งทันที ทำให้ตัวที่มีดวงตาตาเลือดแดงตัวนั้นพุ่งชนมาแล้วไม่โดนอะไรเลย
“เจินจี เร็ว รีบสองไฟฉาย!”
เฉินเกอร้องตะโกนเสียงดังเรียกเจินจี
“มาแล้ว!”
เจินจีตอบกลับเสียงดัง
สิ้นเสียง ไฟสว่างขึ้นมาทันที
เห็นเจินจีเปิดไฟฉายออกมาแล้วส่องไปที่ดวงตาเลือดแดงคู่นั้น จากนั้นโยนไฟฉายอีกอันไปให้กับเฉินเกอ
เฉินเกอรับมันไว้แล้วเปิดออกมาทันที
หลังจากมีแสงสว่างแล้ว ทั้งสามคนจึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ ที่แท้เป็นหมูป่าที่มีเคี้ยวยาวนั่นเอง
บนตัวของหมูป่านั้นมีของแหลมคมติดอยู่บนร่างมากมาย ดูแล้วดุดันมาก
หลังจากที่เฉินเกอทั้งสามคนเห็นแล้ว สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจเหมือนเดิม คิดไม่ถึงว่าจะเจอหมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ในสถานที่นี้
หมูป่าเป็นสัตว์ที่ดุร้ายมาก ดูแล้วหมูป่าตัวนี้น่าจะหิว และเห็นเฉินเกอทั้งสามคนเป็นอาหารของตัวเอง ดังนั้นจึงเกิดการโจมตีขึ้นมา
ในเวลานี้ เห็นหมูป่าพุ่งชนไปที่เจินจีอย่างบ้าคลั่ง
“เจินจี ระวัง รีบปิดไฟฉายลง!”
เฉินเกอพูดเตือนเจินจีขึ้นมา