ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 910
บทที่ 910 เมืองอู่สิง
“คิดไม่ถึงว่าองค์กรน่าลักนี่เหมือนวิญญาณที่ตามไม่เลิกเลยจริงๆ!”
เฉินเกอมองนักล่าชุดสีม่วงเหล่านั้นแล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น
“เห่อ หนุ่มน้อย แกฆ่าสมาชิกขององค์กรนักล่าตั้งหลายคน แกต้องชดใช้ให้กับพวกเรา!”
หัวหน้านักล่าชุดสีม่วงได้ยกดาบในมือขึ้นมาแล้วกล่าวอย่างโกรธแค้น
สิ้นเสียงพูด นักล่าชุดสีม่วงเหล่านั้นต่างทยอยกันพุ่งเข้ามาจู่โจมเฉินเกออย่างรวดเร็ว
นักล่าชุดสีม่วงกับนักล่าชุดสีดำนั้นไม่เหมือนกันนี่นา ความเก่งกาจของพวกเขามากว่านักล่าชุดสีดำมากเป็นหลายเท่าตัว ความว่องไวนี้ก็เร็วมากกว่าหลายเท่า
เฉินเกอมองแล้วก็รู้ว่าหัวหน้านักล่าคงจะโกรธแล้ว ดังนั้นจึงได้ให้นักล่าชุดสีม่วงมาหาตัวเอง เพื่อที่จะให้พวกเขามาสังหารตัวเอง
นักล่าชุดสีม่วงมีทั้งหมดห้าคน
นักล่าทั้งห้าคนพุ่งเข้ามาโจมตีเฉินเกอในทิศทางที่แตกต่างกันออกไป
พวกเขาห้าคนไม่ได้สนใจที่จะโจมตีเจินจีทั้งสามคน แต่ได้พุ่งโจมตีมาทางเฉินเกอโดยตรง
ทิศทางที่ไม่เหมือนกัน ท่าการโจมตีที่ไม่เหมือนกัน
ดูแล้วแข็งแกร่งอย่างมาก แต่สำหรับเฉินเกอแล้วไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“มรสุมปริศนา!”
ทันใดนั้นเฉินเกอก็ได้โบกกระบี่ไปหนึ่งรอบ
ชั่วพริบตาเดียว รอบๆ ก็ได้เกิดมรสุมขึ้นมาทันที ได้พัดนักล่าชุดสีม่วงทั้งห้าคนถอยออกไปโดยตรง
นักล่าชุดสีม่วงทั้งห้าคนใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
“เป็นผู้ฝึกตนจริงๆ ด้วย!”
ทั้งห้าคนอุทานออกมาพร้อมกัน
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเฉินเกอนั้นจะเป็นผู้ฝึกตน มิน่าล่ะถึงได้มีพลังที่แข็งแกร่งเพียงนี้
“เห่อ ในเมื่อพวกแกก็รู้แล้ว งั้นพวกแกอย่าคิดที่จะมีชีวิตออกไปจากที่นี่อีกเลย!”
เฉินเกอหัวเราะอย่างเย็นชา
สิ้นเสียงพูด เฉินเกอก็ได้ออกตัวอย่างแรง เพียงแค่ก้าวเดียว ได้ทิ้งร่องรอยไว้ตรงจุดเดิม
“ฉึบ!”
กระบี่เลื่อนผ่าน ทันใดนั้นก็เต็มไปด้วยเลือด
ไม่ผิด เฉินเกอใช้กระบี่แทงไปที่หน้าอกของนักล่าในชุดสีม่วงคนหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวก็ได้ฆ่าเขาตายทันที
นักล่าในชุดม่วงที่เหลือสี่คนต่างก็ตกใจ
แต่พวกเขาก็ไม่ได้หลบหนี แต่กลับพุ่งโจมตีไปทางเฉินเกออีกครั้ง
จุดประสงค์ของนักล่าคือไม่มีทางที่จะถอยกลับ ต่อให้ต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจเพียงใดพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะยอมถอย สู้จนกว่าจะชนะหรือเสียชีวิต
อันที่จริงจุดนี้ถือว่าไม่เลว อย่างน้อยพวกนักล่าก็เป็นพวกที่ไม่กลัวตาย
แต่ก็เป็นเพราะเหตุนี้ ทำให้องค์กรนักล่าสูญเสียความเป็นมนุษย์ไป กลายเป็นสัตว์ที่เลือดเย็นมาก
ก็เหมือนกับวันนี้บ่ายที่เฉินเกอและพวกเจอกับนักล่าทีมเจ็ดยังไงอย่างนั้นเลย พวกเขาไม่มีความเป็นมนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว
หากว่ายังพอมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง พวกเขาคงจะไม่ทำเรื่องที่แย่ขนาดนั้น
ฉึบ!
ทันใดนั้น ทั้งป่าก็กะพริบด้วยแสงกระบี่
ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที ก็ได้มีศพหลายศพที่แข็งและเย็นนอนอยู่บนพื้น
ไม่ผิด ศพเหล่านี้ก็คือศพของนักล่าในชุดสีม่วงทั้งห้าคน
พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเกอเลยแม้แต่นิดเดียว มาเพื่อให้เฉินเกอฆ่าโดยแท้
หลังจากที่จัดการนักล่าในชุดสีม่วงทั้งห้าคนแล้ว เฉินเกอได้นำศพของพวกเขาแขวนไว้กับต้นไม้ ยังได้ใช้เลือดของพวกเขาเขียนอักษรไว้บนต้นไม้
“ตายก็ยังไม่เพียงพอ!”
หลังจากเขียนเสร็จ เฉินเกอจึงได้พาพวกทั้งสามคนเขาจากไป
“เฉินเกอ พวกเราน่าจะปกปิดร่องรอยการเดินทางของตัวเองหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็จะถูกพวกนักล่าตามมาอีก!”
เวลานี้เจินจีมองไปที่เฉินเกอแล้วเสนอ
“อืม เธอพูดถูก พวกเราต้องคิดวิธีซ่อนร่องรอยของเราหน่อยแล้ว!”
เฉินเกอเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจินจี
หากถูกพวกนักล่าตามล่าอย่างนี้ตลอดก็ไม่ไหว ต้องสลัดองค์กรนักล่าที่ยุ่งยากนี้ให้จงได้ ไม่อย่างนั้นการเดินทาง ทุกวันต้องมากังวลอีก
เวลานี้ เฉินเกอได้หยุดฝีเท้าลง
เฉินเกอได้หยิบแผนที่ที่ท่านฟ่านให้กับตัวเองออกมาดู
“ตรงนี้ พวกเราจะไปที่ตรงนี้ ที่นี่สามารถที่จะอ้อมผ่านเขตภูเขาหินฟอสเฟตได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาที่นานขึ้น อีกอย่างที่นี่ก็คือเมืองเมืองหนึ่ง พวกเขาสามารถไปพักผ่อนเอาแรงกันที่เมืองนี้หน่อย!”
เฉินเกอมือชี้อยู่ที่เมืองหนึ่งในแผนที่แล้วเสนอ
“ได้ ตามที่นายบอก!”
เจินจีไม่มีความเห็นใดๆ ต่อข้อเสนอของเฉินเกอ ก็เลยเลือดที่จะตกลงทันที
พูดจบ ทั้งสี่คนก็ได้เปลี่ยนเส้นทางทันที มุ่งหน้าไปยังเมืองนี้ตามบนแผนที่
เมืองนี้ชื่อว่าเมืองอู่สิง
อันที่จริงมันก็เพราะสาเหตุของภูมิศาสตร์เท่านั้นเอง ไม่ใช่สาเหตุอื่นใด
หลังจากเร่งเดินทางไปหนึ่งคืน เฉินเกอและพวกก็ได้เดินทางมาปากทางเมืองอู่สิง
ทั้งสี่คนได้เดินเข้าไปในเมืองอู่สิง ในเมืองไม่ใช่ว่าจะไม่มีคน แต่กลับมีคนเดินอยู่ตั้งมากมาย ครื้นเครงมาก เหมือนตลาดแห่งหนึ่ง
“เดินดูกันได้นะครับ ตลาดมืดวันนี้จะประมูลคริสทัลกะโหลกศีรษะ ทุกคนสามารถไปดูได้นะ!”
ในเวลานี้ ก็เห็นวัยรุ่นคนนี้ตะโกนเรียก
ทันใดนั้นเสียงตะโกนนี้ก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมด
เฉินเกอและพวกก็ถูกดึงดูดเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าในเมืองอู่สิงนี้จะมีตลาดมืดอยู่ด้วย
“พวกเราก็ไปดูหน่อยละกัน!”
เวลานี้เล๋ยเล่ก็ได้พูดเสนอ สำหรับเรื่องพวกนี้แล้วเขามีความอยากรู้อยากเห็นมากพอสมควร
“ได้ งั้นพวกเราไปดูกัน!”
เฉินเกอก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก็ได้ตกลงทันที เพราะเขาก็อยากที่จะไปดูว่าสิ่งที่ประมูลกันนั้นคืออะไร
ไม่นานนัก เฉินเกอและพวกก็ได้เดินตามคนไปถึงสถานที่ที่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง สถานที่ตรงนี้เป็นตลาดมืดของเมืองอู่สิง
ข้างในตลาดมืดมีของตั้งมากมายหลายอย่าง มีไว้เพื่อขายหรือประมูล แม้กระทั่งปืนและกระสุนก็ยังมีขาย มันช่างน่าทึ่งจริงๆ
เฉินเกอและพวกหาที่ยืนได้ที่หนึ่ง
เห็นผู้ชายที่ใส่หมวก สวมใส่เสื้อหนังได้เดินขึ้นบนเวที
“สวัสดีทุกท่าน ผมเป็นผู้ดูแลตลาดมืด ผมชื่อกู่หมิง!”
ชายในชุดหนังมองดูคนที่อยู่ด้านล่างเวทีแล้วแนะนำตัวเอง
“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานประมูลของตลาดมืดในวันนี้ ผมจะบอกทุกท่าน วันนี้สิ่งที่จะประมูลไม่ใช่ของธรรมดานะ บอกได้เลยว่ามันสามารถเปิดโลกทัศน์ของทุกคนอย่างแน่นอน!”
ถึงแม้เมื่อกี้ทุกคนต่างก็ได้ยินกันมาแล้ว แต่ผมก็ยังอยากจะบอกทุกท่าน ของสิ่งนี้มีชิ้นเดียวในโลก เป็นสมบัติที่หายาก! ”
กู่หมิงพูดด้วยสีหน้าที่ตื่นต้น
คนด้านล่างที่ฟังอยู่ต่างตื่นเต้นกันทั้งนั้น คนมากมายได้โห่ร้องกันขึ้นมาแล้ว
“เอาล่ะ ต่อจากนี้ผมจะให้ทุกท่านได้ชมเป็นขวัญตา!”
“เจ้าหน้าที่ ช่วยยกมันขึ้นมาให้ผมด้วย!”
จากนั้น กู่หมิงมองไปสั่งลูกน้องของตัวเอง
ก็เห็นชายคนหนึ่งได้ยกกล่องขึ้นมา ได้ส่งให้กู่หมิงโดยตรง
กู่หมิงได้วางกล่องบนมือ จากนั้นก็ได้เปิดกล่องออก นำของที่อยู่ด้านในออกมาแสดงให้ทุกคนดู
“ทุกท่านเชิญมองทางนี้ นี่ก็คือสิ่งของที่จะประมูลกันในวันนี้ คริสทัลกะโหลกศีรษะ!”
กู่หมิงมองดูผู้คนที่อยู่ด้านล่างแล้วแนะนำอย่างเสียงดัง