ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 941
บทที่ 941 ถูกทำลายล้างแล้ว
สำหรับความคิดของเฉินเกอ สองคนนี้สมควรตายแล้ว
แทนที่จะให้พวกเขามาหาเรื่องตน เฉินเกอชิงจัดการสองคนนี้แต่เนิ่นๆ ก่อนเสียจะดีกว่า ซึ่งจะทำให้ปัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้อย่างมากเลยทีเดียว
หลังจากที่ดูอยู่หลายวินาที ในมือเฉินเกอก็ปรากฏป้ายเส่ส้าขึ้นมา
จากนั้นก็เหวี่ยงป้ายเส่ส้าออกไปสลายดวงวิญญาณของสองคนนี้
คนประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องไปผุดไปเกิดตลอดกาลหน่ะดีแล้ว
หลังจากที่จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เฉินเกอก็ออกไปทันที
เฉินเกอรู้ว่าเช้าวันรุ่งขึ้นต้องมีข่าวจากสื่อใหญ่ต่างๆ รายงานข่าวเรื่องการเสียชีวิตของเจ้าสำนักหงซินเป็นอย่างแน่ พอถึงเวลานั้นก็คงเกิดความประหลาดใจไปทั่วทั้งเมืองอย่างแน่นอน
แต่ทว่าคนส่วนใหญ่ต้องรู้สึกสะใจกับผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างแน่ ต้องรู้สึกว่าเกิดจากเวรกรรมที่พวกเขาเคยก่อขึ้นเอง
หลังจากกลับมาถึงที่พักแล้ว เฉินเกอก็กลับเข้าสู่ร่างของตน จากนั้นก็นอนหลับพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงสายเรียกเข้าปลุกเฉินเกอให้ตื่น
หลังจากที่เฉินเกอถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาก็เอามือถือมาดู จึงเห็นเป็นสายเรียกเข้าจากหลี่เยว่เหอ
เมื่อเห็นหลี่เยว่เหอโทรมา เฉินเกอก็พอจะคาดเดาได้คร่าวๆ ว่าต้องเป็นเพราะเรื่องเจ้าสำนักหงซินถูกฆ่าเมื่อวานแน่เชียว จึงอยากให้ตนเข้าช่วยเหลือ
หลังจากที่ลังเลไปไม่กี่วินาที เฉินเกอก็รับสายโทรศัพท์
“ฮัลโหล?ท่านหลิน!”
เมื่อเฉินเกอรับสายก็ถามหลี่เยว่เหออย่างเหนื่อยล้า
หลี่เยว่เหอราวกับฟังน้ำเสียงของเฉินเกอออก จึงรีบถามเฉินเกออย่างมีมารยาทว่า “ต้องขออภัยด้วยครับคุณเฉินที่โทรมาหาคุณแต่เช้าอย่างนี้ แต่ว่าเมื่อคืนที่สำนักหงซินเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นครับ เจ้าสำนักหงซินนามว่าเก่อเล่กับลูกน้องของเขาคนหนึ่งได้ตายอยู่ด้านใน ซึ่งตอนตายมันพิสดารมากครับ ลูกน้องคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครเห็นเงาคนเลยครับ”
เป็นไปอย่างที่เฉินเกอคาดเดาไว้ไม่มีผิด หลี่เยว่เหอโทรมาด้วยสาเหตุเรื่องนี้
“ออ?มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ?ได้ ตอนนี้ผมจะรีบไปทันที!”
เฉินเกอแสร้งทำเป็นถามอย่างสงสัย จากนั้นก็ตอบรับหลี่เยว่เหอทันที
หลังจากที่วางสายลง เฉินเกอก็ลุงขึ้นจากเตียงนอน
หลังจากที่เดินออกไปจากห้องก็เห็นพวกเล๋ยเล่สามคนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องรับแขก ซึ่งในโทรทัศน์กำลังประกาศข่าวเรื่องที่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเจ้าสำนักหงซิน
เมื่อเห็นเฉินเกอเดินออกมา ทั้งสามคนต่างจ้องมองไปที่เฉินเกอในเวลาเดียวกัน
“พวกคุณมองผมทำไม?”
เฉินเกอถามพวกเขาสามคนอย่างประหลาดใจ
“เฉินเกอ เรื่องสำนักหงซินเกี่ยวข้องกับคุณใช่หรือไม่?”
ราวกับเจินจีดูอะไรบางอย่างออก จึงรีบถามเฉินเกอทันที
“ไม่ผิดหรอก เป็นฝีมือผมเอง!”
ถูกเจินจีซักถามเช่นนี้ เฉินเกอก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาเลือกที่จะยอมรับทันที
“หา?คุณเฉิน เป็นฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?”
ได้ยินประโยคนี้ เล๋ยเล่ก็พูดด้วยสีหน้าประหลาดใจทันที
“ถ้าหากผมไม่ไปหาพวกเขา เช่นนั้นคนที่มีปัญหาก็คือพวกเรา ผมได้ยินว่าพวกเขาคิดจะกำจัดพวกเราทิ้ง ดังนั้นผมจึงชิงลงมือก่อน!”
เฉินเกอใช้น้ำเสียงที่เรียบเฉยอธิบายให้พวกเล๋ยเล่ทั้งสามคนฟัง
พวกเจินจีทั้งสามคนได้ยินก็เข้าใจขึ้นมาทันที
“ใช่แล้ว เล๋ยเล่ ตอนนี้คุณไปที่สำนักหงซินพร้อมกับผมนะ ท่านหลินโทรศัพท์มาบอกให้พวกเขาไปที่นั่น!”
จากนั้นเฉินเกอก็สั่งเล๋ยเล่หนึ่งประโยค
“หา?เขาให้พวกเราไปที่นั่น คุณพี่เฉิน ไม่ใช่ว่าพวกเรารู้ว่าเป็นฝีมือของคุณแล้วนะ?”
เล๋ยเล่หยุดชะงักขึ้นมาทันที พลางถามเฉินเกอด้วยสีหน้างุนงง
“คุณวางใจได้ พวกเขาไม่รู้หรอกว่าเป็นฝีมือของผม พวกเขาแค่อยากให้ผมไปจัดการคดีเรื่องนี้ พอดีเลย ผมจะได้บอกวิธีแก้ไขให้กับพวกเขาได้ เพราะยังไงเสียพวกเขาก็ไม่รู้กลวิธีการจัดการของพวกเราอยู่ดี”
เฉินเกอมองเล๋ยเล่พลางบอกเล่า
ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเฉินเกอ เขาไม่มีทางทิ้งร่องรอยไว้เด็ดขาด
อีกทั้งเรื่องเช่นนี้มีเพียงเฉินเกอเท่านั้นที่สามารถจัดการได้อย่างรัดกุมไร้ที่ติ
พูดจบ เฉินเกอก็พาเล๋ยเล่ออกจากบ้าน และมุ่งหน้าไปยังทิศทางสำนักหงซินทันที
“คุณพี่เฉิน คุณต้องใช้วิธีวิญญาณออกจากร่างใช่ไหม?คุณว่าเมื่อไหร่ผมจะฝึกไปถึงขั้นนั้นได้ล่ะ?”
ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เล๋ยเล่ก็ถามเฉินเกออย่างอยากรู้อยากเห็น เขาก็อยากจะไปฝึกความสามารถในด้านวิญญาณออกร่างจังเลย
“อย่ารีบร้อน คุณได้ฝึกแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้คุณต้องเรียนรู้จากพื้นฐานเสียก่อน!”
เฉินเกอเอียงหน้าไปมองเล๋ยเล่พลางพูดขึ้นมา
มีบางอย่างมันไม่ใช่จะฝึกกันได้ง่ายๆ เฉกเช่นยังทันฝึกเดินเลย จะไปฝึกวิ่งได้อย่างไรกัน
ระหว่างที่สนทนากันอยู่นั้น ทั้งสองคนก็ได้เดินทางมาถึงสำนักหงซินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เห็นคนจำนวนมากอยู่ทั้งด้านในและด้านนอกของสำนักหงซินอย่างคึกคัก
มีรถหลายคันจากสำนักตรวจสอบจอดอยู่ที่ประตูทางเข้า ซึ่งในเหตุการณ์มีสารวัตรจำนวนมากกำลังคอยรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่
เฉินเกอนำเล๋ยเล่เดินเข้าไป
“เล๋ยเล่ เดี๋ยวเข้าไปแล้วคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น ผมจะจัดการทุกอย่างเอง!”
ขณะที่เฉินเกอกำลังเดินเข้าไปอยู่นั้นก็ได้กระซิบเตือนเล๋ยเล่หนึ่งประโยค
เล๋ยเล่ได้ยินก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“คุณพี่เฉิน ผมเข้าใจอยู่!”
เล๋ยเล่เข้าใจความหมายที่เฉินเกอพูดอยู่แล้ว
ทั้งสองเดินไปถึงหน้าประตูก็ถูกสารวัตรจากสำนักตรวจสอบขวางเอาไว้
“ท่านหลินของพวกคุณล่ะ?ท่านหลินให้พวกเรามาที่นี่ ผมคือเฉินเกอ!”
เฉินเกอมองสารวัตรที่ขวางตนไว้แวบหนึ่ง จากนั้นก็ถามอีกฝ่าย พร้อมกับบอกสถานะและชื่อของตนให้อีกฝ่ายทราบ
เมื่อได้ยินชื่อเฉินเกอ ทันใดนั้นสารวัตรผู้นั้นก็มีสีหน้าประหลาดใจเกิดขึ้น
“ขออภัยครับคุณเฉิน ท่านหลินรอพวกคุณอยู่ด้านในตั้งนานแล้วครับ”
สารวัตรรีบเปิดทางแล้วพูดกับเฉินเกอ
ถึงแม้เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของเฉินเกอมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินชื่อของเฉินเกอ เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเฉินเกอ ดังนั้นเขาจึงรีบหลบทางให้ ถ้าหากทำให้คดีนี้ต้องล่าช้าออกไป ตัวเขาเองจะรับผิดชอบไม่ไหว
เฉินเกอพาเล๋ยเล่เดินเข้าไป
เมื่อเดินเข้าไปถึง หลี่เยว่เหอก็มาต้อนรับทันที
“คุณเฉิน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”
หลี่เยว่เหอกล่าวทักทายเฉินเกอ จากนั้นก็นำเฉินเกอเข้าไปด้านใน
เฉินเกอแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเลย และแสร้งทำเป็นไม่รู้ทางเดินตามหลี่เยว่เหอเข้าไปด้านใน
พอมาถึงห้องโถงก็เห็นเก่อเล่กับผู้ชายอีกหนึ่งคนที่มีรอยมีดนอนจมอยู่กับกองเลือด
“เกิดอะไรขึ้น?”
เฉินเกอเสแสร้งถามอย่างสงสัยหนึ่งประโยค
“ตายด้วยการใช้มีดฟันแค่ครั้งเดียว จากการสอบสวนปากคำลูกน้องที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน บอกว่าเก่อเล่กับรอยมีดฟันนั้นถูกกระทำลอยไปกลางอากาศโดยไม่เห็นใครเลย และทันใดนั้นบริเวณคอของพวกเขาสองคนก็มีรอยเลือดขึ้นมาหนึ่งสาย จากนั้นก็เสียชีวิตลง เวลาตายช่างพิสดารจริงๆ”
หลี่เยว่เหอเล่าข้อมูลที่ตนรู้ทุกอย่างให้เฉินเกอฟัง
หลังจากที่เฉินเกอได้ยินแล้วก็ไม่มีความประหลาดใจแม้แต่น้อย
“นอกจากพวกนี้แล้วยังมีเรื่องอะไรอีกไหม”
เฉินเกอหยุดสักพัก จากนั้นก็ถามหลี่เยว่เหออีกครั้ง
หลี่เยว่เหอส่ายหัว
“นอกจากข้อมูลในเหตุการณ์นี้แล้วก็ไม่มีเบาะแสอะไรอีกเลย”
หลี่เยว่เหอตอบอย่างจนปัญญา
จากนั้นเฉินเกอก็พาเล๋ยเล่สำรวจบริเวณโดยรอบ
ถึงแม้จะเป็นฝีมือของเฉินเกอ แต่เฉินเกอก็ยังต้องแกล้งทำเป็นสำรวจคลี่คลายคดี
“กลิ่นความเคียดแค้นฉุนมาก”
และในเวลานี้ จู่ๆ เฉินเกอก็ได้กลิ่นอายความเคียดแค้นที่ฉุนมาก จึงพูดอย่างตกใจขึ้นมากะทันหัน