ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 949
บทที่ 949 ถูกขังอยู่ที่เดิม
“ท่านหลิน ถ้าพวกคุณอยากออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยก็ให้คนของคนเชื่อฟังหน่อย ไม่ต้องไปยุ่งกับอะไรทั้งนั้น มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พวกเราก็จะออกไปไม่ได้กันหมดแล้ว!”
หลังจากหยุดชะงักไปชั่วครู่ เฉินเกอก็มองหลินเทียนหยวนแล้วเตือนหนึ่งประโยค
พูดจบเฉินเกอก็ไม่ได้หันหน้ากลับไปมองแล้วเดินออกไป
เฉินเกอพูดอย่างละเอียดแล้ว ส่วนจะฟังเข้าหูหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับหลินเทียนหยวนแล้ว
มองแผ่นหลังของเฉินเกอแล้ว หลินเทียนหยวนก็ละสายตามามองผู้ชายคนเมื่อกี้ที่มือบอนไปทำเรื่องโดยพลการ ซึ่งจ้องด้วยสายตาดุดัน หากไม่ใช่เขามือบอน ตอนนี้พวกเขาก็คงไม่ถูกขังอยู่ที่นี่หรอก
เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของหลินเทียนหยวน ผู้ชายคนนั้นก็ก้มหน้าไม่กล้าไปสบตากับหลินเทียนหยวนอีกต่อไป
“ถ้าใครมือบอนอีกล่ะก็ ผมจะหั่นมือคนนั้นทิ้งเลย!”
จากนั้นหลินเทียนหยวนก็กวาดสายตามองคนที่ตนพามาพลางกล่าวตักเตือน
ได้ยินคำพูดของหลินเทียนหยวน ลูกน้องของเขาต่างพยักหน้าตอบรับ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งหลินเทียนหยวนเลย
บัดนี้เฉินเกอกำลังเดินสำรวจภายในถ้ำทั้งหมด
เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นเดินตามเฉินเกออยู่ด้านหลัง พวกเขาก็กำลังช่วยค้นหาจุดที่แตกต่างกัน จะออกไปจากที่นี่ได้
แต่ว่าสำรวจดูตั้งนานพวกเขาก็ไม่เจอทางออกอะไรเลย ด้านในเหมือนถูกปิดแน่นอย่างนั้นเลย
“คุณพี่เฉิน ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีทางอื่นให้ไปได้แล้วนะ?”
เล๋ยเล่ถามเฉินเกออย่างสงสัย
“ใช่แล้ว พี่เฉิน ดูเหมือนพวกเราต้องถูกขังอยู่ในนี้แล้วล่ะ!”
หวางหยุ่นอดไม่ได้ที่จะต้องทอดถอนหายใจ
ทันใดนั้นเขารู้สึกเสียใจที่ได้ร่วมมือกับหลินเทียนหยวน
ถ้ารู้แต่เนิ่นๆ คงไม่ไปทำเช่นนั้นแล้ว
ตอนนี้พวกเขาไม่มีที่ให้ถอยหลังแล้ว
“ทุกอย่างล้วนมีเหตุและผล ที่นี่ต้องวางกลไกอะไรบางอย่างเอาไว้แน่ๆ ถึงได้ปิดกั้นทางเข้าถ้ำเอาไว้!”
เฉินเกอพูดเสียงราบเรียบหนึ่งประโยค
“คุณพี่เฉิน จะว่าไปก็แปลกเหมือนกันนะ ที่นี่มีหยกบริสุทธิ์มากมายแต่ไม่เคยถูกค้นพบและไม่เคยถูกเคลื่อนย้ายออกไป มันช่างแปลกประหลาดจริงๆ !”
เล๋ยเล่อุทานด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง
หยกมากมายเช่นนี้หากอยู่ภายนอก คงถูกคนหมายปองและเอาไปจนหมดสิ้นตั้งนานแล้ว
“คิกคิก คุณคิดว่าที่นี่ธรรมดาสักที่ไหนกันล่ะ?ในเมื่อไม่เคยถูกคนเอาออกไปนานหลายปีขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ”
เฉินเกอได้ยินเล๋ยเล่พูด จึงยิ้มน้อยๆ พลางอธิบายขึ้นมา
และในเวลานี้ จู่ๆ เฉินเกอก็สังเกตเห็นจุดที่แปลกประหลาดที่หนึ่ง มันช่างดึงดูดสายตาของเขายิ่งนัก
เฉินเกอรีบเดินเข้าไปตรวจดู
แต่เมื่อดูแล้วทำให้พวกเขาต้องรู้สึกตกตะลึง
ภายในหยกที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขามีกระดูกขาวอยู่กองหนึ่ง
“อัน…อันนี้เป็นกระดูกใช่ไหม ทำไมกลายเป็นสภาพนี้ไปได้!”
เล๋ยเล่พูดอย่างประหลาดใจออกมา คิดไม่ถึงว่าด้านในหยกจะมีกระดูกขาวอยู่
“คนนี้น่าจะถูกขังอยู่ในจนตาย จากนั้นก็กลายเป็นกระดูก และเวลาผ่านไปนานหลายปี หยกจึงได้ขึ้นบดบังมันเอาไว้ ดังนั้นจึงได้กลายเป็นสภาพเช่นนี้!”
เฉินเกอสังเกตดูสักพักก็ได้อธิบายออกมา
ดูเมื่อว่าที่นี่จะไม่ใช่พวกเฉินเกอเป็นกลุ่มแรกที่มา แต่เคยมีคนมาก่อน
จากนั้นก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกับพวกเขาตอนนี้ คือถูกกักขังไว้ที่นี่ จากนั้นก็หาทางออกไปไม่ได้ จึงต้องตายอยู่ที่นี่
และหลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ศพก็ได้กลายเป็นกระดูก ส่วนหยกที่ขึ้นออกมาเป็นจำนวนมากก็ได้หุ้มล้อมกระดูกเอาไว้ เหมือนกับได้สอดใส่เข้าไปด้านในอย่างนั้น
“ฟ่อ!”
ได้ยินคำพูดของเฉินเกอ เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นสองคนก็ต้องสูดลมหายใจเข้าอย่างขนลุก
“คุณพี่เฉิน คุณว่าพวกเราจะเป็นเหมือนพวกเขาที่ต้องตายอยู่ที่นี่ไหม!”
เล๋ยเล่ถามเฉินเกออย่างกังวลใจ
“ถุ้ย ไอ้เด็กบ้าอย่าพูดไปเรื่อยสิ ต้องเชื่อมั่นในตัวอาจารย์สิ ผมเชื่อว่าเฉินเกอต้องมีวิธีพาพวกเราออกไปแน่ๆ !”
เล๋ยเล่เพิ่งจะพูดจบก็ถูกหวางหยุ่นต่อว่า หวางหยุ่นเลือกที่จะเชื่อมันในตัวของเฉินเกอ
“หากดูจากสถานการณ์ตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเราจะถูกขังตายอยู่ที่นี่!”
แต่ทว่าวินาทีต่อมา เฉินเกอกลับให้คำตอบเช่นนี้
ได้ยินเฉินเกอตอบเช่นนี้ เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นสองคนก็เบิกตาโตขึ้นมา พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะให้คำตอบเช่นนี้ ซึ่งทำให้ฟังแล้วยิ่งรู้สึกสิ้นหวังเข้าไปอีก
เฉินเกอพูดจบก็เริ่มเดินต่อเข้าไปส่วนที่ลึกกว่า
เพราะถ้ำแห่งนี้กว้างขวางมากยังไม่ได้สำรวจให้ถี่ถ้วนเลย จึงต้องเดินสำรวจให้หมดหนึ่งรอบก่อนถึงจะรู้เรื่อง
จากนั้นเฉินเกอก็พาเล๋ยเล่กับหวางหยุ่นสองคนเดินลึกเข้าไปภายในถ้ำ
“ตี่…..!”
ได้ยินเสียงหยดน้ำส่งผ่านมา ซึ่งเป็นเสียงที่ชัดเจนและไพเราะเสนาะหูมาก ทำให้คนฟังผ่อนคลายไร้กังวลและอิสระเป็นอย่างมาก
เสียงไพเราะเสนาะหูเช่นนี้ก็คงได้ยินเฉพาะที่นี่แหละ
เหมือนดั่งเช่นเมืองกรุงที่แสนจะวุ่นวายและหนวกหูคงไม่มีทางจะได้ยินเป็นแน่
“อ้าว คุณพี่เฉิน เป็นเสียงที่น่าฟังมากเลย!”
เล๋ยเล่ออดไม่ได้ที่จะต้องพูดด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้วผมก็รู้สึกว่าไพเราะมาก เหมือนกำลังอยู่ดื่มด่ำธรรมชาติอยู่กลางหุบเขายังไงอย่างนั้น!”
หวางหยุ่นพูดด้วยความสดชื่นเบินบานใจ
ทันใดนั้นเฉินเกอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา รีบหันหน้าไปมองพวกเล๋ยเล่กับหวางหยุ่นสองคน
กลับพบว่าพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้สติและตกอยู่ในภวังค์ของเสียงหยดน้ำ
แต่เฉินเกอกลับไม่ได้รับการสะทกสะท้านแต่อย่างใด
“ไม่ดีแล้ว เสียงนี้ไม่ชอบมาพากล!”
เฉินเกอรู้สึกตกใจกะทันหัน เขารู้ว่าเสียงหยดน้ำนี้ต้องไม่ธรรมดา สามารถทำให้คนหลุดเข้าไปอยู่ในภวังค์แล้วทำให้เกิดภาพหลอนขึ้นมาได้
“เล๋ยเล่ หวางหยุ่น พวกคุณสองคนมีสติหน่อย!”
เฉินเกอรีบเดินเข้าไปหาพวกเขาสองคน พลางยื่นมือไปเขย่าตัวพวกเขาสองคนแล้วร้องเรียก
แต่ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย พวกเขาสูญเสียการตอบสนองและการรับรู้แล้ว
เมื่อทำอะไรไม่ได้ เฉินเกอจึงได้แต่เดินกลับไปยังตำแหน่งเดิมของถ้ำอีกครั้ง
พบว่าไม่เพียงแต่เล๋ยเล่กับหวางหยุ่นสองคน แต่พวกหลินเทียนหยวนต่างก็ตกอยู่ในภาพหลอนเช่นกัน พวกเขามีสีหน้าที่ผ่อนคลายและมีความสุขอย่างไม่รับรู้โลกภายนอกเลย
ตอนนี้เฉินเกอเข้าใจแล้ว ถ้าหากเสียงหยดน้ำยังคงดังต่อเนื่อง คนพวกนี้ก็จะไม่มีทางกลับไปเป็นดังเดิมแน่นอน
วิธีเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือ เฉินเกอต้องหาต้นน้ำที่ทำให้เกิดเสียงหยดน้ำนี้ให้ได้และขจัดเสียงหยดน้ำนี้ทิ้งไป จึงจะทำให้ทุกคนกลับมาเป็นปกติ
และยังมีอีกอย่าง ในที่สุดเฉินเกอก็รู้ว่าสาเหตุว่าคนก่อนหน้านี้ทำไมถึงได้ตายกันอยู่ที่นี่ได้
เป็นเพราะได้ยินเสียงหยดน้ำที่ไพเราะเช่นนี้ จากนั้นก็ทำให้คนพวกนี้สูญเสียการรับรู้ และเสียชีวิตไปอย่างมีความสุขโดยที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย มันช่างเป็นวิธีที่โหดเหี้ยมเสียจริงๆ
คิดเสร็จ เฉินเกอก็เดินเข้าไปด้านที่ลึกที่สุดของถ้ำคนเดียว
เสียงหยดน้ำส่งออกมาจากตำแหน่งที่ลึกที่สุดภายในถ้ำแห่งนี้ เดินไปตามเสียงที่ส่งมาก็พอแล้ว