ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก - บทที่ 53 ฉันมาคืนหนี้
ชางหลิงก้มหน้าลง สองมือประสานกันแน่น รู้สึกตื่นเต้น
แต่ว่า เธอคิดอยู่นานมาก ก็เอ่ยปากพูดอย่างกล้าหาญ
“คุณโม่ ฉันขอบใจที่คุณมอบโอกาสการแข่งขันใหม่นี้ให้กับฉัน แต่ว่า ฉันจะเอาชนะเธอได้ไหม ฉันอยากใช้ความสามารถของตัวเอง”
เธอโค้งคำนับโม่โม่อย่างจริงใจ อาจเป็นเพราะตื้นตันใจ อาจจะเป็นเพราะรู้สึกผิด
ชางหลิงเดินออกไป ในสมองมีความรู้สึกมากมายพุ่งขึ้นมา
โหมวยู่ ชางฉิง โม่โม่……
คนพวกนี้อยู่ในความคิดเธอ สะบัดยังไงก็ไม่ออกไปสักที
พอเลิกงาน หลีซินก็มารับเธอกลับคลับnovaเหมือนทุกวัน ไม่แปลกใจ โหมวยู่กลับไปนานแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ทีวีบนโซฟา
ชางหลิงอยากเมินเขาและเดินไปที่ห้องตัวเอง แต่ว่า พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เธอก็หยุดลง และเดินไปตรงหน้าโหมวยู่
เธอขวางหน้าทีวีที่โหมวยู่ดูอยู่ เขาเอียงตัว เธอก็ขยับไปอีกก้าวตาม
โหมวยู่เงยหน้าขึ้น มองดูเธออย่างไม่ทราบสาเหตุ
“นายอธิบายมาเดี๋ยวนี้เลย” ชางหลิงจับกระเป๋าไว้ ดูท่าทีจริงจัง
โหมวยู่เอนตัวไปด้านหลัง เลิกคิ้วขึ้น
“เมื่อคืนนายไปไหน?” ชางหลิงถามเขา
“กลับบ้านไง” โหมวยู่ตอบ
“นายโกหก!” ชางหลิงโกรธและพุ่งไปนั่งที่โซฟา “เมื่อคืนนายอยู่กับชางฉิง มีคนเห็นชางฉิงขึ้นรถนายด้วย”
โหมวยู่วางรีโมตในมือลง “เธอคิดว่า ฉันจำเป็นต้องรายงานการเดินทางของฉันกับเธอหรือเปล่า?”
สีหน้าเขาไร้อารมณ์ น้ำเสียงเรียบเฉย แต่ชางหลิงที่ได้ยินแล้ว กลับเหมือนน้ำเย็นที่สาดหน้าเธอ
“ฉัน……ฉันไม่ได้จะไล่ถามนายหรอกนะ แต่ว่า……” ตอนแรกตลอดทางมีคำถามมากมายอยากจะถาม แต่ว่า เห็นโหมวยู่มีท่าทีเย็นชา เธอก็รู้สึกว่า เหมือนไม่จำเป็นแล้ว
“ไม่มีอะไรแล้ว” ชางหลิงลุกขึ้น เดินกลับไปที่ห้องตัวเองอีกครั้ง
เขาไม่จำเป็นต้องรายงานการเดินทางของเขากับเธอก็จริง เพราะยังไง ในความสัมพันธ์ของพวกเขา เธอไม่มีสิทธิในการพูดว่า “ไม่”
ภายในห้องรับแขก โหมวยู่จ้องโทรทัศน์ แต่กลับไม่ได้ดูเนื้อหาในนั้น ไม่นาน หลีซินก็เคาะประตูเข้ามา
“พี่ใหญ่ หาผมเหรอครับ?” หลีซินถามเขา
โหมวยู่เงยหน้าขึ้น มองหลีซินอยู่นาน นานมากไม่พูดอะไร
หลีซินรู้สึกบรรยากาศแปลกไป ก็ยืนตัวตรงขึ้นกว่าเดิม
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป นายไม่ต้องไปส่งเธอทำงานแล้วล่ะ” นานมาก โหมวยู่ก็ถึงพูดออกมา
“ทำไม……” หลีซินรู้สึกแปลกๆ กำลังจะถามเหตุผล แต่พอเห็นแววตาไม่พอใจของโหมวยู่ ก็รีบหุบปากตัวเองทันที
“ครับ” หลีซินก้มหน้าลง
โหมวยู่ไม่พูดอะไรอีก หลีซินยืนอยู่สักพัก กำลังจะออกไป แต่เดินได้ไม่กี่ก้าว ก็หยุดลงอีกครั้ง
“พี่ใหญ่ ผมไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่า ถ้าเป็นเหมือนเหตุผลที่ผมคิด ผมอยากให้พี่ใหญ่วางใจได้ ผมมองเธอเป็นพี่สะใภ้มาตลอด ไม่เคยคิดเกินเลย”
หลีซินได้ยินข่าวด้านนอกมาบ้าง ขนาดเพื่อนสนิทของชางหลิงซูเสี่ยวเฉิงยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับชางหลิงเลย คิดว่า ข่าวลือนี้โหมวยู่คงได้ยินเข้าแล้ว
“ฉันไม่เคยสงสัยนายมาก่อน” โหมวยู่ตอบอย่างเรียบง่าย
หลีซินคิ้วที่ขมวดเป็นปมก็คลายออก เขายิ้ม ถอนหายใจอย่างโล่งอก “งั้นผมไปทำงานนะครับ”
โหมวยู่สูดหายใจเข้าลึกๆ
เขาเชื่อใจหลีซินและพวกพ้องอยู่แล้ว แต่ว่า ในตอนที่ได้ยินข่าวลือนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน โดยเฉพาะวันนี้ โม่โม่มาบอกกับเขาว่าเธอช่วยชางหลิงให้ได้เข้าแข่งขันอีกครั้ง
เธอพูดถึงชางหลิง เรียกน้องสะใภ้อย่างเป็นมิตร ยังบอกว่าหลีซินกำลังจะมีข่าวดี จะเตรียมของขวัญแต่งงานให้พวกเขา
โหมวยู่ได้ยินข่าวลือนี้นานแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เขาไม่คิดเลยว่า ชางหลิงกลับไม่ปฏิเสธอะไรเลย
ตรงห้องหนังสือมีเสียงดังขึ้น ชางหลิงกลับไปถึงห้อง อยากจะตั้งใจออกแบบงาน แต่วันนี้ถูกเข้าใจผิดที่บริษัทไม่พอ กลับมาโหมวยู่ยังมีท่าทีเย็นชาแบบนั้นอีก เธอรู้สึกวุ่นวายใจมาก
เห็นบนโต๊ะรกรุงรัง เธออยากจะเก็บกวาด แต่ในตอนที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อยากทำเรื่องอะไรให้ดีก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ปลายเสื้อไปโดนที่ใส่ปากกา ในตอนนั้นเอง สีมากมายกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด
ชางหลิงมองดูพื้นที่เต็มไปด้วยสี ไม่รู้ทำไม อารมณ์ที่ข่มไว้ก็ระเบิดออกมา เธอทรุดตัวลงไปที่พื้น ปิดหน้าไว้ ร้องไห้ออกมาเสียงเบา
เธอซวยมากพอแล้ว เพราะชางฉิงแค่คนเดียว ชีวิตเธอถึงได้วุ่นวายแบบนี้ และวันนี้ โหมวยู่อีกคน เขาเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวเองเลย
ถึงแม้คำพูดที่ว่าให้เธออยู่กับเขาตลอดไปเป็นแค่คำพูดตอนเมา งั้นทำไมเขาถึงไม่ยอมหย่าล่ะ? ไม่ใช่คนในโลกเดียวกันอยู่แล้ว เขาอยากอยู่กับใครอยากไปก่อกวนใครก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงมัดเธอไว้กับเขาล่ะ?
เสียงเท้าเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหว ชางหลิงรีบเช็ดน้ำตา หันหลังไป เก็บปากกาที่พื้น ไม่อยากให้โหมวยู่เห็นตัวเองที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำ
“เธอ……” เสียงของเขาดังขึ้นจากบนหัว “แผลเธอเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
ชางหลิงสูดน้ำมูก “ยังดี ไม่ตายหรอก”
โหมวยู่ถอนหายใจเบาๆ โน้มตัวลง ช่วยเธอเก็บ “เมื่อคืนฉันกลับบ้านแล้วจริงๆ ตอนที่ชางฉิงขึ้นรถ ด้านในมีแค่ฉู่ฉือคนเดียว”
มือของชางหลิงหยุดชะงัก แต่ไม่นานก็ขยับต่อ
“นายไม่จำเป็นต้องรายงานการเดินทางของนายก็ได้นะ” ชางหลิงตั้งใจย้อนเขากลับ “ต่อหน้าฉันนายก็เป็นอีกแบบ ต่อหน้าชางฉิงก็อีกแบบ ต่อหน้าคุณโม่ก็อีกแบบ คุณชายรองโหมวอารมณ์ดีมากเลยนะคะ”
โหมวยู่รู้ว่าเธอกำลังงอน ไม่ได้เก็บคำพูดเธอมาใส่ใจ
“เธอยังไม่ยอมรับอีกว่าหึง?” โหมวยู่เอาปากกาในมือวางไว้บนโต๊ะ กอดอก
ชางหลิงลุกขึ้น มองค้อนเขาอย่างแรง “ฉันหึงแล้วยังไง? นายทำตัวเจ้าชู้ด้านนอก ยังไม่ยอมให้ฉันงอนหรือไงกัน?”
โหมวยู่ยิ้มเบาๆ อารมณ์ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
“แต่ว่า ในตอนที่อยู่สถานีตำรวจ ทั้งที่บางคนบอกกับฉันว่า จะให้ฉันช่วยเธอแก้แค้น ทำไมตอนนี้ถึงโทษฉันขึ้นมาล่ะ?”
“นายกำลังแก้แค้นแทนฉันอยู่เหรอ?” ชางหลิงหันหน้าไป “การแก้แค้นของนาย ก็คือให้ชางฉิงมาทำงานในเซิ่งซื่อ กลายเป็นหัวหน้าฉัน ยังมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับเธออีก ให้เธอเอาเรื่องนี้มากระตุ้นฉันอยู่ตลอดเวลา”
“หื้ม?” โหมวยู่เลิกคิ้วขึ้น “ฉันคิดว่าเธอเข้าใจแผนของฉันเสียอีก ไม่คิดว่า ไอคิวเธอจะน่าเป็นห่วงแบบนี้”
เขาหันหลัง เอามือยัดเข้ากระเป๋าและออกไปทันที ชางหลิงครุ่นคิดคำพูดของเขาอย่างละเอียด ก็รีบตามออกไป
“นี่นาย……หมายความว่ายังไง?” ที่เขาทำทั้งหมด หรือว่าเพราะเหมือนกับหยูเฉิน ที่หลงรักชางฉิงเหรอ?
“คิดเอง” โหมวยู่หยิ่งผยอง และเดินออกไปต่อ
“ฉันไม่อยากคิดเอง” ชางหลิงดึงปลายเสื้อเขา “ฉันบาดเจ็บที่หัว พอคิดเรื่องพวกนี้ก็ปวดหัวมาก นายพูดมาตรงๆไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้” โหมวยู่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ถ้าฉันบอกคำตอบไป ยังน่าลุ้นระทึกตรงไหนกัน?”
ชางหลิงมองค้อนเขา แต่ว่า ไม่ปฏิเสธเลยว่า ตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้นมาแล้ว
เธอหยุดเดิน พิงขอบประตู แอบยิ้มตอนที่โหมวยู่ไม่ทันสังเกต
“ไปสิ” โหมวยู่เห็นเธอไม่ตามมา ก็หันหน้าไป
“ไปไหน?” ชางหลิงไม่เข้าใจ
โหมวยู่ไม่ได้พูด แค่เดินออกไปด้านนอกก่อน ชางหลิงไม่เข้าใจว่าเขาอยากทำอะไร ก็เลยเดินตามออกไปด้วย
ลิฟต์เคลื่อนลงด้านล่างตลอด จนถึงโรงรถใต้ดิน โหมวยู่พาเธอไปตรงหน้ารถที่ถูกผ้าสีดำครอบเอาไว้ หยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าตัวเอง ยื่นให้ชางหลิง
“ทำไม?” ชางหลิงถอยหลังออกไป
โหมวยู่เดินไปข้างหน้า ดึงผ้าคลุมรถออกด้วยมือเดียว รถเก๋งสีขาวภายใต้แสงที่สาดส่องลงมาปรากฏขึ้นตรงหน้า
ชางหลิงอ้าปากค้าง จากนั้นเธอก็พึ่งรู้ตัวว่ากุญแจรถอยู่ในมือตัวเอง สีหน้าที่ตกใจแทบจะล้นออกมาอยู่แล้ว
โรลส์-รอยซ์ แฟนธอม!
พระเจ้า
ชางหลิงอดไม่ได้กลืนน้ำลาย เดินเข้าไป เหมือนขุดพบขุมทรัพย์อายุนับร้อยปี
“รถคันนี้……ฉันแค่เคยเห็นในอินเทอร์เน็ตนะ” การสัมผัสนี้ ตัวรถที่เท่ เป็นกลิ่นของเงินทั้งนั้นเลย
“ชอบไหม?” เห็นน้ำลายเธอแทบจะไหลลงบนรถอยู่แล้ว โหมวยู่ก็ยิ้มและถามเธอ
“ชอบสิชอบมาก” ชางหลิงพยักหน้าติดต่อกัน
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป เธอก็ขับเจ้านี่ไปทำงานนะ” โหมวยู่พูดต่อ
ชางหลิงพยักหน้าอีกครั้ง แต่ไม่นาน เธอก็พึ่งรู้ตัว
“ฉัน? นายบอกว่า รถคันนี้ให้ฉันเหรอ?” เธอชี้ไปที่ตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อเลย “ทำไม? นายทำอะไรไม่ดีมา? ถึงอยากทำดีกับฉัน?”
เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกไม่เป็นความจริงเลย
โหมวยู่กระตุกยิ้มมุมปาก “ฉันต้องทำดีกับเธองั้นเหรอ? ก็แค่มาคืนหนี้เท่านั้น”
คืนหนี้? ชางหลิงตาสว่าง คืนนั้นเธอหลอกให้เขาเขียนสัญญาหนี้! เขายังจำได้อยู่อีก ไปซื้อรถมาให้เธอจริงด้วย!